Friday, July 15, 2011

เฉพาะคนที่ทำงานทางด้าน "immigration" ถึงจะเข้าใจ

หลังจากที่ทำงานทางด้าน "immigration" มาได้สักระยะหนึ่ง ผมก็ได้สังเกตุเห็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ หลายๆคนพยายามแทบจะทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ PR หรืออยู่ที่นี่อย่างถูกต้อง อย่างถาวร หลายๆคนอยากอยู่ที่นี่ เพื่อชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หรือไม่ก็เหตุผลส่วนตัวอีกหลายๆอย่าง

แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกหลายคนที่ได้ PR หรือได้มาอยู่ที่นี่ได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะเด็กๆที่ติดตามแม่มาอยู่ที่นี่ เพราะแม่แต่งงานใหม่กับสามีฝรั่ง ง่ายๆ สั้นๆ คือลูกแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะแม่ดิ้นรนและดำเนินเรื่องทุกอย่าง คนเรานะพอได้อะไรมาง่ายๆ ก็มักไม่เห็นคุณค่า ก็ใช้ชิวิตไปวันๆ ไม่เรียน ไม่ทำงาน รอเงิน support จากรัฐบาล

ซึ่งก็ตรงกันข้ามกับคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีความรู้ความสามารถ มีการศึกษาดี แต่ต้องรอเข้าคิว กว่าเรื่อง PR จะได้ทำการ

ก็อยากเหลือเกินนะครับ ขอร้องคนที่ได้ PR กันหลายๆคน ให้เห็นคุณค่าของ PR ที่ท่านได้มา (อย่างง่ายดาย)กันนิดหนึ่ง เรียนหนังสือ ทำงานทำการ จ่ายเงินภาษีให้กับรัฐบาล ทำเป็นให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมนิดหนึ่ง ตอบแทนบุญคุณประเทศและแผ่นดินที่มาอาศัยเค๊าอยู่กันหน่อย อย่าทำตัวเป็นปลิง ที่คอยแต่จะดูดเลือด ขอเงินรัฐบาลกิน สงสารคนที่เค๊าทำงาน จ่ายเงินภาษี support พวกคุณกันหน่อย หรือไม่ก็เห็นใจคนอีกหลายๆคนที่เค๊าอยากจะได้ PR กันมั่ง

สาธุ

Wednesday, July 13, 2011

ลูกชาย 19 จะสามารถสปอนเซอร์เค๊าได้มั็ย

เมื่อวาน มีพี่คนไทยคนหนึ่งโทรมาปรึกษา เพราะพี่คนนี้เพิ่งแต่งงานใหม่ กับสามีฝรั่งชาวออสซี่ พี่เค๊ากำลังจะทำเรื่องขอ PR และอยากจะเอาชื่อลูกชายใส่เข้ามากับใบสมัคร พร้อมกันเลยทีเดียว แต่ลูกชายอายุ 19 แล้ว ไม่ทราบว่าจะสามารถทำเรื่องไปเลยทีเดียวพร้อมกันได้มั๊ย

คำตอบก็คือ ทำเรื่องไปเลยทีเดียวพร้อมกันไม่ได้นะครับ เพราะลูกชายตอนนี้อายุ 19 ปีแล้ว ลูกที่สามารถทำเรื่องไปเลยพร้อมกันทีเดียวกับแม่ต้องมีอายุต่ำกว่า 18 ปี นะครับ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แม่จะไม่สามารถสปอนเซอร์ลูกได้เลยทีเดียว แม่ก็ยังสามารถสปอนเซอร์ลูกได้นะครับ เพียงแต่ต้องรอให้แม่ทำเรื่องผ่านก่อน แล้วค่อยทำเรื่องสปอนเซอร์ลูกทีหลัง สรุปก็คือ ต้องทำเรื่องแยกกัน ทำพร้อมกันเลยทีเดียวไม่ได้

แม่ก็ยังจะสามารถทำเรื่องสปอนเซอร์ลูกได้จนกว่าลูกจะถึงอายุ 25 ถ้าลูกยังไม่แต่งงาน และถ้าแม่ยัง support ลูกในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเงิน

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น แม่และลูกก็ต้องมีหลักฐานนะครับ show ว่าแม่ยัง support ลูกอยู่ๆหลายเรื่อง ถ้ามีการโอนเงินให้ลูกอะไรประมาณเนี๊ยะ แม่ก็ต้องเก็บหลักฐานเอาไว้ show

เนื่องด้วย Spouse Visa มี 2 ขั้นตอน:
- ขั้นตอนแรก, ยื่นเรื่องผ่าน แล้วแม่ได้ Temporary Residency status หรือ TR
- ขั้นตอนที่ 2, ถ้า 2 ปี นับจากวันที่ยื่นเรื่องใบสมัคร คู่สามี-ภรรยา ยังอยู่ด้วยกัน แม่ก็จะได้ Permanent Residency status หรือ PR

แม่ก็สามารถทำเรื่องสปอนเซอร์ลูกได้ หลังจากที่ผ่านขั้นตอนแรกนะครับ คือได้ TR แม่ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 2 ปี เพื่อทำเรื่องให้ลูกชาย

Tuesday, July 12, 2011

แทบทุกอย่างก็ต้องใช้ IELTS

จากการสังเหตุการณ์ของพี่จอห์น ก็เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นหางานทำที่นี่ หรือจะขอ PR หรือ migrate มาที่ออสเตรเลีย เราก็ต้องมีผลสอบ IELTS กันทั้งนั้น เพราะออสเตรเลียเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ในการทำงาน และในการดำรงประจำชีวิต หลายๆคนอาจจะโต้แย้งว่า "ก็ไม่เห็นจำเป็นเท่าไหร่ เพราะคนไทยก็อยู่แต่ในกลุ่มคนไทย ทำงานกับคนไทย ก็ใช้แต่ภาษาไทย" ก็ขอบอกนะครับว่า นั่นเป็นความคิดที่แคบไปนิดหนึ่ง ก็อยากจะให้มองอะไรในวงกว้างกันนิดหนึ่ง เพราะเราจำเป็นติดต่อสื่อสารกับ เพื่อนบ้าน หน่วยงานรัฐบาล และเพื่อความเป็นอยู่ที่ harmonious กันมากขึ้น ก็ได้แต่หวังว่า society ที่นี่จะสามารถอยู่ด้วยกันอย่าง harmony

พี่จอห์นก็มีลูกค้าหลายคนที่สอบ IELTS กันหลายรอบ ก็อยากจะบอกว่าเพิ่งท้อนะครับ ก็แนะนำให้มองไปจุดหมายทีเราอยากจะได้ อยากไปให้ถึง ถ้าจุดหมายนั้นจำเป็นต้องใช้ผลสอบ IELTS คือมันก็ต้องใช้ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเราก็ต้องแพลนว่า เราจะทำยังไงถึงจะสอบ IELTS ให้ได้ ที่ผมอยากจะแนะนำก็คือ อยากให้รีบสอบกันตั้งแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้ถึงเวลา จวนเจียน แล้วก็รีบร้อน กระวนกระวาย ไปสอบ เพราะบางทีเรามั่นใจ แต่ก็ไม่อยากให้ over-confidence ก็อยากจะให้ลองไปสอบกันดูก่อน เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าความสามารถของเราอยู่ในระดับใหน ถ้าเราสอบผ่าน เราก็สามารถเก็บผลสอบเอาไว้ใช้ได้ โดยเฉพาะใช้ในการสมัคร PR ซึ่งก็สามารถเก็บไว้ใช้ได้ 2 ปี

สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ:

  • อย่าเพิ่งท้อ
  • สอบกันตั้งแต่เนิ่นๆ

Friday, July 8, 2011

working visa

เนื่องด้วยทางรัฐบาลของ Australia ได้มีการเปลี่ยนนโยบายทาง immigration อยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะ skilled migrant category ซึ่งก็มีการเปลี่ยน Skilled Occupation List อยู่บ่อยมาก นักเรียนไทยเราก็โดนร่างแหไปด้วย หลายๆคนก็เลยหันเหอยากขอทำเป็น working visa แทน

ที่ให้คำปรึกษามาหลายๆ case รู้สึกว่าจะคิดขัดกันที่ภาษาอังกฤษ คือผลสอบ IELTS เนี๊ยะที่ทาง immigration แจ้งมา ให้ได้อย่างต่ำ 5 เนี๊ยะ ไม่ใช่ผลเฉลี่ยนะครับ เพราะคนเข้าใจผิดกันเยอะมาก จริงๆแล้ว ต้องได้อย่างต่ำ 5 ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น speaking, listening, writing และ reading นะครับ

ก็อยากจะให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการสอบ IELTS นิดหนึ่งนะครับ