Thursday, December 29, 2022

ขายหวี ขายกล้วย


ใครอยากขายหวี ขายกล้วยเชิญทางนี้ครับ
หิ้วหวีไปหิ้วหวีมา

ประเทศออสเตรเลีย หลาย ๆ รัฐ (ไม่ทุกรัฐ) อาชีพขายบริการทางเพศเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย ทำงานเสียภาษี มีสวัสดิการการดูแลพนักงานเหมือนอาชีพอื่น ๆ


อาชีพขายบริการทางเพศ:

- NSW ทำได้ ถูกกฎหมายทุกรูปแบบ รวมไปถึง street sex worker ด้วย

- VIC ทำได้ ถูกกฎหมายทุกรูปแบบ รวมไปถึง street sex worker ด้วย

- NT ทำได้ ถูกกฎหมายทุกรูปแบบ รวมไปถึง street sex worker ด้วย

- QLD ทำได้ ถูกกฎหมาย แต่ต้องเป็นสถานที่ที่ลงทะเบียนเท่านั้น (ซ่อง), street sex worker ยังผิดกฎหมายอยู่

- WA ทำได้ ถูกกฎหมาย แต่อันนี้ซับซ้อนนิดหนึงคือ ที่ WA จะไม่มีสถานเริงรมย์ทางเพศ (ซ่อง) คนซื้อบริการและขายบริการก็นัดเจอกันตามบ้าน หรือตามโรงแรม

- TAS, คล้าย ๆ WA

- ACT ทำได้ ถูกกฎหมาย และที่สำคัญก็คือ adult movie หรือหนังโป๊ะอะไรต่าง ๆ production ใหญ่ ๆ จะอยู่ที่ ACT เพื่อดาว OnlyFans ทั้งหลายจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ ACT กัน "น้องไข่หอม" อะไรทั้งหลายแหล่

- SA, ทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย คนที่ SA ระวังกันด้วยนะครับ

ใครใคร่ทำ ทำ
ใครใคร่ซื้อ ซื้อ

Your body, your choice.

อาชีพสุจริต มีการจ่ายภาษี จ่าย GST จ่าย Superannuation (10.5%)

คนใช้บริการก็ถือว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เงินหมุนเปลี่ยนมือ

ถ้าคิดจะทำอะไรก็ทำให้มันถูกต้องไปเลยครับ ไม่หลบ ๆ ซ่อน ๆ 

Copyright: แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture

Subclass 482; 25 สาขาอาชีพที่บังคับทำ Skill Assessment



25 สาขาอาชีพที่บังคับทำ Skill Assessment สำหรับวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ Subclass 482; TSS (Temporary Skill Shortage Visa) เริ่ม 22 March 2018, สำหรับคุณไทย

1. Automotive electrician

2. Baker

3. Cabinetmaker

4. Carpenter

5. Carpenter and joiner

6. Chef

7. Cook

8. Diesel motor mechani

9. Electrician (general)

10. Electrician (special class)

11. Fitter (general)

12. Fitter and turner

13. Fitter‑welder

14. Joiner

15. Metal fabricator

16. Metal fitters and machinists (nec)

17. Metal machinist (first class)

18. Motor mechanic (general)

19. Panelbeater

20. Pastrycook

21. Program or project administrator

22. Sheetmetal trades worker

23. Specialist managers (nec) except: ambassador, archbishop, bishop

24. Toolmaker

25. Welder (first class)

ข้อยกเว้นที่คนสมัครไม่ต้องทำ Skill Assessment:

1. จบการศึกษาในวุฒินั้น ๆ (เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร) ในประเทศออสเตรเลีย เพราะรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนมาเรียนที่ประเทศออสเตรเลียเยอะ ๆ, หรือ

2. คนสมัครที่ถือวีซ่า subclass 457 หรือ subclass 482 ในตำแหน่งนี้มาก่อน ก็ไม่ต้องทำ Skill Assessment เพราะแสดงว่าคนสมัครเองก็น่าจะมีความรู้ความสามารถจริงถึงถือวีซ่า subclass 457 หรือ subclass 482 มาก่อน (Subclass 457 ไม่ได้บังคับทำ Skill Asssessment, จะทำก็ต่อเมื่อ case officer เรียกให้ทำ)

25 สาขาอาชีพดังกว่าคือ 25 สาขาอาชีพที่ต้องทำ Skill Assessment สำหรับคนไทยนะครับ ไม่เกี่ยวกับ subclass ตัวอื่น อย่างเช่น subclass 494 หรือ subclass 186.... โปรดแยกกันให้ออก

หากสับสนเรื่องนี้ โปรดปรึกษานักกฎหมายอิมมิเกรชั่นของประเทศออสเตรเลียที่มี MARN เท่านั้น ปรึกษาหมอผี หมอตำแยก็คงได้คำตอบที่แตกต่าง

Copyright: ถ้าจะแชร์ให้แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture

Tuesday, December 27, 2022

ย้ายประเทศ; วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ เทหมดหน้าตัก


หลายครั้งเหลือเกินที่เราได้มีโอกาสทำวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ subclass 482; TSS (Temporary Skill Shortage Visa) 


และก็มีหลายครั้งเหลือเกินที่มันคือฟางเส้นสุดท้าย หนทางสุดท้ายในการโยกย้าย ในการย้ายประเทศของใครบางคน โดยเฉพาะบางครอบครัวที่มีลูกน้อย มีอนาคตขของเจ้าตัวเล็กที่ต้องคิดและวางแผน


ลูกค้าบาง case ที่เราทำ case ให้เป็นคู่สามีภรรยาหนุ่มสาว เคยใช้ชีวิตนักเรียนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เคยสัมผัสชีวิตที่ไร้ปัญหาเรื่อง PM2.5 เคยสัมผัสชีวิตรถจอดให้คนข้ามตรงทางม้าลายและอื่น ๆ อีกมากมาย


บางคนก็กลับไปเมืองไทย 5-6 ปีแล้วก็มี ไปสร้างครอบครัวที่เมืองไทย ไปทำธุรกิจที่เมืองไทย แต่เมื่อมีลูกน้อย ทุกสิ่งอย่างในชีวิตเปลี่ยนไป เขาก็ต้องเลือกว่าสิ่งแวดล้อมไหนที่เขาต้องการให้ลูกเขาเติบโต


เมื่อตัดสินแล้วว่าจะต้องไป 

เมื่อตัดสินใจแล้วว่าต้องบอกลาระบบการบริหารจัดการที่มันเดิม ๆ เก่า ๆ และย่ำอยู่กับที่ มันก็ต้องมีการทุบกระปุก ทุบหม้อข้าวแล้วมองไปข้างหน้าอย่างเดียว


ถ้าคนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำที่เมืองไทย มีรายได้เป็นเงินบาท THB แต่ค่าสมัครวีซ่าเป็นเงินดอลล์ AUD มันก็ต้องมีการทุบกระปุกแน่นอน เทหมดกระเป๋า บางคนก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินและพร้อมที่จะ "เทหมดหน้าตัก" เพราะตัวเขาเองเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาแล้ว ค่อนข้างรู้ดีว่าถ้ามาแล้วจะต้องเจออะไรบ้าง ไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก


หากคนเราอยากจะมา มีความมุ่งมันจริง

ไม่ต้องไป follow ตามพวก page ขายฝันต่าง ๆ ครับ พวกว่ายน้ำบนบก


เราถามใจตัวเราเองเลยว่าอยากจะกลับมาไหม

คำตอบมันมีแค่ "Yes" กับ "No" ไม่มี something in between

ชีวิตคนเราบางทีมันก็ต้อง make decision มันต้องตัดสินใจ


Indecisive will lead you to nowhere.

การไม่ตัดสินใจอะไรเลยก็เป็นการตัดสินใจอีกแบบหนึ่งนะครับ


เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ

บางคนก็ต้องออกค่าใช้จ่ายในการสมัครเอง เพราะนายจ้างไม่ได้ออกอะไรเลย 


อันนี้ค่าสมัครของวีซ่า subclass 482 สาขาอาชีพที่อยู่ใน long-term list นะครับ ถ้ายื่นจาก offshore จะไม่มีค่า subsequent onshore visa application fee คนละ $700


Stage 1; Standard Business Sponsor (SBS): $425

Stage 2; Nomination (SAF x 4 ปี): $5,201 ถ้ายอดขายร้านไม่ถึง $10,000,000 หรือ $7,635 ถ้ายอดขายของร้านถึง $10,000,000

Stage 3: Visa Application (x 3 คน) พ่อ แม่ ลูก ยื่น offshore: $6,322


ถ้าร้านยอดขายถึง $10,000,000 ค่าสมัคทั้งหมดก็จะอยู่ที่

$14,382


ถ้ายอดขายไม่ถึง $10,000,000 ค่าสมัครทั้งหมดก็จะอยู่ที่

$11,948


AUD14,382 หรือ AUD11,948 คือค่าสมัครวีซ่า subclass 482 offshore นะครับ 3 คนพ่อแม่ลูก สาขาอาชีพ long-term list


ยังไม่รวมค่าบริการของ "J Migration Team" อีก หรือใครใคร่เลือกใช้บริการที่อื่นก็ไม่เป็นไร มีที่ให้เลือกเยอะแยะ แต่อย่าลืมว่า You pay peanut, you get monkey นะครับ


ดังนั้นทำการบ้านกันเอาไว้เลยครับว่าค่าใช้จ่ายมันอยู่ที่เท่าไหร่

อยากรู้ว่าเป็นเงินไทยเท่าไหร่ ก็หาอัตราแลกเปลี่ยนคูณกันเอาเอง


ชีวิตทุกคนมี "ค่า" ครับ

"ค่า" ใช้จ่าย

"ค่า" สมัครวีซ่า

"ค่า" บริการถ้าจะให้ทนายหรืออิมมิเกรชั่นทำเรื่องให้


ชีวิตทุกคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

หลาย ๆ คนไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด

ถ้าคนเขาเกิดมาบนกองเงินกองทอง เขาก็คงอยู่เสวยสุขอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดแล้วหละครับ ไม่ต้องมาตายเอาดาบหน้าหรอก


Anyway, เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อ

เพราะ subclass 482 สำหรับสาขาอาชีพที่อยู่ใน long-term list มันก็มี pathway ให้ไปต่อจนถึง PR จนถึง citizen


เพื่อลูกน้อย คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องยอมทุกอย่าง

หมดหน้าตักก็ต้องหมด โดยเฉพาะคนที่อยู่ที่นี่มาก่อน เขารู้แหละว่าทุ่งหญ้าข้างหน้าจะเขียวกว่าที่เดิมแน่นอน รับรองว่าการลงทุนครั้งนี้ไม่สูญเปล่า


กราบขอบคุณทุก ๆ คนที่เลือกใช้บริการของเรา

กราบขอบคุณทุก ๆ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ "ครอบครัว J"

เรามั่นใจว่า subclass 482 คือจุดเริ่มต้นในการโยกย้ายของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าใครจะอยู่ onshore หรือ offshore ตอนนี้ให้ไวนะครับ ประเทศออสเตรเลียกำลังขาดแคลนแรงงาน


Subclass 482, Subclass 186 และ Subclass 187 เป็นวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ที่ไม่โควต้า ดังนั้นไปให้สุดทาง (ไม่แน่ใจว่า subclass 494 มีโควต้าหรือเปล่า แค่ 99.99% คิดว่าไม่มี)


เราขอเป็นกำลังใจให้กับหลาย ๆ ครอบครัวที่กำลังตามหาฝัน

ที่เทไปทั้งหมดหน้าตัก เราขอให้ทุกคนได้กลับคืนมาร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า


เหนื่อยได้

ท้อได้

พักได้

แต่อย่าหยุด


แล้วเจอกันนะครับ at the end of the rainbow


เราจะเจอกันเมื่อ "เวลาที่พร้อม"

เมื่อศีลเสมอ 

เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น :)


Copyright: แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่ copy & paste, ไม่ screen capture

Friday, December 23, 2022

Level ของ Chef



สำหรับอิมมิเกรชั่นแล้ว Chef มี ANZSCO - Australian and New Zealand Standard Classification of Occupations เดียวคือ ANZSCO 351311

สำหรับคนทำงานในสาย hospitality เราเข้าใจว่า chef มีหลายระดับ:

Executive Chef
Chef de Cuisine (Head Chef)
Sous Chef (Deputy Chef )
Chef de Partie (Station Chef)
Commis Chef (Junior Chef)

แต่สำหรับอิมมิเกรชั่นแล้ว ทุกตำแหน่งด้านบนที่เราเขียนมาก็เป็น "Chef: ANZSCO 351311" เหมือนกันหมด

Executive Chef ก็คือ Chef: ANZSCO 351311
Chef de Cuisine (Head Chef) ก็คือ Chef: ANZSCO 351311
Sous Chef (Deputy Chef ) ก็คือ Chef: ANZSCO 351311
Chef de Partie (Station Chef) ก็คือ Chef: ANZSCO 351311
Commis Chef (Junior Chef) ก็คือ Chef: ANZSCO 351311

ดังนั้นประสบการณ์ทุกตำแหน่ง เอามารับรวมกันได้

ถ้าจะให้ดีนะครับ ใน payslip ของเราไม่ต้องใส่ pay grade

payslip ที่ใส่มาเป็น Cook-level 1, Cook-level 2 แบบนั้นไม่เอา
ถ้าจะใส่ title ก็ใส่แค่ "Chef" ก็พอ หรือไม่ต้องใส่เลยจะดีที่สุด
อย่าให้มีคำว่า "Cook" ใน payslip

เพราะ "Cook" มันจะกลายเป็น Cook: ANZSCO 351411 ซึ่งเป็นคนละ ANZSCO กัน ตรงนี้ต้องระวัง

ศึกษารู้เท่าทันนะครับ
กฎหมายอิมมิเกรชั่น ปรึกษาจากคนที่มี MARN เท่านั้น

Copyright: ถ้าจะแชร์ให้แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่ copy & paste, ไม่ screen capture

Thursday, December 22, 2022

Subclass 485; at time of application (ATA)


Subclass 485; Temporary Graduate Visa

- Australian police check ต้องพร้อมก่อนยื่น

- ผลสอบภาษาอังกฤษต้องพร้อมก่อนยื่น

เข้าใจว่าช่วง COVID อิมมิเกรชั่น flexible ให้ยื่นไปแค่วันนัดสอบภาษาอังกฤษได้ 

เราไม่รู้ว่าตอนนี้ยังเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เอาจริง ๆ คือเราไม่ได้ติดตามเพราะบริษัทเราทำ subclass 485 น้อยมาก 


เข้าใจและเห็นใจคนที่สอบภาษาอังกฤษยังไม่ผ่าน แต่คนสมัครก็มีเวลาแค่ 6 เดือนหลังจากที่เรียนจบเท่านั้น ในการยื่น ถ้าหลัง 6 เดือน ทุกอย่างก็จบ


ดังนั้น ภาษาอังกฤษ สอบกันไว้แต่เนิ่น ๆ เลยครับ 

ผลสอบภาษาอังกฤษใช้ได้ถึง 3 ปี

- Australian police check, เป็น "At Time of Application" หมายความว่า ณ ตอนที่ยื่น เราต้องมีเอกสารแล้วหรือสมัครไปแล้ว (มี receipt) ถ้าส่งเอกสารตามไปทีหลัง วีซ่าก็จะถูกปฏิเสธอยู่ดี หลาย ๆ คนวีซ่าโดนถูกปฏิเสธเพราะทำ Australian police check กันเองแล้วลืมใส่ชื่อทุกชื่อที่เราเคยใช้มา คนไทยเป็นคนที่เปลี่ยนชื่อเยอะที่สุดที่เราเคยเจอมาครับ!!!


- ผลสอบภาษาอังกฤษ ก็เป็น "At Time of Application" ซึ่งก็หมายความว่าเราต้องมีผลสอบหรือนัดวันสอบแล้ว ณ วันที่ยื่น


ทั้ง Australian police check และผลสอบภาษาอังกฤษ สำหรับ subclass 485 แล้วมันคือ "At Time of Application" ATA ไม่ใช่ "At Time of Decision" ATD 


ดังนั้นถ้าวีซ่าเราไม่ผ่านเพราะ 2 ตัวนี้ ต่อให้ยื่นอุทธรณ์ไปที่ศาลอุทธรณ์ AAT ก็ไม่ผ่านครับ กฎหมายก็คือกฎหมาย บอกไว้ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็น "At Time of Application"


แต่ถ้ายื่นอุทธรณ์เข้าไปอย่างน้อยก็ยื้อเวลาได้ประมาณ 1.5 - 2 ปี

เราก็ต้องจัดการชีวิตของเรานะครับ ภายใน 1.5 - 2 ปี จะยื่นวีซ่าอะไรต่อไปก็ต้องรีบ ๆ ทำ


หรือบางคนก็อาจจะขอ Minister pursuant, ตามมาตตรา 351 (section 351) ก็ได้ ถ้าเราคิดว่าการที่เราอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียจะมี  economic benefit กับประเทศออสเตรเลีย 


แต่บอกได้เลยว่า successsful rate ของ Minister pursuant อยู่ที่ประมาณ 3% (ที่เรา check ล่าสุดนะ) เพราะปกติแล้ว Minister จะไม่ค่อย intervence case ของใคร นอกจากมันต้อง unique จริง ๆ เพราะทุกครั้งที่ Minister มีการ intervence เกิดขึ้น, Minister ก็ต้องไปอธิบายเหตุและผลในสภาว่าทำไมเขาถึง intervence


Minister เองก็ไม่อยากโดน scrutinized by พรรคฝ่ายค้านหรอก


Anyway... ยิ่งพูดยิ่งซับซ้อน

เราไม่อยากลงลึกมาก เรื่องกฎหมาย

เอาเป็นว่า เตรียมเอกสารให้พร้อมแล้วค่อยยื่นละกัน สำหรับวีซ่า subclass 485


ผลสอบภาษาอังกฤษสำหรับ subclass 485 คือ

IELTS (general) overal 6, each band 5 (พูด, อ่าน, เขียน, ฟัง)

หรือ PTE overall 50, each band 36 (พูด, อ่าน, เขียน, ฟัง)


Copyright: ถ้าจะแชร์ให้แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น,  ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capter

Sunday, December 18, 2022

Table-service restaurant



ร้านอาหารหรือ cafe ที่สามารถทำเรื่องสปอนเซอร์วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์; subclass 482 หรือ subclass 186

ร้านจะต้องเป็น table-service restaurant/cafe เท่านั้น ซึ่งก็คือ:

- ลูกค้าเดินเข้ามาที่ร้าน ยืนรอที่หน้าร้าน พนักงานจะเป็นคนพาไปนั่งที่โต๊ะ

- พนักงานเดินมา take order ที่โต๊ะ ไม่ใช่เดินไปสั่งอาหารที่หน้า counter
 
- อาหารจะ cook หลังจากที่ได้รับ order แล้ว แล้วพนักงานเสิร์ฟนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ร้านอาหารตาม food court ที่ทำอาหาร pre-cook ไม่สามารถทำเรื่องสปอนเซอร์ได้

- เมื่อทานอาหารเสร็จ พนักงานจะนำ bill หรือ invoice มาวางที่โต๊ะ แล้วลูกค้าเดินไปจ่ายเงินที่ counter (สมัยนี้พนักงานถือเครื่องรูดบัตรมาให้ลูกค้าจ่ายที่โต๊ะได้)

Wednesday, December 14, 2022

Massage Therapist



Massage Therapist หรือหมอนวด (ไม่นาบ)
ร้านที่เราทำ subclass 482 ก็จะประมาณนี้
เป็นร้าน chiropractice หรือร้าน physio


บริษัทเราไม่ทำร้านนวดไทยหรือร้านนวดจีน subclass 482
ส่วนบริษัทอื่นจะทำ ก็เรื่องของเขา


ร้านนวดไทยหรือร้านนวดจีน เรารับทำเฉพาะ subclass 494 นะครับ


Subclass 494: ร้านต้องอยู่เมืองรอบนอก (regional areas)


Subclass 482: ร้านอยู่ที่ไหนก็ได้


Subclass 482, เราทำให้ 4 ปี ไม่ใช่ 2 ปี


Tuesday, December 13, 2022

รัก 3 เรา; สมหญิง สมชาย และสมหมาย



"สมหญิง" กับ "สมชาย" เป็นคู่รักกันหวานชื่นดูดดื่มอุรา
สมชายเป็น PR/Citizen/Eligible New Zealander 
สมชายสามารถทำเรื่อง Partner Visa; Subclass 309/100 หรือ Subclass 820/801 ให้กับสมหญิงได้

ก่อนที่สมหญิงจะมาพบรักกับสมชาย สมหญิงเองก็เคยเป็นคู่รักกับ "สมหมาย" มาก่อน ทั้งสมหญิงและสมหมายถือวีซ่านักเรียนด้วยกันทั้งคู่

สมหญิงกับสมชายหมดรักกันแล้ว ต่างคนต่างไปมีชีวิตใหม่ แต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ได้ทะเลาะกันอะไร

สมหญิงกับสมชายเองก็มีความรักที่หวานชื่นดี แต่สิ่งที่สมชายให้กับสมหญิงไม่ได้ก็คือลูก เอาเป็นว่าระบบสืมพันธุ์ dysfunctional ก็แล้วกัน จะได้เข้าใจกันง่าย ๆ นกเขาก็ยังขันอยู่ แต่ก็ขันแบบแห้ง ๆ 

บางทีเมืองที่เราอยู่มันก็เล็ก ๆ แคบ ๆ เดินไปไหนมาไหนก็เจอแต่คนรู้จักคนเดิม ๆ ก็อาจจะเป็นได้ที่สมหญิงกับสมหมายก็เกิดมีการ "แอบแซ่บ" กันบ้าง ทำไงได้หละน๊อ คนเรามันหน้าตาดี

"ความแซ่บ" บางทีมันก็ฉุกละหุก ป้องกันไม่กัน สมหญิงเกิดท้องขึ้นมา และก็ไม่ใช่ลูกของสมชายแน่ ๆ เพราะสมชายมี medical condition ที่ไม่สามารถมีลูกได้

แต่ก็เพราะความรักแบบไม่มีข้อแม้ สมชายรักสมหญิงหมดหัวใจ ถึงแม้สมหญิงจะ "อุ้มบุญ" มาจากที่อื่น สมชายก็ไม่หมดรักและพร้อมที่จะไปต่อ ทำเรื่อง Partner Visa ให้กับสมหญิง

รัก 3 เรา ทำยังไงถึงจะได้เข้าเส้นชัยกันทั้งหมด:

1. ตอนคลอดลูก ในใบเกิดของลูก สมหญิงต้องใส่ชื่อ สมหญิงกับสมหมายเป็น biological parents ของลูก ไม่ใช่ชื่อสมชายเป็นพ่อ

2. สมหญิงกับลูกก็ยังจะได้ PR ตามปกติ เพราะความรักของสมหญิงกับสมชายก็ยัง continue แค่ได้ของแถมจากการอุ้มบุญ

3. เมื่อลูกที่คลอดมาได้เป็น PR/Citizen ถึงแม้ลูกจะยังอายุไม่ถึง 18 ปี ลูกก็สามารถทำเรื่องให้กับคุณพ่อสมหมายได้ ด้วย Subclass 143; Contributory Parent Visa โดยที่คุณแม่ของลูกซึ่งก็คือสมหญิงสามารถเซ็นเอกสารแทนลูกได้

ซับซ้อนหรือไม่ซับซ้อนขึ้นอยู่กับการมองและแก้ปัญหาครับ
ถ้าเรามองให้มันยาก มันก็ยาก
ถ้าเรามองให้มันง่าย มันก็ง่าย

Subclass 143 เตรียมตังค์ไว้เลยครับ $43,600
และ $10,000 bond ให้กับ Centrelink

Subclass 143 เคยเขียนเอาไว้ที่ blog เยอะแล้ว ลองไล่อ่านหรือ search ดูที่ https://jpp168immi.blogspot.com/ นะครับ

ปัญหาทุกอย่างมีทางออกนะครับ
เพียงแค่เราจะหาที่ปรึกษาที่ qualify หรือเปล่าก็แค่นั้นเอง
ชอบอ่านอะไรใน "พันถีบ" หรือ facebook group ที่ไม่มีใคร qualify เลยก็ตามใจ หรือเลือกที่จะอ่านอะไรจากคนที่มี MARN อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เลือกแบบไหนได้แบบนั้น

เราก็หวังว่า post นี้, blog นี้จะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับใครบางคน out there

P' J เขียนเองทุกตัวอักษร

Note: P' J เขียน blog เพื่อเป็นวิทยาทาน โปรดวิจารณ์หรือ comment ด้วยความสุภาพ ไม่ล้ำเส้นใคร ให้ P' J เป็นผู้ร้ายแค่คนเดียวพอ และที่สำคัญคือไม่ bully ใครในเรื่องของ medical condition

Copyright: แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture.

Monday, December 12, 2022

สุ่มปัดตก


อิมมิเกรชั่นประเทศออสเตรเลีย ไม่มีการ "สุ่มปัดตก" ครับ

การที่เราวีซ่าไม่ผ่าน ก็แสดงว่าคุณสมบัติเราไม่ครบ ก็แน่นั้นเอง

ไม่มีการสุ่มปัดตกแน่นอน

ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน เราก็สามารถยื่นเรื่องได้ใหม่เลยทันทีนะครับ ไม่ต้องรอ แต่คำถามคือ "คุณสมบัติเราครบหรือเปล่า" "เอกสารเราครบหรือเปล่า"

บางทีเราก็ต้องไม่โกหกตัวเองนะครับ

หลาย ๆ คนชอบโทษคนทั้งโลก ยกเว้นโทษตัวเอง


ประเทศเปิดแล้ว หลาย ๆ คนก็อยากจะขอวีซ่ากัน

แต่เราก็ต้องศึกษาด้วยว่าวีซ่าตัวไหน เป็นอะไรยังไง ส่วนมากที่เห็นปฏิเสธกันคือวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่านักเรียน

ประเทศออสเตรเลียยินดีต้อนรับทุกคนครับ ถ้าคุณสมบัติในการขอวีซ่าเราครบ


Note: ไม่เกี่ยวอะไรกับ "J Migration Team" แค่ผ่านไปเห็นข้อความต่าง ๆ ใน Internet

Friday, December 9, 2022

หมดหน้าตัก


เป็นกำลังให้กับพี่ ๆ น้อง ๆ "ครอบครัว J" ทุกคนที่ก้าวออกมาจาก comfort zone ของตัวเอง


ลูกค้าเรา "ครอบครัว J" หลาย ๆ คนออกมาเปิดกิจการ
ออกมาทำธุรกิจของตัวเอง
บ้างก็ร้านอาหาร
บ้างก็ cafe
บ้างก็ร้านนวด
บ้างก็บริษัทรับทำความสะอาด
บ้างก็บริษัทรับทำสกรีนเสื้อผ้า
บ้างก็ออกมาเปิดธุรกิจอยู่เมืองรอบนอก ในเขต regional area เพื่อที่จะทำวีซ่า subclass 491

หลาย ๆ บริษัท หลาย ๆ ธุรกิจ เราได้ช่วยตั้งชื่อร้าน และเราก็เลือกใช้บริการและอุดหนุนคนใน "ครอบรัว J" ของเรา

เรือล่มในหนอง เงินทองจะไปไหน

หลาย ๆ คนเราช่วยดัน ช่วย promote ในสื่อส่วนตัวและ page ส่วนตัวจนคนคิดว่าเราเป็นหุ้นส่วนก็มี

เปล่าจ๊ะ เราทำให้ด้วยใจ ทำให้กันฟรี ๆ ส่วนที่เราไม่ได้ออกมาบอกว่าเราไม่ใช่หุ้นส่วนนะ นั่น นี่ โน่น คือมันไม่จำเป็นที่จะต้องบอกใคร และก็ "It's none of your business" ก็ปล่อยให้มันเป็นปริศนาต่อไป :)

ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน

ก็แค่อยากจะบอกว่า เราเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ
ช่วงแรก ๆ จะยากเสมอ
เราเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน
ตัวเราเองเคยต้องใช้บัตรเครดิตรูดจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟของธุรกิจมาก่อน หมุนเงินไม่ทัน เราผ่านตรงจุดนั้นมาแล้วครับ บันเทิงมากช่วงนั้น ในวัยละอ่อน

ตัวเราเองก็ผันตัวจากหนุ่มน้อยเด็ก IT; Java Programmer มาเป็นเจ้าของธุรกิจ บอกได้เลยว่าคุ้มมาก

เราเป็นพนักงาน ต่อให้เงินเดือนเยอะแค่ไหน มันก็มีเพดานของมันครับ
สำหรับเราแล้ว "Job" = Just Over Broke

การทำธุรกิจ การเป็นผู้ประกอบการ รายได้มันไม่มีเพดาน แต่ก็จะยากหน่อยในช่วงแรก ๆ 
ดังนั้นอย่าท้อ
"ท้อ" มีไว้ให้ลิงถือ

การทำธุรกิจของตัวเอง
ไม่เจ๊ง ก็กำไร หรือไม่ก็อยู่ตัว
แต่ต่อให้เรา fail
เราก็ faill forward
Pick yourself up แล้วเดินต่อ
ล้มเหรอ ไม่มีปัญหาครับ
ปัดเข่า เลียแผลแล้วเดินต่อ

เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด

เราขอเป็นกำลังใจให้กับ "ครอบครัว J" ทุกคนที่ย่างก้าวออกมาจาก comform zone ของตัวเอง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ทุกอย่าง "ดี" เสมอ

ล้ม ลุก เรียนรู้ กันนะครับทุกคน :)

เมื่อเราเทหมดหน้าตัก
ทำงานด้วยความสุจริต
ไม่โกหก
ทุกอย่างต้องออกมาดี

หัดเดิน ก่อนที่จะวิ่ง

ถ้าเรายังไม่พร้อมที่จะออกมาทำอะไรเป็นของตัวเอง ก็ไม่เป็นไร เก็บหอมรอมริบของเราก่อน เวลามันจะมาของมันเอง (แต่ก็อย่าช้ามากหละ)

ตัวเราเองกว่าจะถึงจุดนี้ได้ ก็รูดบัตรเครดิต หมุนเงินเป็นว่าเล่นเหมือนกัน แต่เมื่อถึงที่หมาย วิวด้านบนมันสวยงามเสมอ

อยู่ข้างบนแล้วหนาว
ก็ยังดีกว่าอยู่ข้างล่างแล้วเร่าร้อน

หาตัวเองให้เจอ
ปักธง แล้วไปให้ถึงเป้าหมาย ช้าบ้าง เร็วบ้าง ไม่เป็นไร 
แต่ก็ดีกว่าย่ำอยู่กับที่แน่นอน

ทำอะไรเดิม ๆ 
ผลลัพธ์ก็จะเดิม ๆ นะครับ

ไม่ต้องกลัวที่จะต้องออกมาจาก comfort-zone

ส่วนใครที่อยู่ใน "inner-circle" ของ P' J
ให้จำไว้เสมอ
You are not alone.
I'm here to help.
I am just 1 click away (or WhatsApp)

...รัก...

Copyright: ถ้าจะแชร์ แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น,  ไม่ copy & paste, ไม่ screen capture

Tuesday, December 6, 2022

เพื่อนที่ไม่ค่อยดี; Fiji

ณ กาลครั้งหนึ่ง P' J ทำงานในองค์กรของรัฐบาลที่นี่ ทำ full-time ด้วย ตอนนั้นเพิ่งเริ่มทำ "J Migration Team" เพิ่งเริ่มเตาะแตะ ทำคนเดียว ไม่มีทีมงาน เอาง่าย ๆ ก็คือทำเป็น sideline job

P' J เคยรับราชการที่นี่มาก่อนจ๊ะ
ตอนนี้ก็ยังรักษาตำแหน่งอยู่ (กว่าจะเรียนจบ กว่าจะได้ตำแหน่งมาก) เหลืออีก 2 ปีก่อนที่เค๊าจะปลด P' J ออกจากระบบ

สถานที่ทำงานแห่งนั้น ก็เต็มไปด้วยเพื่อนร่วมงานฝรั่งหรือไม่ก็พวก ABC (Australian Born Chinese) 

สถานที่ทำงานในองค์กรรัฐบาลค่อนข้างแตกต่างจากสถานที่ทำงานในบริษัทเอกชน เพื่อนร่วมงาน 99.99% ค่อนข้างจะ family oriented, เลิกงาน-กลับบ้าน และทุกคนมีชีวิตส่วนตัวของใครมัน 

Carpark ที่ที่ทำงานะโล่งภายใน 5 นาทีหลังจากที่เลิกงาน

กับองค์กรแบบนี้ มิตรแท้นั้นหายาก หรือแทบจะไม่มี เพราะทุกคนมีโลกส่วนตัวนอกเหนือจากสถานที่การทำงาน บางคนทำงานด้วยกันมา 20 ปี เพื่อนร่วมงานยังไม่เคยเจอหน้าสามีหรือภรรยาของเพื่อนที่ทำงานเลยก็มี

ประสบการณ์ชีวิตทำงานในองค์กรต่าง ๆ ถ้าจะเล่านะ
เล่าทั้งวันก็ไม่หมด

ในองค์กรใหญ่ ๆ แบบนี้ ความเย็นชาและชาเย็นต่อเพื่อนร่วมงานมันมีอยู่แล้วหละ กับเปลือกนอกที่ดู friendly ตามสไตล์ฝรั่งที่นี่ที่ต้อง say hi, hello ตามมารยาท แต่บอกได้เลยว่า "It means nothing"

ในความชาเย็นและเย็นชา เราก็ยังพอหามิตรแท้อยู่บ้าง
เรามีเพื่อนร่วมงานจาก department หนึ่ง คืองงมากทำเราทำงานกันละ department แต่ก็ดันไปสนิทกันอีท่าไหนไม่รู้ อาจเป็นเพราะตอนนั้นเราเด็กมาก ทำงานเงอะ ๆ งะ ๆ ทำอะไรไม่ค่อยเป็น ครั้นจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานใน department เดียวกัน โอ๊ยยยยยย หัวจะปวด มีแต่คนแก่ ๆ พูดกันคนละภาษา คนละ generation ดูเหมือนหลาย ๆ คนก็เช้าชามเย็นชามรอเกษียณ เจอมาหมดแล้วจ๊ะ ชีวิตการทำงานในองค์กรที่นี่ 

ในองค์กรรัฐบาล การเลื่อนขั้นหรือเลื่อนตำแหน่งค่อนข้างยาก เพราะตำแหน่งมีจำกัด ดังนั้นการแทงข้างหลังกัน การเลื่อยขาโต๊ะ มันมีให้เห็นทุกวันครับ เรื่องปกติมาก

ในความเวอร์วังขององค์กรใหญ่แบบนี้
เราก็ได้มิตรแท้มา 1 คน (แค่ 1 คนจริง ๆ ขุ่นพระ)
เราน่าจะเป็น JP (Justice of the Peace) คนเดียวในองค์กรนี้ เราก็เลยได้มีโอกาสเซ็นเอกสารทางราชการ และพวก legal documents อะไรหลาย ๆ อย่างให้กับเพื่อนร่วมงาน และก็เซ็นให้กับเพื่อนร่วมงานคนนี้ด้วย เราก็เลยมีเรื่องราว confidential หลายอย่างที่เราคุยกัน ความสนิทมันก็ค่อย ๆ เริ่มขึ้น

OK แหละ เรามารับตำแหน่งชั่วคราวที่นี่แค่ 1 ปี ก่อนที่จะย้ายไปรับตำแหน่งและบรรจุเป็นข้าราชการถาวร (permanent full-time) ที่อื่น เราก็ยังทำงานที่กระทรวงเดิม แค่เปลี่ยนสถานที่ทำงานแค่นั้นเอง

เพื่อนที่ทำงานเก่าคนนี้เป็นชาว Fiji 
เขาก็เป็น Austraian citizen แหละ ขอวีซ่าด้วย Skilled Independent Visa
เพื่อนเราเป็นลูกชายคนเดียว อยากจะทำเรื่องสปอนเซอร์ให้กับคุณแม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เพราะสมันก่อนโน้น เพื่อนก็ไม่ได้มีความรู้ว่าจะต้องทำอะไร ยังไง เพราะคุณแม่อายุก็เลยการขอ Skilled Independnt Visa ไปแล้ว

เราเรียกคุณแม่ของเพื่อนว่า mom เพราะเราค่อนข้างสนิทกัน

mom ไม่ qualify ที่จะขอ Skilled Independent Visa เพราะ mom อายุเยอะแล้ว ถึงแม้ mom จะเป็นพยาบาล Registered Nurse ก็เถอะ

เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเพื่อนเราไม่ทำ Parent Visa ให้ mom ไปเลยเพราะเพื่อนเราคือลูกชายคนเดียวของ mom ตอนนั้นอาจจะยังไม่พร้อมเรื่องการเงิน หรืออาจจะยังไม่มีที่ปรึกษาทางด้านวีซ่าที่ถูกต้องก็ได้ อันนี้เราก็ไม่กล้าระราบระล้วง

mom ก็เลยทำเรื่องจาก Fiji แล้ว migrates ไปที่ New Zealand พอ mom ได้ New Zealand citizenship, mom ก็ย้ายมาอยู่ที่ Autralia กับลูกชาย

ถ้าไปทางตรงไม่ได้ ก็ไปทางอ้อมนะครับทุกค๊นนนนนนนน

Mom สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียได้ ตราบจนชีวิตจะหาไม่ เพรา mom ถือ New Zealand passport แต่มันก็มีข้อจำกัดอะไรหลาย ๆ อย่าง หลายปีผ่านไป เมื่อเพื่อนเราการเงินพร้อม และอะไรหลาย ๆ อย่าง เพื่อนเราบอกว่าอยากจะขอ PR ให้ mom, Aged Parent Visa (contributory) และก็อยากจะขอ Australian citizenship ให้ mom ด้วย

ด้วยความที่เราก็เพื่อนที่ไม่ค่อยดีนัก
นี่แหละความสนิทสนม บางทีมันก็ "อะไร ยังไง ก็ได้"

เพื่อน WhatsApp ช่วงปีใหม่มาคุยเรื่องของคุณแม่ เราก็แค่บอกไปว่า "ได้ ๆ เดี๋ยวค่อยว่ากัน" (I hate myself sometime)

Sunday, December 4, 2022

ชีวิตออสเตรเลีย: ปิดเทอม เด็ก ๆ หางานพิเศษกัน



เมื่อวาน; Sat 03 Dec 2022, P' J นั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่ที่ cafe แห่งหนึ่ง

ช่วงนี้ที่ NSW ยังไม่ปิดเทอม แต่ทุก ๆ โรงเรียนก็สอบเสร็จกันหมดแล้ว 2-3 อาทิตย์ที่เหลือที่แค่เป็นกิจกรรมปลายปี หรือกิจกรรมปลายภาค ไม่ค่อยมีอะไรซีเรียสมาก

เมื่อวาน ในขณะที่ P' J นั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่ที่ cafe
ภาพที่ P' J เห็นคือเด็กน้อย (น่าจะ high school) เดินถือ resume เดินมากับคุณพ่อ แล้วเดินเข้าร้านค้าและ cafe ในระแวกนั้น เพื่อ drop resume เอาไว้

มันเป็นภาพที่สวยงาม
มันเป็นวัฒนธรรมของที่นี่ ที่เด็ก ๆ หางาน part-time กัน โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม โดยเฉพาะช่วง Christmas เพราะร้านค้าต่าง ๆ ต้องการพนักงานชั่วคราวในช่วงที่ retail industry ค่อนข้าง busy ช่วงนี้

ซึ่งเราคิดว่าภาพเหล่านี้คงหาดูได้ไม่ง่ายนักในเมืองไทย (เดาเอา)

และที่ทำให้หัวใจพองฟูไปกว่านั้นก็คือ หนูน้อยมากับคุณพ่อด้วย มันเป็นภาพที่น่ารัก เป็นภาพที่สวยงามที่คุณพ่อมาเดินกับหนูน้อย เข้าร้านนั้นออกร้านนี้เพื่อ drop resume ให้กับร้าน retail ต่าง ๆ 

มีเรื่องหัวใจพองโต ก็แค่อยากมาบอกเล่าเก่าสิบ
ก็แค่นั้นเอง

ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่สวยงามครับ
เปิดกว้าง เปิดรับสำหรับทุก ๆ คนที่คุณสมบัติครบ
ศึกษารู้เท่าทัน
เคารพกฎระเบียบของประเทศที่เราอยู่นะครับ ไม่ซิกแซกมาก ไม่แหกกฎมาก มันทำให้สังคมนี้น่าอยู่