ส่วนข่าวคราวที่เราได้ไปอ่านและก็ข้อมูลต่างๆจาก MRT เราก็เป็นข้อมูลให้เราได้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นมั่งกับ case อะไรต่างๆ อื่นๆ
เช้านี้เราก็ได้อ่าน case ของ MRT หลายๆ case ที่เกี่ยวข้องกับการ nominate position ของพวกร้านอาหารหรือ cafe ต่างๆ ก็ได้อะไรที่พอเป็นข้อคิดดังต่อไปนี้
- ถ้าจะทำ nomination position อะไรเข้าไป ก็แนะนำให้เตรียมเอกสารให้แน่นๆไปเลยว่าธุรกิจเรามีความจำเป็นคนหรือพนักงานในตำแหน่งนี้จริงๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปอุทรณ์ที่ MRT เวลาเรื่องโดน refused. เพราะเวลาไปอุทรณ์ที่ MRT เราก็ต้องมาเขียน case เขียนข้อมูลเข้าไปเพิ่มเติม เสียเวลาเฉยๆ ถ้าเราเตรียมไว้ตั้งแต่แรก ตอนยื่นเรื่องกับอิมมิเกรชั่น เรื่องก็น่าจะผ่าน จะได้ไม่ต้องไปทำเรื่องอุทรณ์กับ MRT เสียตังค์เพิ่ม เสียเวลา เสียความรู้สึกด้วย
- ถ้าเรามีร้านอาหาร แล้วต้องการ nominate ตำแหน่ง customer service manager, เราก็ต้องมีเหตุผลพอเพียงว่าธุรกิจร้านอาหารเราใหญ่โตขนาดถึงจำเป็นต้องมี customer service manager หรือเปล่า ถ้าเราสามารถโชว์ได้ว่าเรามีความจำเป็นที่ต้องมี customer service manager จริงๆ เรื่องเราก็ผ่านได้
- หรือถ้าเรามี cafe แล้วต้องการ nominate cook เราก็ต้องสามารถอธิบายได้ว่าธุรกิจเราต้องการ cook ไม่ใช่ fast food or take away cook เพราะ cook กับ fast food or take away cook ไม่เหมือนกัน cook เป็นอาชีพที่เราสามารถ nominate ขอวีซ่า 457 (วีซ่าทำงาน 4 ปัโดยมีนายจ้างสปอนเซรอ์) และ ENS (วีซ่าถาวรเป็น PR โดยมีนายจ้างสปอนเซอร์) ได้ แต่ fast food or take away cook ไม่ใช่อาชีพที่สามารถทำวีซ่า 457 หรือ ENS ได้ ดังนั้นถ้าเราเปิด cafe เราก็ต้องสามารถโชว์ว่า cafe เราทำ menu ที่ complex ที่ซับซ้อน และ cafe เราไม่ใช่ cafe ราคาถูกๆข้างถนน อะไรประมาณเนี๊ยะ
ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่ว่าอ่านผู้อ่านทั้งหลายจะทำวีซ่าเอง หรือให้ทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนต์ทำให้ ก็อยากจะให้ spend more time ในการเขียน case และโชว์ evidence ว่าธุรกิจเรามีความจำเป็นที่ต้องจ้างพนักงานในตำแหน่งนั้นจริงๆ ตำเรื่องให้ดีๆไปตั้งแต่แรกดีที่สุด จะได้ไม่เสียเวลา เสียความรู้สึกมายื่นอุทรณ์เรื่องทีหลัง