Monday, October 16, 2017

Partner Visa; สปอนเซอร์เคยล้มละลาย และมีคดีติดตัวหลาย 10 คดี


หนูหริ่ง มีแฟนเป็นคนที่นี่

หนูหริ่งอยากทำ Partner Visa แต่หนูหริ่งก็มีเรื่องกังวลใจอยู่หลายอย่างคือ:

  • แฟนเคยเป็นคนล้มละลายมาก่อน และก็อาจจะล้มละลายอีกรอบ
  • แฟนติดคดีความผิดเรื่องการจราจลเยอะมาก หลาย 10 คดี ถึงขั้นต้องขึ้นศาล
หนูหริ่งอยากจะรู้ว่า แฟนของหนูหริ่งยังจะสามารถทำเรื่องให้หนูหริ่งได้หรือเปล่า

คำตอบของ P' J คือ:
  • ล้มละลาย ก็สามารถทำเรื่องสปอนเซอร์วีซ่าให้แฟน ทำ Parter Visa ได้ครับ เพราะ Partner Visa เป็นวีซ่าคู่รัก มันเป็นเรื่องของความรัก มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ขอให้ทั้ง 2 รักกันจริง ไม่ได้จ้างแต่ง หรือพวกเพื่อนแต่งให้เพื่อน มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรื่องศักยภาพทางการเงินของคนสปอนเซอร์สำหรับ Partner Visa ตอนนี้กฎหมายอะไร ต่าง ๆ มันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วจ๊ะ อย่าเชื่อพวก webboard หรือ facebook group ต่าง ๆ ให้มากนัก
  • คดีการจราจร โถ คุณน้อง คดีจิ๊บ ๆ จ๊ะ สำหรับการทำเรื่อง Partner Visa, มันไม่ใช่คดีฆ่าคนตาย หรือก่อการร้าย ดังนั้น เช่นเดียวกัน คดีพวกนี้จะไม่ค่อยมีผลสำหรับคนที่ต้องการสปอนเซอร์หรือทำเรื่องให้แฟนนะครับ

ล้มละลาย หรือไม่ล้มละลาย มันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษยชนนะครับ ที่จะมีความรัก มีคู่ครอง ดังนั้นไม่ต้องกังวลมากเกินไป

คนเราบางที เราก็มโนมากเกินไป
อ่านพวก webborad มากเกินไป
อ่านพวก facebook group มากเกินไป

ข้อมูลบางอย่างมันเก่ามากไปแล้ว
เราเห็น document list ที่เขาแชร์กันวน ๆ ใน facebook แล้ว เห็นแล้ว บอกได้เลยว่า list นั้นเก่ามากเลยครับ

แต่เราก็ไม่พูดอะไร เพราะมันไม่ใช่พื้นที่ของเรา

Saturday, October 14, 2017

Child Visa; วีซ่าลูกติดตามพ่อแม่

 

ช่วงนี้เราก็ได้มีโอกาสทำ Child Visa บ่อยนะ
ทั้งที่ยื่น onshore (sublcass 802)  และก็ที่ยื่น offshore (subclass 101)

Child Visa คือวีซ่าที่พ่อหรือแม่ที่เป็น PR  หรือ citizen ที่ทำเรื่องเอาลูก (จาก previous marriage) เพื่อเอามาเป็นคนที่นี่

Child Visa คือวีซ่าที่เป็น PR เลย

ตอนนี้ Child Visa ทำได้เฉพาะที่เป็น paper-based application

ดังนั้นเนื้องานจะเป็นอะไรที่ tedious และละเอียดอ่อน
เพราะเอกสารทุกอย่างต้อง print ต้องถ่ายเอกสาร

และเอกสารทุกใบต้องเซ็นรับรองด้วย JP; Justice of The Peace

case บาง case เอกสารเยอะถึงเกือบ 300 หน้า
เพราะไหนจะต้อง print bank statement ทั้งปีของคุณพ่อหรือคุณแม่

แล้วไหนจะเอกสารของแฟนของคุณพ่อหรือคุณแม่อีกหละ

แล้วไหนจะเอกสารทางด้านการเงินของธุรกิจที่บางทีคุณพ่อหรือคุณแม่เปิดร้านนวด หรือร้านอาหารอีกหละ

ไหนจะเอกสารการโอนเงินจากบริษัทต่าง ๆ ที่เขาโอนกันอีกหละ

เยอะจริงจ๊ะ ไม่ได้มโน

ส่วนคนที่ต้องเซ็น JP ก็ต้องเซ็นกันมือหงิกเลยทีเดียว
เราที่แหละ JP!!!

ถ้าไม่รักในงานที่ทำ หรือไม่ได้ทำในการที่รัก
เราก็คงไม่ทำหรอก

แต่ก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการ re-unite ครอบครัว
ให้ลูก ๆ มาอยู่กับพ่อ ๆ แม่ ๆ 

เป็นการเปิดโอกาส เปิดโลกทัศน์อะไรหลาย ๆ อย่างให้กับเด็ก ๆ

Child Visa เด็กต้องอายุต่ำกว่า 25 นะครับ

ดังนั้นลูก ๆ คนไหนใกล้ 25 แล้ว
ต้องให้ไว

อย่าปล่อยให้วันคืนวันผ่านไปวัน ๆ โดยเปล่าประโยชน์
มันจะเสียโอกาสกันได้

เพราะกฎหมายอิมมิเกรชั่น มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ

Wednesday, October 4, 2017

Partner Visa ขวัญกับเรียม version Thai & Chinese


หนูหริ่งเป็นสาวบ้านนา
แต่พอเข้าเมืองกรุง หนูหริ่งเปลี่ยนชื่อเป็น "หนูเรียม"

เรียมเป็นสาว simple girl, innocent คิกคุ โน๊ะ เน๊ะ
เรียมมาเป็นสาวนักเรียน student visa ที่ Sydney

เพราะเรียมเชื่อว่า รักดีหามจั่ว ก็เลยมาเรียนต่อเมืองนอกดีกว่า

วีซ่านักเรียนของเรียมจะหมดปีหน้า April

โชคชะตาพาพลัด มาเจอหนุ่มหล่อชาวจีน "กัวฟู่เฉิง" แต่เรียมตั้งชื่อไทยให้ กัวฟู่เฉิงว่า นายขวัญ

ขวัญเป็นหนุ่มหล่อชาวจีน แต่ขวัญเป็นคนที่นี่แล้ว; PR/Citizen

ขวัญรักเรียม
เรียมรักขวัญ

เดินจับมือกัน จะไปแต่งงาน

ขวัญกันเรียมก็เลยเดินจูงมือถือแขวนกันเข้าไปหาทนายหรือิมมิเกรชั่นเอเจนท์ชาวจีน แถว China Town; "หนี ห่าว มา, วอร์ ซือ ไธ่ กั๋ว เหลิน"

ขวัญกับทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์ชาวจีน ก็คุยกันเป็นภาษาจีน และก็เอา document list ให้ ขวัญกับเรียม ไปจัดเตรียมเอกสารมา

document list ที่ print ออกมาจากกระดาษยับยู่ยี่ style China Town เขาเลยแหละ

ขวัญกับเรียมได้รับ documet list มาแล้ว 
รายการเอกสารตัวแรกบอกว่า ต้องมีบัญชีร่วมกัน และเอกสาร นั่น นี่ โน่น ให้ถึง 12 เดือน

ขวัญกับเรียมคิดหนัก เพราะวีซ่าของเรียมจะหมดปีหน้า April
แล้วขวัญกับเรียมจะเก็บเอกสารครบได้ไง 12 เดือน

ขวัญกับเรียมคิดว่า เรียมคงต้องลงเรียนเพิ่มอีก  1 ปี เพื่ออยู่ต่อที่นี่ แล้วเก็บเอกสารกันก่อนให้ครบ 12 เดือน

ตายละ นั่นคือค่าเทอม ค่าใช้จ่ายที่มันเพิ่มขึ้นมาอีกใช่มั้ยเนี๊ยะ

เอ่อ.... น้องขวัญกับน้องเรียม ตื่นจากความฝันได้แล้วจ๊ะ

document list ที่พวกหนูได้มาจาก China Town หนะ มันเป็น document list ที่ general มาก

พวกที่ต้องเก็บเอกสารให้ครบ 12 เดือน
คือพวกที่ทำ Partner Visa แบบ de facto จ๊ะ

พวกที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หรือไม่ได้จด register of relationship

แต่นี่ขวัญกับเรียมจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บเอกสารให้ครบถึง 12 เดือนแล้วค่อยยื่นเรื่องครับ

จดทะเบียนตอนเช้า ยื่นเรื่องได้เลยตอนบ่าย

เพราะเราเป็นยุค 4G จ๊ะ

โถ "เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญของเรียม"

กฎหมายทุกสิ่งอย่าง มีข้อยกเว้นของมันเสมอ
ศึกษา รู้เท่าทัน

Knowledge is king.

Tuesday, October 3, 2017

AAT อุทธรณ์ หรือไม่อุทธรณ์


ช่วงนี้มีหลายคนติดต่อเข้ามาเพราะว่าวีซ่าโดนปฏิเสธ; visa refusal หรือบางคนก็โดนยกเลิกวีซ่า; visa cancellation ก็มี

หลาย ๆ คนไม่เข้าใจระบบกฎหมายของที่นี่ว่า เอ๊ะ ถ้าวีซ่าโดนปฏิเสธ หรือโดนยกเลิก เราสามารถทำอะไร ยังไง ได้บ้าง

เราก็สามารถอุทรณ์ได้นะครับ เพราะถ้าไม่อุทรณ์ก็ต้อง pack ของกลับบ้านทันที

โดนยกเลิกวีซ่า; visa cancellation:
  • วีซ่าเราขาดทันที
  • ถ้าเราไม่อุทรณ์ เราก็ต้องกลับบ้าน แต่เนื่องด้วยเราไม่มีวีซ่าแล้ว ก่อนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ก็ควรจะเข้าไปที่อิมมิเกรชั่นก่อน เพื่อขอ Bridging Visa E, เดินเข้าไปขอเลยครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย ประมาณ 5-10 ก็ได้แล้ว
  • Bridging Visa E สามารถขอได้ด้วยปากเปล่า หรือการกรอกฟร์อม 1008
  • ถ้าจะอุทรณ์ต้องอุทรณ์ภายใน 7 วันทำการ ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ

โดนปฏิเสธ หรือขอวีซ่าไม่ผ่าน; visa refusal:
  • วีซ่าไม่ขาดทันทีเพราะมี Bridging Visa อยู่ตอนที่ขอวีซ่านั้น ๆ (substantive visa)
  • ถ้าเราได้ Bridging Visa ก่อน 18 Nov 2016 ก็จะเป็นกฎหมายเก่าคือ Bridging Visa จะหมดอายุภายใน 28 วัน
  • ถ้าเราได้ Bridging Visa จากวันที่ 18 Nov 2016 เป็นต้นมา ก็จะเป็นกฎหมายใหม่ คือ Bridging Visa จะหมดภายใน 35 วัน (ได้เพิ่มมา 7 วัน)
  • ถ้าไม่อุทรณ์ก็ต้องกลับบ้านก่อนที่ Bridging Visa จะหมดอายุ
  • ถ้าจะอุทรณ์ก็ต้องอุทรณ์ภายใน 21 วัน ตามปฏิทิน
ดังนั้นถ้าใครที่คิดจะอุทรณ์ ก็ต้องนับวันให้ดี ๆ นะครับ
อย่าพลาด
อย่าตัดสินใจนาน

ถ้าหากเราไม่อยากอุทรณ์ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมว่าประวัติการโดนปฏิเสธวีซ่า หรือโดนยกเลิกวีซ่าของเราก็จะเป็นประวัติติดตัวไปตลอดชีวิต ไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีการล้างประวัตินะครับ

Immigration ไม่ใช่ Omo นะครับ จะได้ซักล้างกันได้

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราอุทรณ์เข้าไปแล้ว case เราจะได้วีซ่ากลับคืนมา หรือวีซ่าเราจะผ่านนะครับ แต่ก็ case-by-case นะครับ

อยากให้ทุกคนใช้ชีวิต อยู่บนความเป็นจริง
Be realistic.

1. ถ้าไม่อุทรณ์ก็กลับบ้าน
2. ถ้าอุทรณ์ ก็อยู่แล้วก็สู้ case กันต่อไป หรือถ้าคิดว่ายังไงก็คงไม่ชนะ อย่างน้อยซื้อเวลาเพื่อเตรียมตัวกัน นั่น นี่ โน่น ก่อน ก็ดี เพราะบางคนยังไม่พร้อมที่จะกลับภายใน 28 หรือ 35 วัน

เอ๊ะ ถ้าเรารู้ทั้งรู้ว่าโอกาสที่จะผ่านมีน้อยมาก แล้วเราจะอุทรณ์ไปทำไม

เหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
1. บางคนมีธุรกิจที่นี่ ขอซื้อเวลาเพื่อสะสางอะไรบางอย่างก่อน
2. ต้องการอยู่กับแฟน เพื่อให้ครบ 12 เดือน เพื่อจะได้ทำ Partner Visa ต่อไป (de facto) หรือไม่ก็แต่งงานไปเลย
3. บางคนอยู่ที่นี่มานานแล้ว ยังไม่พร้อมที่จะกลับเมืองไทย ขอซื้อเวลาต่อออกไปอีกบ้างเล็กน้อย
4. เหตุผลส่วนตัว ก็อยากอยู่หนะ มีอะไรป๊ะ (แบบนี้ก็มี)

เอ๊ะ แล้วแบบไหนหละ ที่เราคิดว่าไม่มีทางสู้แน่นอน:
  • วีซ่าโดนยกเลิก เพราะไม่ไปเรียน ทำงานเพลินหาเงิน เราเข้าใจนะครับ ชีวิตแต่ละคน เกิดมาไม่เหมือนกัน...please don't judge!!
  • วีซ่านักเรียน ที่ต่อแล้วต่ออีก มา 7-8 ปีแล้ว คงจะต้องถึงเวลาที่จะหมดอาชีพการเป็นนักเรียนเสียที
  • visa subclass 457, stage 3 ที่ stage 2 ไม่ผ่าน หรือยื่นอุทรณ์ไปแล้วของ stage 2 ก็ไม่ผ่าน ดังนั้น stage 3 ก็ต้องไม่ผ่านไปด้วย automatic (ภาษาทางกฎหมาย เราเรียกว่า natural justice จ๊ะ)
  • ...etc...

เอ๊ะ แล้วแบบนี้อุทรณ์ไปแล้ว case ของเราจะผ่านมั้ย

มันก็ต้องมีการไปแก้เกมส์กันที่ AAT หรือศาลอุทรณ์
มันก็ขึ้นอยู่กับการ present case, present ข้อมูล หาเหตุผลและข้ออ้าง มาโน้มน้าวจิตใจได้อย่างไร

และก็การเขียน submission เข้าไป

AAT จะมี email มาบอกให้เตรียมตัวประมาณ 1 เดือนก่อนที่จะไปขึ้นศาลนะครับ ดังนั้น คนที่อุทรณ์ไปแล้ว รับรองเรามีเวลาเหลือเฝือในการเตรียมตัวและเตรียม case

สำหรับ case ที่จะสู้นะ

แต่ถ้า case ที่อุทรณ์เพื่อซื้อเวลาเฉย ๆ ก็ไม่ต้องทำอะไร เพราะเราคงผิดจริง (โดดเรียนจริง เรียนมานานจริง นั่น นี่ โน่น)
ก็ถือว่าเป็นการซื้อเวลาเพื่อจัดการชีวิตดังที่เรากล่าวไปแล้วเบื้องต้นละกัน

ระยะเวลาที่สามารถซื้อได้ก็คือ:
Bridging Visa: 12 วัน
วีซ่าท่องเที่ยว: 129 วัน
วีซ่านักเรียนที่ไม่ผ่าน: 203 วัน
วีซ่าทำงาน subclass 457: 270 วัน
วีซ่าธุรกิจ: 346 วัน
Skilled Migrant: 312 วัน
Partner Visa: 345 วัน
Family visa: 406 วัน
วีซ่านักเรียนที่ถูกยกเลิก: 144 วัน
Business Sponsor/Nomination, subclass 457, 186, 187: 307 วัน
วีซ่าผู้ลี้ภัย: 400 วัน
อื่นๆ: 103 วัน


อุทรณ์หรือไม่อุทรณ์ ชีวิตเป็นของเรานะครับ
ชอบแบบไหน ก็เลือกเอาแบบนั้น

ไม่ต้องให้ใครมาตัดสินใจแทนเรา
ชีวิตเรา เราต้องเลือกที่จะดำเนินชีวิตเองนะครับ

ขอให้รู้เท่าทันเป็นพอ

Knowledge is king.