Thursday, December 31, 2020

Chef vs Cook



มีหลายคนอยากทราบความแตกต่างระหว่าง chef กับ cook

Chef กับ Cook, requirement ทางด้านวุฒิการศึกษาก็แตกต่างกันออกไป

Job Description ที่ case officer ใช้อ้างอิงก็แตกต่างกันออกไป

เดี๋ยวเราจะสรุปแบบย่อ ๆ ให้นะครับว่า 2 สาขาอาชีพนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร

Cook:
วุฒิการศึกษา: ต้องจบ Cert IV (Commercial Cookery) หรือ Cert III + ประสบการณ์ทำงาน 2 ปี on the job training หรือมีประสบการณ์ 3 ปีในการทำงานในตำแหน่ง Cook (สำหรับคนที่ไม่จบอะไรเลย)
 
Job Description:
- examining foodstuffs to ensure quality
- regulating temperatures of ovens, grills and other cooking equipment
- preparing and cooking food
- seasoning food during cooking
- portioning food, placing it on plates, and adding gravies, sauces and garnishes
- storing food in temperature controlled facilities
- preparing food to meet special dietary requirements
- may plan menus and estimate food requirements
- may train other kitchen staff and apprentices

Chef:
วุฒิการศึกษา: จบ Diploma อย่างต่ำ (Cert IV Commercial Cookery + Diploma of Hospitality) หรือถ้าไม่จบอะไร ก็ต้องมีประสบการณ์ 3 ปีในการทำงานในตำแหน่ง chef

Job Description:

- planning menus, estimating food and labour costs, and ordering food supplies
- monitoring quality of dishes at all stages of preparation and presentation
- discussing food preparation issues with Managers, Dietitians and kitchen and waiting staff
- demonstrating techniques and advising on cooking procedures
preparing and cooking food
- explaining and enforcing hygiene regulations
- may select and train staff
- may freeze and preserve foods

Note: เวลาเราทำ skill assessment กับ VETASSESS สำหรับคนที่เรียนมาไม่ตรงสาขา หรือไม่ได้จบการศึกษาจากที่นี่ เราจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ 3 ปี full-time หรือ 6 ปี part-time หลักฐานในการทำงานดูจาก payslip หรือใบเสร็จรับเงินเดือน (สำหรับบางประเทศที่ไม่มี payslip)

Chef หรือ Cook มีความแตกต่างกัน
โปรดแยกกันให้ออก

ไม่ว่าใครเลือกจะทำงานสาขาอาชีพอะไร เราขอเอาใจช่วยทุกคนนะครับ

Saturday, December 26, 2020

ลูกค้าที่มีคดีอาชญกรรม

กับการทำงานของเรา

เราไม่เคย judge ใครว่าใครติดคดีหรือทำอะไรมาก่อน


แค่ขอความเห็นใจ บอกเรามาตามความเป็นจริง

เพราะยังไงคดีอะไรต่าง ๆ มันก็ต้องโผล่ออกมาอยู่ดี


บอกเราล่วงหน้า เราจะได้ตั้งรับกับสถารการณ์ได้ถูก

เราจะได้ quote ราคาได้ถูก

มาบอกทีหลัง มันยังไง ๆ อยู่นะ


หรือเตรียม police check ให้พร้อม


ทุกวันนี้เราก็เลยต้องขอ police check ก่อนที่จะรับ case


หวังว่าทุกคนคงจะเห็นใจ


เพียงแค่ขอความเห็นใจ

มีคดีหรือไม่มีคดี

บอกกันตรง ๆ


ไม่ต้องคิดว่าคดีความหลายปีแล้ว สิ้นสุดคดีความแล้ว


ใน application ของอิมมิเกรชั่นมันจะถามว่า "เราเคยมีคดี รวมทั้งที่สิ้นสุดเรื่องไปแล้วหรือเปล่า"


ใครจะทำอะไรมา

เราไม่เคย judge

เพราะ by law ทุกคนสามารถมี representative ได้ มันเป็น basic human right สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน


I am here to help. Not to judge you…

Friday, December 25, 2020

การสอบ citizen

"การสอบ citizen"

วันสอบ ไม่ต้องกรอกฟอร์มอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นลูกค้าของ "J Migration Team" แล้ว แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเราทำไว้ให้หมดเลย

ลูกค้ามีหน้าที่แค่ทำตัวลอย ๆ ไปสอบ
ตามวัน เวลา และสถานที่ที่เขากำหนด

เอกสารทุกอย่างเอาตัวจริงไป

มันแค่นี้เองจริง ๆ

เราอยากจะขอร้องสำหรับคนที่ตื่นเต้นมากจนเกินเหตุ
ให้สูดลมหายใจลึก ๆ

ไม่ต้องตื่นเต้นมาก ไม่ต้อง panic
มันไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด

เอกสารอะไรที่ลืมถือไปวันนั้น ก็ไม่เป็นไร
ทาง case officer จะติดต่อมาที่ "ทีม J" เอง
เดี๋ยวเราจัดการให้ได้
เดี๋ยวเราจะส่งตามไปสมทบให้ได้
แต่ปรกติเราก็ยื่นทุกอย่างไปหมดแล้ว

อยากจะให้ทุกคนใจร่ม ๆ

Subclass 482; chef x years ไม่ต้องสอบภาษาอังกฤษ



subclass 482 TSS

Chef x 4 years

chef คือสาขาอาชีพที่อยู่ใน long-term list ดังนั้นเราทำเรื่องที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องออกไปเมืองรอบนอก

ทำงานกับนายจ้างอีก 3 ปี ก็ขอ PR ได้ด้วยวีซ่า subclass 186 ENS

ประสบการณ์ที่น้องใช้คือ 2 ปี part-time ในระหว่างที่ถือวีซ่านักเรียน

น้องไม่สอบภาษาอังกฤษ เพราะน้องเรียนที่นี่เกิน 5 ปี
ผลการเรียน 5 ปี สามารถนับช่วงที่เรียนภาษาด้วย

ประสบการณ์ทำงานก็ไม่ต้องรอนับหลังจากที่เรียนจบ

ประสบการณ์ในการทำงาน เอาแค่ 2 ปี part-time ก็พอ
ไม่ใช่ 2 ปี full-time
ไม่ใช่ 4 ปี part-time

chef x 4 years
พ่อ แม่ ลูก

คนเป็นพ่อก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยและก็ครอบครัว

ทั้งครอบครัวเล็ก ๆ ที่กำลังสร้างกันที่นี่
และครอบครัวที่เมืองไทย

ทุกคน ทุกครอบครัวมีภาระที่แตกต่างกัน

เรารู้ เราเข้าใจ เราผ่านจุดนั้นมาก่อน

เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด

ขอบคุณที่เลือกใช้บริการของเรา

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ

Thursday, December 17, 2020

Subclass 491: Small Business in regional Queensland

Subclass 491: Small Business in regional Queensland เป็นอะไรที่สอบถามเข้ามาเยอะ

ที่ QLD ที่ไหน ๆ ก็ได้ ที่ไม่ใช่ Brisbane

นี่คือรหัสไปรษณีย์ที่ถือว่าเป็น regional ที่ QLD

4124 to 4125, 4133, 4183 to 4184, 4207 to 4275, 4280 to 4287, 4306 to 4498, 4507, 4517 to 4519, 4550 to 4575, 4580 to 4895.

ก่อนที่หลาย ๆ คนจะดีใจกระดี๊กระด๊า เราก็อยากจะบอกว่า:

1. subclass 491, คือ Skill Migrant ดังนั้นเราจะต้องนับ point ให้ได้ 65 แต้ม เหมือนกับการขอ Skill Migrant ตัวอื่น ๆ ; subclass 189 และ subclass 190

2. คนสมัครต้องอายุต่ำกว่า 45 (เฉพาะ main applicant, คนติดตามอายุเท่าไหร่ก็ได้)

3. IELTS general 6 each band หรือ PTE Academic 50

และนี่ก็คือข้อมูลคร่าว ๆ ของการทำวีซ่า subclass 491; Small Business pathway ที่ regional Queensland นะครับ

- เราจะต้องทำ skill assessment ให้ผ่าน สาขาอาชีพอะไรก็ได้อยู่ที่ใน occupation list ไม่ว่าจะเป็น short-term list, long-term list หรือ ROL (Regional Occupation List)

- เราต้องถือวีซ่าที่มี full-work right อย่างเช่น subclass 485, 457, 482 หรือแม้แต่ 462 Work and Holiday

- วีซ่านักเรียนไม่สามารถขอได้ เพราะวีซ่านักเรียนไม่สามารถทำงาน full-time ได้ (35 ชั่วโมงขึ้นไป)

- มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ธุรกิจอะไรก็ได้ ธุรกิจครอบครัวก็ได้ 

- ซื้อธุรกิจที่เปิดมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ในเขต regional area ของ QLD (ถ้าเป็น franchise ต้องเปิดมาแล้วอย่างน้อย 12 เดือน) home-based ธุรกิจทำไม่ได้ ธุรกิจเปิดใหม่ทำไม่ได้  

- ต้องลงทุนอย่างน้อย $100,000 ในธุรกิจนี้ก่อนที่จะยื่น EOI (Expression of Interest)

- ต้องเป็นเจ้าของธุรกิจคนเดียว 100%, ไม่สามารถมีหุ้นส่วนได้

- หลังจากที่ซื้อธุรกิจมาแล้ว เราต้องเปิดทำการต่ออีกอย่างน้อย 6 เดือน เราถึงจะยื่น EOI ได้

- ต้องมีพนักงานที่เป็น PR/Citizen หรือ NZ subclass 444 อย่างน้อย 1 คน

อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่ง Pathway อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับหลาย ๆ คนนะครับ ที่ต้องการ Pathway ในการขอ PR (subclass 191)

ข้อดีของวีซ่า subclass 491; Small Business pathway ก็คือ:

- เราทำ Skill Assessment สาขาอาชีพอะไรก็ได้
- เราซื้อธุรกิจอะไรก็ได้ตามข้อมูลด้านบน

ยกตัวอย่างเช่น:

"หนูหริ่ง" ทำ Skill Assessment ในสาขาอาชีพ Chef, Cook, Restaurant Manager หรือ Massage Therapist แล้วหนูหริ่งซื้อกิจการซ่องที่เปิดมาแล้วเกิน 6 เดือน หนูหริ่งก็ทำได้ 

ซ่องหรือสถานบริการทางเพศที่ QLD เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย เสียภาษีถูกต้อง โปรดเปิดใจให้กว้าง

หรือ "ขวัญ" ทำ Skill Assessment ในสาขาอาชีพ Engineer Technologist แล้วขวัญก็ซื้อกิจการร้านนวด แบบนี้ก็สามารถทำได้เหมือนกัน

Skill Assessment สาขาอาชีพอะไรที่ก็ได้ ที่อยู่ใน list
ธุรกิจอะไรก็ได้ที่ถูกกฎหมายและเปิดมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน

อีกหนึ่งทางเลือก
อีกหนึ่งหนทาง

เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ

Saturday, December 12, 2020

Winning at the AAT, no hearing

 


Winning at the AAT, no hearing.... เราจัดให้ได้

Case ที่ AAT; ศาลอุทธรณ์ 
ถ้าเราจัดเอกสารให้ดี ๆ 
เขียน GTE ให้เน้น ๆ เราก็สามารถชนะได้ โดยที่ไม่ต้องไป hearing

Case AAT ของ student visa ถ้าอยากจะชนะ หนู ๆ ก็ต้องไปเรียนหนะจ๊ะ
แล้วส่งเอกสารมา update กับ "J Migration Team" ทุก ๆ เทอม
ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนหรืออะไรต่าง ๆ นานา

ที่ "J Migration Team" สำหรับ case อุทธรณ์ของ student visa
เรามีหน้าที่แค่อุทธรณ์ให้กับลูกค้า
พอเรื่องชนะที่ศาล AAT แล้ว AAT จะส่งเรื่องกลับไปให้อิมมิเกรชั่นในการ grant visa

ดังนั้น case ของเราก็จะโดนตีกลับไปที่อิมมิเกรชั่น
แล้วอิมมิเกรชั่นจะติดต่อคนที่ยื่นเรื่องให้กับเราตั้งแต่แรกนะครับ

ถ้าเราใช้ student agent ไหน เราก็ต้องบอกเขาให้คอย check email จากอิมมิเกรชั่นด้วย

หรือถ้าเรายื่นเรื่องเอง เราก็ต้องคอย check email จากอิมมิเกรชั่นด้วย

ก็แค่นี้เอง ง่าย ๆ 
Happy ending

และที่สำคัญก็คือ เราจะได้เงินคืนจาก AAT 50% ถ้าเราชนะ

เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังวิ่งตามหาฝัน
ขอให้เจอในสิ่งที่ชอบและใช่ภายในเร็ววัน

เวลาเลือกที่จะเรียนอะไร ก็อย่างเลือกอะไรที่มันมั่วซั่วมากนัก
เรียนอะไรที่เราชอบจริง ๆ 
เรียนอะไรที่มันสามารถต่อยอดกับชีวิตเราได้

ขอบคุณทุกคนที่เลือกใช้บริการของเรา
"J Migration Team" บริษัทเล็ก ๆ ที่ Wollongong
ดูแลเฉพาะคนรู้ใจ 
เราก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 แล้ว

ขอบคุณกับทุกคนที่ให้ความรักและความเมตตา

ก่อนที่เขียนหรือด่าอะไรเรา online โปรดคิดก่อนเสมอ เพราะเรามีคนช่วยสอดส่องเยอะ 

ระวังจะโดนด่ากลับ แล้วจะหงายเงิบ
ตอนนี้ภูมิต้านทานเรามากพอ และเราก็พร้อมที่ stand up and speak up

#แอบมองเธออยู่

Cook 2 years; เตรียมตัวจ่อ PR

ยินดีด้วยนะครับ กับ "someone" ที่ Gold Coast
อาทิตย์นี้คนที่ Gold Coast หลายคนได้วีซ่ากันแล้ว subclass 482
ไม่ว่าจะเป็น Chef หรือ Cook ก็ผ่านกันหมดแล้ว

Cook เป็นสาขาอาชีพที่อยู่ใน short-term list ก็จริง แต่สำหรับคนไทย ซึ่งเราได้รับการยกเว้น เพราะประเทศไทยได้ทำการเซ็นสัญญา International Trade Agreement กับประเทศออสเตรเลีย เราก็เลยสามารถขอได้ 4 ปี

แต่ก็อย่าลืมว่าแต่ละปี ทางร้านจะต้องจ่ายค่า SAF; Skilling Australian Fund ให้กับ government นะครับ

บางคนก็เลยเลือกทำแค่ 2 ปีก็พอ เพราะจุดประสงค์หลักคือต้องการแค่ซื้อเวลา เพื่อที่จะสอบภาษาอังกฤษในการทำ PR แค่นั้นเอง

หลาย ๆ คนคิดว่า 2 ปีก็น่าจะพอ

เราก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน

สำหรับคนที่ยื่นหรือถือวีซ่า subclass 457 ณ วันที่หรือก่อนวันที่ 18 Apr 2017 ก่อนที่กฎหมายของวีซ่า subclass 457 จะมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ยังสามารถขอ PR ด้วยอาชีพนั้น ๆ อยู่

ยังสามารถขอได้จนถึงวันที่ 18 March 2022 (วันครบรอบ 4 ปีของการประกาศใช้วีซ่าตัวใหม่ subclass 482)

เราขอเอาใจช่วยทุกคนนะครับ

เวลาไม่เคยคอยใคร จะทำอะไรกับชีวิตก็รีบ ๆ จัดการซะ

วีซ่า subclass 186 (PR) คนสมัครจะต้องมีผลภาษาอังกฤษ IELTS general 6 each band หรือ PTE Academic 50 each band (ข้อมูลถูกต้อง ณ วันที่เขียน อนาคตจะเป็นยังไง เราไม่รู้)

หลาย ๆ คนทำคะแนนผลสอบภาษาได้ดี ขาดนั่นนิด นี่หน่อย ไม่เยอะมาก
บางทีเราอาจจะต้องการคนมาช่วยติวหรือเปล่านะ

เรากับทีมงานขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด

Monday, December 7, 2020

Concession for certain family visa applicants affected by COVID-19 travel restrictions


"Concession for certain family visa applicants affected by COVID-19 travel restrictions"

จากที่หลาย ๆ คนไปอ่านข่าวจากสำนักข่าว นั่น นี่ โน่น

จากที่หลาย ๆ คนอ่าน post ของเราที่ post เป็นภาษาอังกฤษไปแล้ว แต่อาจจะยังสับสน

หลาย ๆ คนที่ตอนนี้จ่อคิวต้องการที่จะบินออกไปยื่นเรื่องนอกประเทศ แต่ตอนนี้ต้องติดอยู่ภายในประเทศ เราเข้าใจและเห็นใจ

หลาย ๆ คนไม่สามารถยื่นเรื่องภายในประเทศได้ เพราะติด section 48; คนที่โดนวีซ่าปฏิเสธหรือถูกยกเลิกวีซ่า (visa refusal, visa cancellation).

อย่าลืมว่า section 48 ขอทำเรื่องยกเว้นไม่ได้ (ทำได้ แต่ยากมากถึงยากที่สุด โอกาสที่จะได้น่าจะอยู่ที่ 0.001%) เพราะอิมมิเกรชั่นไม่ต้องการให้คนที่โดน section 48 ยื่นเรื่องภายในประเทศ การที่รัฐบาลออกกฎหมายอะไรมา เขาก็มีเหตุผลของเขา เขาไม่ได้ออกมา just for fun

หลาย ๆ คนที่ถือ Bridging Visa A แล้วบินออกไปยื่นเรื่องนอกประเทศ แล้วบินกลับเข้ามารอเรื่องอยู่ที่ประเทศก็มี อันนี้แหละที่ทางรัฐบาลกำลังจะทำการผ่อนปรนให้

หรือหลาย ๆ คนที่ยื่นเรื่องนอกประเทศ แล้วขอเป็น Tourist Visa กลับเข้ามา แล้วตอนนี้ไม่อยากเดินทางกลับก็มี อันนี้แหละที่ทางรัฐบาลกำลังจะทำการผ่อนปรนให้

ทุกคนต้องการอยู่กับครอบครัว
ทุกคนต้องการอยู่กับคนที่เรารัก

เรารู้ เราเข้าใจ

เมื่อวันที่ 28 Nov 2020 ทางอิมมิเกรชั่นได้ประกาศออกว่าจะทำการผ่อนปรนให้กับ family visa stream ที่ยื่นเรื่องนอกประเทศแล้ว สำหรับหลาย ๆ คนที่ตอนนี้รออยู่ในภายในประเทศออสเตรเลียนั้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางออกไปนอกประเทศ (offshore) เพื่อให้วีซ่า grant

Family stream visas ดังกล่าวคือ:

Child (subclass 101) visa
Adoption (subclass 102) visa
Dependent Child (subclass 445) visa
Prospective Marriage (subclass 300) visa
Partner (subclass 309) visa

อันนี้เป็นแค่การประกาศออกมาทาง media release ยังไม่มีการกำหนดวันบังคับใช้อย่างชัดเจน คาดว่าจะมีการกำหนดใช้ต้นปีหน้า 2021

อันนี้คือสำหรับคนที่ยื่นไปแล้วเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนที่ยังไม่ได้ยื่น

หลาย ๆ คนตอนนี้ที่ติดอยู่ที่นี่ แล้วต้องเดินทางออกไปยื่นนอกประเทศ ก็ยังคงต้องเดินทางออกไปยื่นนอกประเทศอยู่ดี เพราะการผ่อนปรนคราวนี้ ไม่ได้รวมไปถึงพวกที่โดน section 48

ลูกค้าของ "J Migration Team" ที่จะได้รับข่าวดีในการผ่อนปรนในครั้งนี้ เรา email ไปหาลูกค้าทุกคนแล้ว

ถ้าเราไม่ได้ email ไปหา ก็แสดงว่าลูกค้าไม่เข้าข่ายในนั้น

จริง ๆ แล้ว คนไหนที่ทำ case กับเรา แทบจะไม่ต้องไปอ่านข่าวอะไรจากข้างนอกเลย มีอะไรเราจะ update และ email หาลูกค้าตลอด

ถ้าเราไม่ได้รับ email ไปหา ก็แสดงว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับลูกค้า

เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกคน เราก็ขอสรุปเอาไว้ดังนี้:

1. การผ่อนปรนในครั้งนี้สำหรับคนที่ยื่นไปแล้วเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนที่ยังไม่ได้ยื่น

2. หลาย ๆ คนตอนนี้ที่ติดอยู่ที่นี่ แล้วต้องเดินทางออกไปยื่นเรื่องนอกประเทศ ก็ยังคงต้องเดินทางออกไปยื่นนอกประเทศอยู่ดี

3. คนที่ถือ Briding Visa A, B, C หรือ E ถ้าต้องการยื่น Partner Visa เราก็ต้องออกไปยื่นเรื่องประเทศอยู่ดี เพราะเราไม่มี substantive วีซ่า

4. คนที่ถือ Briding Visa A, B, C หรือ E ถ้าต้องการยื่น Partner Visa ภายในประเทศออสเตรเลีย ก็ต้องทำเรื่อง schedule 3 ให้ผ่าน ถ้าลูกค้าคนไหนมีคุณสมบัติครบในเรื่องของ schedule 3 เราก็แจ้งไปหมดแล้ว ถ้าคนไหนไม่ครบ ก็ต้องออกไปยื่นเรื่องที่ประเทศจ๊ะ.... no choice

5. หลาย ๆ คนที่ยื่น Protection Visa (no judgemental, ลดความถูกต้องลงไปบ้าง เพิ่มความเป็นคนขึ้นมาบ้าง) ไปแล้วเข้าข่ายข้อ 3 & 4 ก็ยังคงต้อง follow ข้อ 3 & 4 อยู่ดี

6. หลาย ๆ คนที่ถือ Bridng Visa A จาก AAT แล้วเข้าข่ายข้อ 3 & 4 ก็ยังคงต้อง follow ข้อ 3 & 4.

เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ


เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด