Skill Assessment: Chef

"Skill Assessment: Chef"


1. Skill Assessment แบบ JRP; Job Ready Program สามารถใช้ยื่น Skilled Migrant Visa; Subclass 189, 190, 491 และพวก employer sponosored ได้ อย่างเช่น Subclass 482, 494, 186 หรือ 187


2. Skill Assessment แบบ OSAP; Offshore Skills Assessment Program ใช้ได้กับ employer sponosored อย่างเช่น Subclass 482, 494, 186 หรือ 187 แต่ใช้กับ Skilled Migrant Visa; Subclass 189, 190, 491 ไม่ได้


3. JRP Stage 1; Provisional Skills Assessment (PSA) ใช้ยื่นกับ Subclass 485 ได้เท่านั้น

เรียนอะไรวน ๆ

"เรียนอะไรวน ๆ"

การเรียนอะไรวน ๆ loop คือการฆ่าตัวตายทางอ้อมอีกอย่างหนึ่ง

- Cert IV in Leadership and Management

- Diploma of Leadership and Management

- Advanced Diploma of Leadership and Management

แล้วตามด้วย

- Cert IV in Marketing and Communication

- Diploma of Marketing and Communication

- Advanced Diploma of Marketing and Communication

หรือตามด้วย

- Cert IV in Business

- Diploma of Business

- Advanced Diploma of Business

เราเปล่าดูแคลน course เรียนของใคร

เราพูดไปตามเนื้อผ้า

เลิกใช้คำว่า "ต้นทุนไม่เท่ากัน"

ทุกคนมีต้นทุนเท่ากันครับ

ต้นทุนทางด้าน "ความคิด"

อะไรที่มันวน ๆ

มันก็อยู่ในอ่าง

มันไม่ progress

ถ้าเราเป็น case officer เราก็จะปฏิเสธวีซ่าพวกนี้เหมือนกัน

...no hard feelings...

เราแนะนำนะครับ ถ้าจะเลือกลงเรียนอะไร ก็ลงเรียนอะไรที่มัน specific นิดหนึ่ง เอาสายที่เฉพาะทาง

อย่าเรียนอะไรที่มัน general เกิน

หรือเรียนอะไรที่มันต่อยอดได้ พวกสามารถอาชีพใน long-term list; Medium and Long‑term Strategic Skills List ชีวิตจะได้ไปต่อ

#JMigrationTeam

#MARN0851174

#วีซ่าออสเตรเลีย 💕💕💕

Industry Labour Agreements

"Industry Labour Agreements"

- Advertising industry
- Aged care industry
- Dairy industry
- Fishing industry
- Horticulture industry
- Meat industry
- Minister of Religion
- On-hire
- Pork industry
- Restaurant (premium dining) industry

ART Student Visa; ศาลอุทธรณ์

ART Student Visa; ศาลอุทธรณ์

น้องไป hearing แล้ว
ศาลยังไม่ตัดสิน
น้องมีความ "หมิ่นเหม่"
ด้วยความที่ course ที่น้องเลือกเรียน

- course ง่ายเกินไป general เกินไป
- course ราคาถูก

แต่เราคิดว่าน้องมีปัจจัยอะไรพิเศษที่สามารถชนะได้

เราส่งเอกสารครบหมดแล้ว คิดว่าแน่นมากถึงมากที่สุด
GTE/GST ก็เขียนให้ใหม่หมด
น้องก็ตอบไปที่ศาลได้ดี อย่าลืมว่ามันมีความประหม่าและ nervous อยู่ในนั้น

และเราก็กล่าวปิดท้ายให้ ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้

ตราบใดที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน เราก็มีโอกาสในการส่งเอกสารเพิ่ม

แต่มันก็ไม่มีเอกสารอะไรเพิ่มแล้ว เราส่งไปหมดแล้วจริง ๆ ทั้งเอกสารการเรียนที่นี่ และเอกสารเรื่อง asset ต่าง ๆ จากเมืองไทย

สงครามยังไม่จบ นับศพยังไม่ได้

10pm เป็นเวลานอนปรกติของเรา
แต่มันเหมือนมีอะไรคาใจ
มันยังไม่สุด

เรา draft email หาศาล
เขียนเหตุและผล เรื่องราวส่วนตัวของน้องและอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง
persuative writing ต้องมา
อ่านยังไงให้น้ำตาร่วง (เราก็คิดว่าปลายปากกาเราก็พอใช้ได้อยู่ หนึ่งในตองอูเหมือนกัน) สะกิดความเป็น humane ของคนอ่านออกมา

ส่ง email หาศาลตอน 11:28pm ก่อนเที่ยงคืน

OK โล่ง เหมือนว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราให้สุดทางแล้ว

นี่คืองานเบื้องหลังที่หลาย ๆ คนไม่รู้
จู่ ๆ มันจะชนะที่ศาลอุทธรณ์เลยไม่ได้ครับ มันต้องมีคน work hard at the background ทั้งเราและทีมงาน

ลูกค้าเรารู้ดี "ทีม J" ทำงานกันแบบไหน
email กันไปมาแทบจะ 24hr อยู่แล้ว น่าจะแพ้ก็แค่ 7-Eleven นี่แหละ

กับเวลาที่ spend ไปกับแต่ละ case
ไม่ง่ายนะครับ แต่ก็นั่นแหละ มันคือ "หน้าที่"

โลกไม่จำเป็นต้องรู้
แค่ลูกค้ารู้
ทีมงานรู้
เรารู้
ก็สุขใจแล้ว 💕 💕 💕

กราบขอบคุณหลาย ๆ คนที่เลือกใช้บริการของเรา
สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ

...17 ปีในวงการ...
...ก่อตั้งเอง ไม่ได้ไปซื้อหรือ take over ใครมา... 💕 💕 💕

Bridging Visa A (วีซ่านักเรียน) จะยื่น Partner Visa

"น้องส้มต่อน" ตอนนี้ถือ Bridging Visa A, รอผลวีซ่านักเรียนอยู่ภายในประเทศออสเตรเลีย (onshore)

น้องต้องการยื่น Partner Visa onshore (subclass 820/801) กับคู่รักของน้อง; "น้องออนซอน"

เท่าที่ P' J ฟังดู
น้องไม่สามารถยื่นเรื่องได้ภายในประเทศออสเตรเลียครับ เพราะคุณสมบัติไม่ครบ schedule 3 

ยื่นได้นะครับ ได้ Bridging Visa C แน่นอน

แต่วีซ่าไม่น่าจะผ่าน เพราะน้องไม่ meets requirement ของ schedule 3

P' J แนะนำว่า:

1. น้องส้มต่อนขอ Bridging Visa B แล้วบินออกไปนอกประเทศสัก 2 weeks พอ บินไปที่ไหนก็ได้ สุดแต่ใจจะไขว่คว้า

2. เมื่อน้องบินออกไปแล้ว น้องก็ยื่น Partner Visa offshore; subclass 309/100

3. เสร็จแล้วน้องก็บินกลับเข้ามารอเรื่อง Partner Visa อยู่ภายในประเทศได้ ในระหว่างที่รอวีซ่านักเรียน ชิล ๆ ไป

หรือ 

4. Links Bridging Visa ให้เข้ากับ Partner Visa offshore; Subclass 309 แล้วถอนวีซ่านักเรียน ประหยัดค่าเทอม

หรือ.... หรือ

5. น้องอาจจะรอให้วีซ่านักเรียนออกก่อน แล้วค่อยยื่น Partner Visa onshore ก็ได้; subclass 820/801 แต่ปัญหาคือ น้องไม่รู้ว่าวีซ่านักเรียนของน้องจะออกเมื่อไรหนะสิ สู้บินออกไปยื่นแล้วบินกลับเข้ามา ดีไม่ดี Partner Visa อาจจะ grant ก่อนวีซ่านักเรียนก็ได้

น้องส้มต่อนมีทางเลือก
เอาที่น้องสะดวก

ขอให้สุขคารัง
ขอให้ปังคารู

ตาผุย ชุมแพ

ตาผุยชุมแพ แกส่งลูกเรียน

เรียนอยู่ปีสุดท้าย
จบออกมา คงได้ PR

แกขายนา ขายควาย
ขายไปหมดตัว
เหลือไว้ตัวเดียว

ได้มาเท่าไร ส่งให้ ลูกเรียน

ตาผุยรอวัน
ตาผุยรอวัน รออีกไม่นาน
จะมีลูกเป็น PR
เป็น PR

จะฆ่าควาย ตัวสุดท้าย
ต้อนรับ PR

หลายปีผ่าน เนิ่นนาน
ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
PR คนใหม่ ทำไมไม่กลับมา

ตาผุยดีใจ
พบเพื่อนลูกชาย เข้าไปถาม
ไอ้น้อยมันอยู่ที่ไหน

แทบบ้าตาย เพื่อนมันบอกให้
ไอ้น้อยไม่ได้ PR

แล้วไม่นาน
ไอ้น้อยจะกลับมา

ไอ้น้อยไม่ได้ PR เพราะไอ้น้อยลงเรียนอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ วน ๆ loop อยู่ที่ college ห้องแถว ไอ้น้อยไม่ได้ดูเลยว่า ไอ้น้อยควรเรียนอะไร สาขาอาชีพไหนถึงจะมี pathway ไปเป็น PR

ไอ้น้อยปล่อยให้คนอื่นจัดการเรื่องวีซ่าทุกสิ่งอย่าง

"พี่ครับ course อะไรก็ได้ ขอให้เรียนน้อย ๆ ผมจะได้มีเวลาทำงานเยอะ ๆ " ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ไอ้น้อยก็ต้องยอมรับ consequences ที่จะตามมาจากการตัดสินใจของไอ้น้อย

ก็ไม่เป็นไร เราไม่ว่ากัน
ทุกสิ่งอย่าง ไม่มีถูกไม่มีผิด
สถานการณ์ของแต่ละคน และความต้องการของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน

แต่ไอ้น้อยก็ต้องยอมรับสถานการณ์หรือ consequent ที่มันจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น


ถ้าใครไม่อยากจะตกอยู่ในชะตากรรมแบบไอ้น้อย P' J ก็แนะนำให้เตรียมตัวและหาข้อมูลเรื่องคอร์สจะที่ลงเรียนกันตั้งแต่เนิ่น ๆ


เป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ
วางแผนเอาไว้แต่เนิ่น ๆ จะได้ไม่เหมือนไอ้น้อย

Subclass 186, Subclass 187; from 01 July 2025

Subclass 186, Subclass 187

ถ้าใครพร้อมก็ควรยื่น Stage 1: Nomination ในส่วนของนายจ้าง ก่อน 01 July 2025 นะครับ

ก่อนที่ค่าแรงขั้นต่ำจะเป็น $76,515

ส่วน Stage 2; Visa Application ในส่วนของพนักงาน เราจะยื่นเมื่อไหร่ก็ได้ ยื่นเมื่อพร้อม แต่ก็ต้องภายใน 6 เดือน "หลังจาก" ที่ Stage 1: Nomination ผ่านแล้ว

เริ่ม 01 July 2025:

1. Core Skills Income Threshold (CSIT): AUD76,515 + 12% superannuation

2. Specialist Skills Income Threshold (SSIT): AUD141,210 + 12% superannuation

3. Temporary Skilled Migration Income Threshold (TSMIT): AUD76,515 + 12% superannuation

01 July 2025: superannuation จะเพิ่มเป็น 12%

AAT/ART; สรุปได้อุทธรณ์หรือไม่ได้อุทธรณ์

ahem... มีนิทานจะเล่าให้ฟัง

1. ถ้า case ของเราไม่เคยโดนปฏิเสธ เราจะไม่มีการอุทธรณ์

2. ถ้าเราไม่มีการอุทธรณ์ เราจะไม่มี case number

3. หมายเลขอะไรบ่างอย่างที่ขึ้นด้วย 19xxxxx - แล้วตามด้วยชื่อเรา อันนั้นคือหมายเลข case number ของการอุทธรณ์ AAT/ART และหมายเลขขึ้นด้วย 19xxxxx แสดงว่า case นี้โดนปฏิเสธและยื่นอุทธรณ์ไปแล้วเมื่อปี 2019

เรื่องบางเรื่องเราต้องคุยกับทนายที่ยื่นเรื่องหรือดูแลเรื่องของเราโดยตรงนะครับ

อย่าคุยผ่านเลขา หรือบุคคลที่สาม

เพราะบางทีข้อมูลก็ตกหล่น

ป้าจะทำเรื่องแต่งงานให้

วีซ่าแต่งงาน เป็นอะไรที่หลาย ๆ คนชอบทำกัน เพราะไม่ต้องมีการสอบภาษาอังกฤษ

ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษา

ไม่ต้องมีประสบการณ์ในการทำงาน เหมือน Subclass 482/494/186

ไม่ต้องนับแต้มเหมือน Skilled Migrant; Subclass 189/190/491

มันเป็นวีซ่าของความรัก

แต่ก็อยากจะให้มันเป็นรักที่แท้จริงนะครับ

ก็มีบ้างเป็นบางที ที่เราอยากจะช่วยญาติ ๆ หรือหลาน ๆ

คุณป้าอยากจะทำเรื่องวีซ่าแต่งงานให้กับหลาน

ถึงแม้มันจะไม่ใช่การจ้างแต่ง ไม่มีเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง

มันก็ไม่ใช่ความรักที่แท้จริงนะครับป้าครับ

และที่แน่ ๆ ก็คือระบบ online application ของ Partner Visa จะมีคำถามอยู่คำถามหนึ่ง ถามว่า เรากับคนสมัครเป็นญาติหรือเกี่ยวข้องกันทางสายเหลือดหรือเปล่า

แล้วป้ากับหลานป้าจะตอบว่าอย่างไรดี

ถ้าโกหกแล้วโดนจับได้ ก็ถือว่าให้ความเท็จกับทางอิมมิเกรชั่น โดนข้อหา PIC4020 โดนแบน 3 ปี

เอาเป็นว่า เราอยากจะฝากอะไรให้คุณป้ากับคุณหลานนิตส์นึง

ถ้าป้ากับหลานไม่สามารถนอนเตียงเดียวกันแล้วมีอะไรกันได้

ก็อย่าทำเลยครับ

เขียนตรง ๆ เพื่อจะได้มองเห็นภาพ ไม่ได้หยาบคายอะไร

อยากให้ป้ากับหลานลองคิดอะไรกันใหม่

ที่ J Migration Team, วีซ่าคู่รักของเรา เราทำเฉพาะคู่รักที่รักกันจริงเท่านั้นครับ

เพื่อนทำเรื่องให้เพื่อน เราไม่ทำ

ญาติทำเรื่องให้ญาติ เราไม่ทำ

พวกจ้างแต่ง ไม่ต้องพูดถึง

บริษัทเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องอะไรแบบนี้

ทุกวันนี้ busy และมีความสุขกับงานที่ทำ

ทำในสิ่งที่รัก

รักในสิ่งที่ทำ

ชีวิตมีความสุขดี

เราต้องการ quality ไม่ใช่ quantity

แต่ละที่ทำงานไม่เหมือนกัน ก็เลือกเอาที่ถูกจริตใครมันละกัน

วีซ่านักเรียน ยื่น Partner Visa แล้วโดนยกเลิกวีซ่านักเรียน

ถือวีซ่านักเรียน (หรือวีซ่าอะไรก็ตาม) ถ้ายื่น Partner Visa ภายในประเทศ Subclass 820/801 เราก็จะได้ Bridging Visa A

จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ถ้าวีซ่านักเรียนของเราโดนยกเลิก (visa cancellation) อาจจะเป็นเพราะไม่ไปเรียน หรือไม่ได้จ่ายค่าเทอม

สิ่งที่จะตามมาก็คือ

1. เมื่อวีซ่านักเรียนโดนยกเลิก Bridging Visa A ของเราก็จะโดนยกเลิกไปด้วย automatically ดังนั้นเราจะอยู่ในสถานะของคนวีซ่าขาด ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่ามันมีชื่อเรียกกันว่าอย่างไร

สิ่งที่เราต้องรีบทำคือ

2. ยื่นอุทธรณ์ไปที่ ART ให้เร็วที่สุด ตามวันที่กำหนดมาในจดหมาย

3. ยื่นขอ Bridging Visa E เพื่อเราจะได้ไม่เป็นคนที่ "ไม่มีวีซ่า"

4. ต้องทำ 2 กับ 3 ก่อน เราถึงจะอยู่รอ Partner Visa ของเราที่นี่ได้ 

Note: Bridging Visa E ไม่สามารถเดินทางต่างประเทศได้ ต้องอยู่ที่นี่จนกว่า Partner Visa จะ finalise

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ชนะศาลอุทธรณ์; วีซ่านักเรียน

"สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ชนะศาลอุทธรณ์; วีซ่านักเรียน"

AAT/ART ชนะแล้ว หมดหน้าที่ของ "J Migration Team" เพราะเราถูกจ้างมาเพื่อดูแลการอุทธรณ์เท่านั้น

เราไม่ได้ทำวีซ่านักเรียน

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ

1. เรื่องจะถูกส่งกลับไปให้ case officer พิจารณาใหม่ ให้ grant visa แต่ก่อนที่จะ grant เขาก็จะดูก่อนว่ามีเอกสารอะไรจะหมดอายุหรือเปล่า อย่างเช่นผลตรวจร่างกาย...etc...etc....

2. Case officer จากอิมมิเกรชั่นจะส่ง email ไปหา Student Agent หรือคนที่ยื่นเรื่อง ไม่ส่งมาที่ "J Migration Team"

3. คนสมัครจะต้องบอก Student Agent ของคนสมัครให้รอรับ email จาก case officer ด้วยนะครับ แล้วก็สานกันต่อเลย จะไปตรวจร่างกายหรืออะไรก็ว่าไป แล้ววีซ่าก็จะ grant (ถ้าไม่มีอะไรติดขัด)

กราบขอบคุณที่เลือกใช้บริการของเรา

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ