Monday, August 29, 2022

"วีซ่าขาด" ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด


วีซ่าขาด ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหลบ ๆซ่อน ๆ ไม่ต้องอยู่เป็นเบี้ยล่างของใคร ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาข่มขู่ รีดไถ หรือทำให้ความเป็นมนุษย์ของเรามันถดถอยน้อยลงไป


เราแนะนำให้คนที่วีซ่าขาด ให้ดำเนินชีวิตไปตามปกติเหมือนคนอื่น ๆ โดยทั่วไป เพียงแต่ว่าเราทำงานไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง... ตรงนี้มันไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าทำก็ต้องทำแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ 

สาเหตุที่เราบอกว่าคนที่วีซ่าขาด ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหวาดระแวงนั้นก็เพราะว่า
  • ช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีการถดถอย Global Financial Crisis (GFC) ในช่วงรัฐบาลของ Kevin Rudd, รัฐบาลชุดนั้นได้มีการลดค่าใช้จ่ายด้วยการลดจำนวนพนักงานข้าราชการของกระทรวงอิมมิเกรชั่นไป 10% ซึ่งก็ถือว่าเยอะมาก หลังจากนั้นเป็นต้นมา การที่อิมมิเกรชั่นจะออกไปตรวจจับคนที่วีซ่าขาดนั้นแทบจะไม่มีเลย เพราะว่าทางอิมมิเกรชั่นเองก็ขาดบุคากรทางด้านนี้
  • ทางอิมมิเกรชั่นเองตอนนี้ จะออกจับกุมพวกที่วีซ่าขาด ก็ต่อเมื่อมีคนแจ้งข้อมูลเข้ามาเท่านั้น อิมมิเกรชั่นจะไม่จู่ ๆ ก็มาเคาะประตูหน้าบ้านเรา ไม่ใช่นะครับ คือต้องมีคนแจ้งข้อมูลเข้าไป
  • ดังนั้นถ้าเราใช้ชีวิตไปตามปกติ เราไม่ได้ไปเหยียบหางใคร คิดว่าคงจะไม่มีใครมาคิดร้ายอะไรกับเรา เราก็ไม่ควรที่จะตื่นเต้น หรือนอนหวาดผวาไปสะทุกคืน เดี๋ยวจะกลายเป็นโรคจิตกันพอดี 

ทนายความหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์ทุกคน เรามีหน้าที่ที่จะให้ความช่วยเหลือและปกป้องทุกคนที่เข้ามาปรึกษา เพราะว่านั่นมันเป็น code of conduct ที่พวกเราต้องทำตาม เพราะถ้าไม่ทำตาม นั่นก็หมายถึงว่าใบประกอบวิชาชีพ license เราอาจจะโดนยึดได้ ดังนั้นการที่คนเราวีซ่าขาดนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหวาดผวาหรือกลัวว่า เวลาไปปรึกษาทนายความหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์แล้ว เราจะมีการแจ้งจับ

ตรงกันข้าม เราปกป้อง ให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือต่างหาก ว่าชีวิตหลังจากนี้จะต้องอะไร ยังไง

การกดขี่ข่มเหงคนที่วีซ่าขาด และเอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทำอะไรต่อไปในชีวิตก็คงไม่เจริญหรอก 

สถานการณ์ชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ให้โอกาสกับคนอื่นบ้าง ให้ที่กับคนอื่น ที่ให้เขาได้ยืน ได้หายใจบ้าง ถ้าคนเรามันเลือกได้ เราก็คิดว่าเขาคงไม่อยากวีซ่าขาดกันหรอก

ปัญหาทุกอย่างมีทางออก... ขอให้เรารู้เรื่องกฏหมายบ้าง รู้การเปลี่ยนแปลง และการผลันเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาล 

ถ้ามัวแต่จับกลุ่มคุยกันกับคนข้างบ้าน คำตอบที่ได้ก็จะแบบ "บ้าน ๆ"

หลาย ๆ คนบอกว่าการที่คนไทยมาแล้วหนีวีซ่า มีผลให้คนไทยขอวีซ่ามาที่ประเทศออสเตรเลียยาก

ไม่จริงเสมอไปครับ
ถ้าเราคุณสมบัติครบในการขอวีซ่า subclass นั้น ยังไงวีซ่าเราก็ผ่าน

ก่อนที่เราจะโทษคนอื่นว่าทำให้ประวัติคนไทยเสียนั่น นี่ โน่น
เอาเวลาไปจัดการชีวิตตัวเอง ทำให้ตัวเองมีคุณสมบัติครบตามที่ทางอิมมิเกรชั่นกำหนดจะดีกว่าครับ

ส่วนคนที่วีซ่าขาด ก็อย่างที่บอกว่า ใช้ชีวิตตามปรกติได้ แค่ไม่ไปเหยียบหางใครก็พอ

ส่วนคนที่มีวีซ่า ก็ไม่ต้องไปกดขี่ข่มเหงใคร กฎแห่งกรรม ไม่ช้าก็เร็วจ๊ะ

Note: เราเขียนเองทุกตัวอักษร
ไม่ชอบให้เลื่อนผ่าน ไม่ต้องเสียเวลาซึ่งกันและกัน

Copyright: แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture

No comments:

Post a Comment