Wednesday, August 31, 2022

วีซ่าขาดกับ Partner Visa



คนเราก้าวพลาดได้ คนที่ไม่เคยก้าวพลาดเลยส่วนมากก็คือคนที่นอนอยู่บ้านเฉย ๆ 

อะไรที่มันเกิดขึ้นแล้ว เราย้อนอดีตไปแก้ไข้มันไม่ได้
แต่เราทำวันนี้ ณ ปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดได้ ในเวอร์ชันของเรา

วีซ่าขาด ไม่ได้แปลว่าชีวิตเขาต้องขาด
วีซ่าเขาจะขาดด้วยเหตุผลอะไร มันคือเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่ต้องไป judge ใคร ตัวเองเอาตัวเองให้รอดก่อน

จากสถิติของรัฐบาลออสเตรเลีย ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีวีซ่าขาดมากที่สุด บางทีเราก็ไม่ต้องมโนกันให้มาก

คนที่วีซ่าขาดจะทำให้คนไทยขอวีซ่ายากหรือเปล่านั้น
hmmm... ถ้าคุณสมบัติส่วนตัวของเราครบ ขอวีซ่าอะไรก็ไม่น่าจะมีปัญหานะครับ จัดการที่คุณสมบัติของตัวเราเองดีกว่า มันเป็น factor ที่เรา control ได้

anyway... เริ่มเข้าเรื่องที่จ่าหัวเอาไว้

วีซ่าขาดกับ Partner Visa รู้สึกว่ามันช่างเป็นของคู่กันเสียนี่กระไร
โดยส่วนตัวแล้วเรามองเรื่องวีซ่าขาด เป็นเรื่องเฉย ๆ มาก เราไม่ได้ treat คนที่วีซ่าขาดแตกต่างจากคนอื่น วีซ่าขาดไม่ได้ทำให้ความเป็นคนของเราลดลง แต่การยื่นวีซ่าอาจจะมีข้อจำกัดหรือยุ่งยากหน่อยก็แค่นั้นเอง ดังนั้นคนที่วีซ่าขาด หรือบางคนถือ Bridging Visa E ก็ต้องใจเย็น ๆ กับการทำเรื่อง โดยเฉพาะที่ "J Migration Team" case เราค่อนข้างเยอะ เราก็พยายามปั่นให้เต็มที่

ตามกฎหมายของประเทศออสเตรเลียแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีตัวแทนหรือ representative ในการดำเนินเรื่องหรือดำเนินการทางด้านกฎหมาย

มันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
basic human right

คนที่วีซ่าขาดหลาย ๆ คนเจอคนรักที่นี่
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม

Make love, not war.

คนเขารักกัน เราก็ควรที่จะยินดีกับเขาด้วย 
คนที่วีซ่าขาดแล้วจะทำ Partner Visa 
ก็ไม่ยากนะ
ที่ง่ายที่สุด เราก็แนะนำให้บินออกไปทำเรื่องข้างนอก
แล้วก็รออยู่ข้างนอกก็แค่นั้นเอง
แน่นอน คนที่วีซ่าขาดอาจจะบินกลับเข้ามาที่นี่ไม่ได้จนกว่า Partner Visa จะผ่าน

Partner Visa ที่ยื่นนอกประเทศ ยื่นแบบ offshore มันรอกันไม่นานนะครับ โปรดอย่าถามว่าต้องรอกี่เดือน อันนี้ไม่ทราบจริง ๆ ครับ case-by-case basis เพราะแต่ละ case ไม่เหมือนกัน

เอาเป็นว่าช่วงที่รออยู่นอกประเทศ ก็หาอะไรทำก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน
จะได้ไม่ต้องถามว่า ตอนนี้ได้ case officer หรือยัง

หลาย ๆ คนหา course นั่น นี่ โน่น เรียนที่เมืองไทยในระหว่างที่รอเรื่อง ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นการดีมากเลยครับ

แน่นอน หากคนรักเขาคิดถึงกัน
แฟนที่อยู่ที่นี่ก็สามารถบินไปหาที่เมืองไทยได้ อะไรก็ว่าไป

Partner Visa ของคู่รักที่วีซ่าขาด เราทำมาหลายคู่แล้วตลอด 14 ปีที่ผ่านมา
ผ่านหมดทุกคู่ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง ๆ 

โดยเฉพาะคนที่เป็นคนสปอนเซอร์หลาย ๆ คน stress เหลือเกิน นั่น นี่ โน่น
กลัวแฟนจะไม่ได้กลับมา ไม่อยากอยู่แยกกัน

คู่รัก มันไม่มีคู่ไหนก็อยากอยู่แยกกันหรอกครับ แต่บางทีสถานการณ์บังคับ มันก็ no choice

เราอยากจะให้คนที่วีซ่าขาด รวมไปถึงแฟนของเขาด้วย
ไม่ต้อง stress
It's not the end of the world.

แยกกันอยู่แป๊บเดียว
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

เราขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่วีซ่าขาดทั้งหลาย และแฟนของเขา
ดำเนินชีวิตไปตามปรกติ
เก็บเอกสารของตัวเองให้พร้อม พร้อมเมื่อไหร่ ก็ทักมา

ข้อมูลของลูกค้าของทุกคนเป็น confidential อยู่แล้ว
Privacy Law

สำหรับใครที่ต้องการยื่นเรื่องภายในประเทศ ยื่นแบบ onshore
make sure ว่าคุณสมบัติเราครบตามกำหนดของ schedule 3 นะครับ

ปัญหาเรื่อง COVID, ประเทศปิด เดินทางออกไม่ได้คงเอานำมาใช้เป็นข้ออ้างในการทำเรื่องของ schedule 3 ไม่ได้

มีหลายคนที่พยายามดันทุรังในการยื่นเรื่องภายในประเทศ ทั้ง ๆ ที่คู่ของตัวเองไม่มีคุณสมบัติครบตาม schedule 3 เพียงเพราะมีคนบอกว่า ช่วง COVID, ประเทศปิด เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้

hmmm.... ประเทศปิด เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้แค่อย่างเดียวมันไม่ meet requirement ของ schedule 3 นะครับ

ยื่น onshore หนะ ยื่นได้
ยื่นเสร็จก็ะจะได้ Bridging Visa C แหละ
แต่เรื่องไม่จะผ่านหรือเปล่านั้น อีกเรื่องหนึ่ง

การที่คู่ของเราจะ meet requirement ของ schedule 3 นั้น มันมีมากกว่านั้น:

- มีอะไรที่เป็น special circumstances หรือเปล่า
- มีอะไรที่เป็น compassionate หรือเปล่า
- ส่วนอะไรที่เป็น something beyond your control อันนี้เรื่อง COVID ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่แค่ something beyond your control มันก็ไม่น่าจะพอ

anyway... ก็เอาเป็นว่า
ใครใครยื่น ยื่น

บางทีเราบอกไปแล้วว่า "ข้างหน้าคือเหวนะ" มันก็ป่วยการ 
คือคนเขาเชื่อไปแล้วว่ามันยื่นได้ และคิดว่าคู่ของตัวเองจะผ่าน ก็ต้องปล่อยให้เขาเดินไปข้างหน้าละกัน ส่วนเราก็ขอเป็นคนดูอยู่ที่ sideline ก็แล้วกัน

ใครที่วีซ่าขาด เราขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
จะยื่น onshore หรือ offshore ยังไงก็คิดกันให้ดี ๆ 
หาที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้ก็แล้วกัน ปรึกษาคนที่มี MARN
อย่าไปอะไรมากมายกับคำแนะนำตาม facebook group ต่าง ๆ ตาบอดคลำช้าง เราเห็นมาเยอะแล้ว ตาบอดจูงตาบอด เราเห็นมาเยอะแล้ว

แล้วเจอกันครับ at the end of the rainbow

Copyright: แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture

No comments:

Post a Comment