Friday, July 26, 2019

วีซ่าขาด ยื่น Partner Visa; 8 เดือนผ่าน


26 July 2019

วันนี้เป็นวันดี เหมือนเช่นทุก ๆ วันที่ผ่านมา
แต่วันนี้มันก็มีอะไรพิเศษบ้างเล็กน้อย

"น้อง T** กล้ามโต" Ultimo ของ P' J
วีซ่าผ่านแล้วจ๊ะ

จากที่วีซ่าขาด น้องกลับไปยื่นเรื่องที่เมืองไทย จริง ๆ ก็ยื่น online แหละ P' J กับทีมงานยื่นให้ที่นี่

8 เดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก
วีซ่าผ่านแล้วครับ
ไม่ขอเอกสารอะไรเพิ่ม

เพราะเรา check ให้ทุกอย่างแล้วว่าเอกสารครบ
P' J ขออะไรไป น้องมีให้ทุกอย่าง อยากให้ลูกค้าทุกคนเป็นแบบนี้

P' J รู้ว่า น้อง "T** กล้ามโต" Ultimo หล่อเลือกได้ของ P' J และเพื่อน ๆ ของเขา อ่านและ follow page ของ "J Migration Team" อยู่แล้ว

P' J ตั้งใจว่าจะยังไม่ส่ง email บอก
มันธรรมดาไป
เราออกสื่อ ผ่าน page นี้เลย
ไม่ออกเสียง ไม่ออกชื่อนะครับ พี่คิดว่าน้องและเพื่อน ๆ ของน้องรู้ว่าเป็นใคร :)

จะส่งดอกไม้ไป ก็ทำไม่เป็น ไม่รู้จะใช้บริการของบริษัทอะไรที่เมืองไทย ใครรู้จักร้านดอกไม้ online ดี ๆ ที่เมืองไทย แนะนำมาได้นะครับ เอาที่ส่งต่างจังหวัดด้วยนะครับ 

เอาเป็นว่า ถ้าน้อง "T** กล้ามโต" เห็น post นี้แล้ว ทักมาหา P' J หลังไมค์ด้วยนะครับ

ลูกค้าของเราที่วีซ่าขาดที่กลับไปยื่น Partner Visa นอกประเทศ
ทุกคน ทุก case ได้กลับมาหมดครับ
ดังนั้นหลาย ๆ คำถามที่ถามกันมาใน inbox เราอาจจะไม่จำเป็นต้องตอบ ให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ละกัน

ดีใจด้วยกับน้อง "T**"
รีบกลับมานะครับ

หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกที่นี่


Pat ourselves on the back...
Celebrates small wins along the way...

J Migration Team

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ...

Massage Therapist ในเขต regional area


Massage Therapist ในเขต regional area


เก็บตกบรรยากาศจาก Adelaide

South Australia ถือว่าเป็นเขต regional ทั้งรัฐ และก็อีกหลาย ๆ รัฐ หลาย ๆ พื้นที่ ลองศึกษากันดูนะครับ

ดังนั้นการขอ PR โดยที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ด้วยวีซ่า subclass 187 RSMS (Regional Sponsored Migration Scheme) มันก็ยังทำได้อยู่ จนถึง 15 Nov 2019 (11:59pm)

บางทีสาขาอาชีพ อะไรต่าง ๆ ตามเมืองใหญ่มันทำไม่ได้แล้ว หรือไม่ก็ทำยากมาก อย่างเช่นพวก Massage Therapist เป็นต้น ถ้าจะทำ subclass 482 TSS หรือ subclass 186 ENS มันก็ต้องเจอ caveat ร้านจะต้องไม่เป็น retail setting ซึ่งร้านนวดส่วนมาก 99.99% มันก็เป็น retail setting อยู่แล้ว

ก็คงต้องเป็น subclass 187 RSMS (ก่อน 16 Nov 2019) เท่านั้นสำหรับสาขาอาชีพ Massage Therapist เพราะวีซ่า subclass 187 RSMS จะไม่มี caveat

สำหรับ Massage Therapist หลาย ๆ คนคิดว่า caveat มันจะมีแค่:

- ต้องทำงานเป็น full-time
- ต้องเป็นนวดแบบรักษา เป็นแบบ therapeutic setting

แต่ตามกฎหมาย legislation แล้ว caveat ของ Massage Therapist ของวีซ่า subclass 482 TSS & subclass 186 ENS นั้นมี 4 conditions นะครับ คือ:

- ตำแหน่งต้องเป็น full-time
- ต้องเป็นนวดแบบรักษา เป็นแบบ therapeutic setting
- จะต้องไม่ใช่นวดแบบ relaxation นวดแบบสปา
- จะต้องไม่ใช่ retail setting

ร้านนวดไทย ร้านนวดจีน 99.99% จะเป็นพวกนวดแบบ relaxation นวดแบบสปาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวหรอกว่าเรา claim health fund ได้หรือเปล่า

ร้านนวดไทย ร้านนวดจีน 99.99% ร้านจะเป็นพวก retail setting ทั้งนั้น ตั้งอยู่บนถนน main road บ้าง ตั้งอยู่ใน shopping mall

ไม่เกี่ยวหรอกว่าเป็นร้านใหญ่ มีเป็นหลายสิบสาขา

ถ้าร้านไม่ meet requirements ก็แปลว่าร้านไม่มี meet requirements ก็แค่นั้นเอง

อย่าให้การที่เรามี health fund มาเป็นภาพลวงตา

อย่าให้การที่ร้านมีหลายสาขามาเป็นภาพลวงตา

พวกนี้มันทำวีซ่า 482 TSS และ 186 ENS ยากมาก ถึงมากที่สุด

ดังนั้นทางออกของคนที่ต้องการขอ PR ด้วยสาขาอาชีพของ Massage Therapist ก็ต้องเป็นวีซ่า subclass 187 RSMS เท่านั้นนะครับ

มันมีทางนี้ทางเดียวตอนนี้
ร้านไหนก็ยังอยู่ในเขต regional ก็ทำกันได้

ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ Adelaide พอดีเราไป Adelaide เราก็เลยเก็บภาพมาเล่าเรื่อง ก็แค่นั้นเอง

ดังนั้นคนไหนที่ทำงานที่ร้านนวดในเขต regional ที่ถือ 457/482 อยู่ก็ยังสามารถ transitional ไปเป็น 187 RSMS ได้ PR ไปตามปรกติ

แต่คนไหนที่ทำงานที่อยู่ที่ร้านในเมือง ตอนนี้บอกได้เลยว่า you ทำอะไรแทบจะไม่ได้แล้ว

ใครทำได้ เราดีใจด้วย

คนที่ทำงานที่ร้านที่อยู่นอกเมืองก็สบายไป

visa subclass 187 RSMS มี 2 streams คือ:

1. Transitional Stream สำหรับคนที่ทำงานกับนายจ้างปัจจุบันอยู่แล้ว 2/3 ปีแล้วแต่ว่าเราจะโดนกฏเก่าหรือกฎใหม่ แล้วก็ต่อยอดไปขอ PR

คุณสมบัติก็คือ:

- ทำงานกับนายจ้าง 2/3 ปี แล้วแต่ว่าเราจะโดนกฎเก่าหรือกฎใหม่

- IELTS (general) each ban 6 หรือใช้ผลการเรียน 5 ปีได้ (post ไปแล้ว ลองไล่หาอ่านเอา) ถ้าไม่อยากสอบ IELTS ก็สอบพวก PTE Academic ได้ (post ไปแล้ว ลองไล่หาอ่านเอง)

2. Direct Entry (DE) คุณสมบัติคือ:

- มีประสบการณ์ในการทำงาน full-time 3 ปี, full-time นี้ ทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นนายจ้างที่เขาจะสปอนเซอร์เรา

- IELTS (general) each band 6, ใช้ผลการเรียน 5 ปี ไม่ได้ ถ้าไม่อยากสอบ IELTS ก็สอบพวก PTE Academic ได้

- ไม่ต้องทำ skill assessment


มีประโยชน์โปรดแชร์

J Migration Team
ໃຫ້ຄໍາປຶກສາແລະຮັບເຮັດວີຊ່າອອສເຕເລຍທຸກຊະນິດ

วีซ่าขาด เดินทาง domestic ได้


วีซ่าขาด สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ครับ
domestic flight ไม่มีการ check ID, ไม่มีการ check visa
เวลาซื้อตั๋ว เราก็ซื้อกัน online ไม่มีการถามข้อมูลเรื่องวีซ่า

blog นี้ไม่ได้โปรโมทให้คนวีซ่าขาด แต่ก็แค่เขียนให้ความรู้ (มี MARN จ๊ะ เขียนได้ ไม่ผิด) สำหรับคนประเภทนั้นเฉย ๆ เพราะเขาก็เห็นว่าบางคนก็อยู่กันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ถูกสังคมเอาเปรียบ ขาด basic human right

ก็ในเมื่อชีวิตของพวกเขา ส่วนอื่นมันขาดไปเยอะแล้ว jigsaw ในชีวิตหายไป
เราก็แค่อยากเป็นจะเป็นอีก jigsaw เล็ก ๆ มาช่วยเติมเต็มความเป็นมนุษย์ของพวกเขาก็แค่นั้นเอง

วีซ่าขาด อยากจะไปเที่ยวไหน ไปได้ครับ
ออกมาจากกระดอง ออกมาจากสระน้ำเล็ก ๆ แล้วลองออกไปว่ายน้ำที่ทะเลสาบดู

โลกนี้ไม่ได้โหดร้ายเสมอไป
ประเทศนี้กว้างใหญ่ ไหน ๆ ก็ได้มาแล้ว ก็เดินทางไปหาประสบการณ์ชีวิตบ้างก็น่าจะดีเหมือนกันนะครับ

คนที่วีซ่าขาด ทุกคนมีเหตุและผลที่แตกต่างกันออกไป
เราไม่ judge ใครทั้งนั้นเพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่เรา แต่ก่อนที่ใครจะตัดสินใจทำอะไรลงไป โปรดให้รู้เสมอว่า ทุกอย่างที่เราลงไป มันจะมี consequences มีผลตามมาทีหลังเสมอ

คิดก่อนทำ

ถ้าแต่มันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องทำปัจจุบัน และอนาคตให้มันดีที่สุด

เหตุการณ์บางเหตุการณ์มันก็เหมือนกับการ "เสียตัว" นั่นแหละ
มันเรียกกลับคืนมาไม่ได้ แต่เราต้องจัดการกับเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันให้ได้

ประเทศออสเตรเลียกว้างใหญ่นัก
โปรดให้พื้นที่ให้พวกเขาได้ยืนหยัดด้วยเถอะ
ขอพื้นที่ให้พวกเขาได้หายใจบ้างเถอะ... ไหน ๆ คนเรามันก็เกิดมาร่วมโลก และร่วมโรคกันแล้ว...

เหรีญมี 3 ด้าน แล้วแต่ใครจะเลือกมอง
ไม่มีถูก ไม่มีผิด
เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
​Agree to disagree...

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ

สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านเรื่องคนวีซ่าขาด ก็ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ชอบก็ข้ามไป
ไม่ต้อง LINE มาด่าเรา (เหมือนเมื่อครั้งกระโน้น)
หมาเห่า เราไม่เห่าตอบจ๊ะ
เรายิงทิ้ง...

Tuesday, July 23, 2019

Adelaide and South Australia











Adelaide เป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าจับตามอง เพราะ Adelaide  ถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ในเขต regional area

In fact, รัฐทั้งรัฐของ South Australia (SA) ถือว่าอยู่ในเขต regional area

หลังจากที่อุตสาหกรรมหลักของ SA ซึ่งก็คืออุตสาหกรรมการประกอบรถยนต์จะได้ย้ายหรือถอนตัวออกจาก SA เมื่อหลายปีก่อน

ไม่ว่าจะเป็น Holden, Ford, Toyota...etc...etc...

เมื่อโลกไป
ทุกอุตสาหกรรมเกิดการ disrupt
มีเหรอ อุตสาหกรรมรถยนต์จะรอด

เมื่ออุตสาหกรรมหลักถูกย้ายออกไปจาก SA, เศรษฐกิจของ SA ก็ทรุดเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐอื่น ๆ 

ดังนั้นรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นก็ต้องหาวิธีและกลยุทธ์เพื่อดึงคนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐ

เราได้มีโอกาสไปเยือน Adelaide 3 คืน 4 วัน
บรรยากาศเมืองน่าอยู่ รถไม่ได้ติดมาก ถ้าเทียบเท่ากับ Sydney หรือ Melbourne

บ้านที่โน่นจะหลังใหญ่ น่าอยู่ ราคาจับต้องได้ ถ้าเทียบกับ NSW และ ACT โดยเฉพาะ Sydney, Canberra หรือ Wollongong

วีซ่า subclass 489, subclass 187 ยังเป็นอะไรที่จับต้องได้
หรือแม้แต่ subclass 491 และ subclass 494 เริ่มวันที่ 16 Nov 2019 ก็เป็นอะไรที่จับต้องได้

วีซ่า subclass 489 แบบ family sponsored ถ้าเรามีญาติที่เป็น PR หรือ citizen อยู่ในเขต regional เราก็ได้ point เพิ่ม 10 points

ถ้าเรามาเรียนอยู่ในเขต regional 2 ปี เราก็ได้ point เพิ่ม 5 points

คำว่าเขต regional วันไม่ได้บ้านนอกมาก
บางทีเราต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง

University of South Australia ก็มี City West Campus อยู่ในเมืองเลย สะดวกสบาย

University of Adelaide ก็ตั้งอยู่ข้าง ๆ กัน ตรง North Terrace (หรืออาจจะมีหลาย campus เราไม่รู้)

Adelaide และ South Australia เป็นอะไรที่น่าจับตามอง
ชอบหรือไม่ชอบ
อยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้
เราแนะนำว่าลองไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตอยู่สัก 3-4 วันดูก่อนดีมั้ย

​บางทีสาขาอาชีพ อะไรต่าง ๆ ตามเมืองใหญ่มันทำไม่ได้แล้ว หรือไม่ก็ทำยากมาก อย่างเช่นพวก Massage Therapist เป็นต้น ถ้าจะทำ subclass 482 TSS หรือ subclass 186 ENS มันก็ต้องเจอ caveat ร้านจะต้องไม่เป็น retail setting ซึ่งร้านนวดส่วนมาก 99.99% มันก็เป็น retail setting อยู่แล้ว

ก็คงต้องเป็น subclass 187 RSMS (ก่อน 16 Nov 2019) เท่านั้นสำหรับสาขาอาชีพ Massage Therapist เพราะวีซ่า subclass 187 RSMS จะไม่มี caveat

ก็ลองแวะไปดูนะครับ
เราอาจจะตกหลุมรัก Adelaide และ South Australia ก็ได้

UniSA, City West Campus สวยมาก เต็มไปด้วยงาน art งานศิลปะตามตึกอย่างที่เห็น 

Saturday, July 20, 2019

Partner Visa เลิกกันหลังได้ PR


สุดท้าย… เรื่องเราจบลงทุกอย่าง
ไม่ขัดไม่ขวาง ในเมื่อเธอจะไป
มีแค่เพียงสิ่งเดียว ยังติดค้างในใจ
อยากรู้ เรื่องใครอีกคน

เขาห่วงใย ใส่ใจ เธอรึเปล่า

เมื่อยามเธอทุกข์ทน
อยากรู้เขาทำอย่างไร

ทำให้เธออุ่นใจ ได้รึเปล่า
เมื่อยามเธอหนาวสั่น บอกฉันสักคำก่อนไป

เมื่อเธอล้ม ไม่มีเรี่ยวแรงและกำลังใจ
คนนั้น อยู่เคียงข้างเธอรึเปล่า

ยามที่เธอเจ็บช้ำ เมื่อเธอเงียบเหงาซึมเซา
เขาอยู่ไหน

หากว่าใคร คนนั้น เป็นคนดีและรักเธอ
อยู่กับเธอ ทำเพื่อเธอ ได้ทุกอย่าง

และถ้าใคร คนนั้น ทำได้อย่างที่ฉันทำ
ฉันก็คงอุ่นใจ ไม่ห่วงอีกแล้ว

และพร้อมจะลาไปอย่างเต็มใจ


P’ J คะ, P’ J ครับ

ผม/หนู เลิกกับแฟน อย่างนี้จะมีผลกับ PR (Partner Visa) ของหนู/ผม หรือเปล่าครับ

P’ J: “ไม่มีผลครับ เพราะเราได้ PR แล้ว จบก็คือจบ ก็คิดว่าศีลเขากับเราคงไม่เสมอกัน”

ก็คิดว่าซะว่าหนู 2 คนทำบุญร่วมกันมาแค่นี้
P’ J ก็เป็นกำลังใจให้ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายเขาและฝ่ายเรา
แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก
ใจที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแหลก

ก็ให้ทั้ง 2 ฝ่ายคิดซะว่า “You need me more than I need you” ก็แล้วกัน

ก็คิดซะว่าทั้ง 2 ฝ่ายก็อาจจะเจอใครที่ดีกว่า ที่เหมาะสมกันกว่านี้ก็ได้
หรือชีวิตมันอาจจะมีลมพัดหวนก็ได้

ทุกสิ่งอย่างในชีวิต “ดี” เสมอ “ได้” เสมอ
ไม่ได้ดังสมหวัง ก็ “ได้” เรียนรู้
"ได้" ประสบการณ์
"ได้" ความเข้มแข็งในชีวิต


ตายละ P’ J กลายเป็น “ศิราณี” ไปแล้วใช่มั้ย

ได้หมดถ้าสดชื่น 
ขอแค่เวลาทะเลากัน ไม่ต้องโทรมาตอนตี 5, 5am แล้ว 7am บอกว่าดีกันแล้ว จุ จุ๊บปากกันเหมือนเดิมแล้ว นะหนู


P’ J ไม่ใช่ 7-Eleven จ๊ะ

แต่ถึงยังไง P’ J ก็ยังรักและห่วงใยทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเราอยู่ดูแลกันมานาน จนจบ case

หลาย ๆ คนก็เหมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครับ “ครอบครับ J Migration” ไปแล้ว

เราเอาใจช่วยทุกฝ่าย ทุกคู่เสมอ

ชีวิตฉัน เป็นเช่นดั่งละคร… ของจริง

Tuesday, July 16, 2019

visa subclass 482 TSS, 186 ENS, 187 RSMS staff list & business profile


“Staff list”

วีซ่า subclass 482 TSS, subclass 186 ENS, subclass 187 RSMS

ประสบการณ์มันสอนให้เรารู้ว่ารายชื่อพนักงานของร้านหรือธุรกิจควรจะมี PR หรือ citizen อย่างน้อย 60% ขึ้นไป

กฎหมายไม่ได้บังคับหรอกว่าต้องมีกี่ %

แต่ policy ที่ case officer เขาใช้อ้างอิงมันก็แนวโน้มบ่งบอกอะไรบางอย่าง

บริษัท “A” มีพนักงานทั้งหมด 25 คน
พนักงานเป็น PR/Citizen 20 คน
พนักงานเป็นชาวต่างชาติ 5 คน (วีซ่านักเรียน, วีซ่า 457/482...etc..)
ยื่น subclass 482, stage 2 nomination ผ่านภายใน 8 วันทำการ ไม่ขอเอกสารเพิ่ม (case จริง)

บริษัท “B” มีพนักงานทั้งหมด 38 คน
พนักงานเป็น PR/Citizen 34 คน
พนักงานเป็นชาวต่างชาติ 4 คน (วีซ่านักเรียน, วีซ่า 457/482...etc..)
ยื่น subclass 482, stage 2 nomination ผ่านภายใน 6 วันทำการ ไม่ขอเอกสารเพิ่ม (case จริง)

บริษัท “C” มีพนักงานทั้งหมด 17 คน
พนักงานเป็น PR/Citizen 15 คน
พนักงานเป็นชาวต่างชาติ 2 คน (วีซ่านักเรียน, วีซ่า 457/482...etc..)
ยื่น subclass 482, stage 2 nomination ผ่านภายใน 3 วันทำการ ไม่ขอเอกสารเพิ่ม (case จริง)

บริษัท “D” มีพนักงานทั้งหมด 16 คน
พนักงานเป็น PR/Citizen 2 คน
พนักงานเป็นชาวต่างชาติ 14 คน (วีซ่านักเรียน, วีซ่า 457/482...etc..)
ยื่น subclass 482, stage 2 nomination ไป case officer ขอข้อมูลเพิ่มว่าทางร้านมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานคนนี้จริงเหรอ (case จริง)

บริษัท “E” มีพนักงานทั้งหมด 15 คน
พนักงานเป็น PR/Citizen 5 คน
พนักงานเป็นชาวต่างชาติ 10 คน (วีซ่านักเรียน, วีซ่า 457/482...etc..)
ยื่น subclass 482, stage 2 nomination ไป case officer ขอข้อมูลเพิ่มว่าทางร้านมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานคนนี้จริงเหรอ (case จริง)


สมัยก่อน อะไรก็ดูง่ายไปหมด
กาลเวลาเปลี่ยนไป อะไรต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือ policy ของอิมมิเกรชั่น
เราจะต้องไหวตัวให้ทัน

บริษัทที่มีพนักงานเป็น PR หรือ citizen น้อย มันก็ผ่านแหละ แต่ต้องอธิบายเยอะ เวลาที่เรา spend กับการอธิบายให้กับอิมมิเกรชั่นนั้นเยอะมาก จนบางทีเรากับทีมงานมีความรู้สึกว่า “ไม่คุ้ม”

แตกต่างกับบริษัทหรือธุรกิจที่มีพนักงานที่เป็น PR หรือ citizen เกินครึ่ง หรือเกิน 60% ขึ้นไป เราชอบ 60% ขึ้นไปมากกว่า ครึ่งหนึง 50% ตอนนี้มันก็ธรรมดาไป

คำถามยอดฮิตที่เราจะถามลูกค้าก่อนที่จะให้เราทำเรื่องให้คือ:

1. ยอดขายของธุรกิจอยู่ที่เท่าไหร่

2. Ratio ของพนักงาน PR/Citizen ต่อพนักงานที่เป็นชาวต่างชาติอยู่ที่เท่าไหร่ (เด็กสายวิทย์เลือกใช้คำว่า ratio จ๊ะ ก็แปลว่าอัตราส่วนนั่นแหละ)

อุ๊ย บอกมากไม่ได้ กล้อมแกล้มพอหอมปากหอมคอ
บอกมากไม่ได้ เอาแค่นี้พอ…


...เพราะรักจึงยอมทุกอย่าง...

Tuesday, July 9, 2019

Regional visa; 16 Nov 2019


16 November 2019 ที่จะถึงนี้เราก็จะมี Skilled Regional (Provisional) หรือ TR อีก 2 ตัว และ PR อีก 1 ตัว

คำนิยามของ "Regional" ก็จะถูกเปลี่ยนไป
"Regional" จะกลายเป็นทุกเมือง ยกเว้น Sydney, Melbourne, Brisbane, Gold Coast และ Perth.

ถูกต้องจ๊ะ Wollongong และ Newcastle ก็จะกลายเป็น "Regional"

วีซ่าชั่วคราวนี้จะได้มา 5 ปี
เราต้องอยู่ในพื้นที่ "regional" ก่อน 3 ปี เราถึงจะขอ PR ได้

วีซ่าที่ว่านี้ก็คือ

1. Skilled Employer Sponsored Regional (Provisional) visa, subclass 494. ตัวนี้จะเข้ามาแทนที่วีซ่า subclass 187. วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์

2. Skilled Work Regional (Provisional) visa, subclass 491. ตัวนี้ก็จะเข้ามาแทนวีซ่า subclass 489. ซึ่งก็จะเป็น skilled migrant ที่ญาติในเขต regional หรือ รัฐบาลท้องถิ่นในเขต regional ที่สามารถสปอนเซอร์เราได้

ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสียเสมอ
วีซ่า 2 ตัวนี้บังคับว่าเราต้องอยู่ในเขต regional ก่อนอย่างน้อย 3 ปี เราถึงจะขอ PR ได้

PR ก็จะเป็น Subclass 191; Permanent Residence (Skilled Regional) visa, ซึ่งก็จะเริ่มใช้ 16 Nov 2022 (3 ปีหลังจากนี้)

คนที่ถือวีซ่า subclass 491 และ 494 จะติด condition ที่ห้ามให้เราขอวีซ่าอย่างอื่นภายใน 3 ปี ยกเว้นวีซ่า:
- subclass 124; Distinguished Talent
- subclass132; Business Talent
- subclass 186; Employer Nomination Scheme
- subclass188; Business Innovation and Investment- provisional
- subclass189; Skilled- Independent) 
- subclass 190; Skilled- Nominated

ดังนั้นถ้าเราถือวีซ่า subclass 491 หรือ 494 ยังไม่ถึง 3 ปี จู่ ๆ จะเปลี่ยนเป็นวีซ่าทำงาน subclass 482 TSS ไม่ได้

หรือจู่ ๆ จะเปลี่ยนไปเป็นวีซ่านักเรียนก็ไม่ได้

หรือถ้าเราเจอคู่รัก จู่ ๆ จะเปลี่ยนไปเป็น Partner Visa ไม่ได้ (ไม่ดีเท่าไหร่นะ) ดังนั้นก่อนสมัคร 491 & 494 โปรดคิดก่อนเสมอนะครับ

3 ปีแรกภายใน 5 ปี เราจะถูกผูกมัดด้วยวีซ่า 2 ตัวนี้

ทุกอย่างตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน เดี๋ยวเราก็คอยดูกันว่า กฎหมายจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก

มีประโยชน์โปรดแชร์

คำนวณ point ของการทำ Skilled Migrant; 65 points


การคำนวณ point ในการทำ Skilled Migrant 

Independent Skilled Migrant (subclass 189), 
Skilled Nominated (Subclass 190) และก็ 
Skilled Regional (subclass 489).

ตั้งแต่ 01 July 2018, point จะอยู่ที่ 65 
ก็จะมีหลายสาขาอาชีพที่เขาตัด point กันสูงมาก ให้ลองหาข้อมูลกันดูนะครับ

  • Independent Skilled Migrant (subclass 189) คือการขอวีซ่าเป็น PR โดยใช้ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครสปอนเซอร์ การที่จะ PR ด้วย subclass นี้เราต้องทำ point ให้ได้ 65 points ขึ้นไป

  • Skilled Nominated (Subclass 190) เป็นการขอ PR โดยให้รัฐบาลของแต่ละรัฐสปอนเซอร์ในสาขาอาชีพที่รัฐนั้นๆต้องการ การขอ PR ด้วย subclass นี้เราต้องทำ point ให้ได้อย่างต่ำ 60 points ก็พอ เพราะอีก 5 points รัฐแต่ละรัฐจะเป็นฝ่ายสปอนเซอร์เอง (60 + 5 = 65 points) 

  • Skilled Regional (subclass 489) เป็นการขอ PR โดยให้รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละรัฐ (town council) ที่อยู่แถบนอกเมืองใหญ่ (regional area) หรือญาติที่อยู่แถบนอกเมืองใหญ่ (regional area) สปอนเซอร์ในสาขาอาชีพที่รัฐบาลท้องถิ่นนั้นๆต้องการ การขอ PR ด้วย subclass นี้เราต้องทำ point ให้ได้ 55 points ก็พอ เพราะอีก 10 points รัฐบาลท้องถิ่นหรือญาติเราที่อยู่ regional area จะเป็นฝ่ายสปอนเซอร์เอง (55 + 10 = 65 points)

การขอวีซ่าประเภทของ Skilled Migrant เราจะสามารถขอได้ก็ต่อเมื่อเราจบการศึกษามาในสาขาอาชีพที่ทางรัฐบาลออสเตรเลียต้องการ ซึ่งทางรัฐบาลจะมี Skilled Occupation List

การขอ PR ของ Skilled Migrant เหมาะสำหรับคนที่มีวุฒิทางการศึกษาสูง Skilled Migrant เป็นที่ต้องการของรัฐบาลในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะพรรคการเมืองใหนเป็นรัฐบาลก็เถอะ 

หลักในการคำนวณ point ของ Skilled Migrant มีดังต่อไปนี้

point ทุกอย่างคำนวณตอนที่ทำ EOI และข้อมูลทุกอย่างต้องเอาวันที่จดหมายเชิญ letter of invitation เท่านั้น ข้อมูลตรงนี้สำคัญนะครับเพราะว่าคะแนนในเรื่องของอายุและวันเกิดเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะถ้าจดหมายเชิญให้สมัครวีซ่าถูกส่งมาก่อนหรือหลังวันเกิดเราไม่กี่วันก็สามารถมีผลและปัจจัยต่อคะแนนของเราได้

อายุ
18-24; 25 points
25-32; 30 points
33-39; 25 points
40-44; 15 points


จะเห็นว่าคนที่มีอายุ 25-32 ปี จะได้ point สูงสุดคือ 30 points เพราะรัฐบาลถือว่าเป็นคนที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน ถ้ามีคนทำงานก็แสดงว่าเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของออสเตรเลีย และมีคนเสียภาษีเยอะด้วย ดังนั้นอายุไม่ใช่เพียงแต่ตัวเลขนะครับสำหรับ Skilled Migrant อายุนั้นสำคัญในการนับ point

  • Competent English; IELTS 6 (general) each band/OET B หรือเทียบเท่า, สามารถสมัคร Skilled Migrant ได้ แต่ไม่มี point ให้
  • Proficient English; IELTS 7 (general) each band/OET B หรือเทียบเท่า, 10 points
  • Superior English; IELTS 8 (general) each band/OET A หรือเทียบเท่า, 20 points

ประสบการณ์การทำงานจากต่างประเทศ
ประสบการณ์จากประเทศใหนก็ได้ ขอให้ไม่ใช่ประเทศออสเตรเลีย เพราะประสบการณ์จากประเทศออสเตรเลียจะมีการนับ point ที่แตกต่างกันออกไป

ประสบการณ์ทำงานต้องเกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับสาขาอาชีพที่ทำเรื่องของ PR

ประสบการณ์ต้องเป็นประสบการณ์หลังจากที่เรียนจบเท่านั้น

ประสบการณ์ต้องเป็น 20 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ขึ้นไป (ซึ่งแตกต่างจากการทำ Direct Entry ของวีซ่า subclass 186/187)
  • 3 ปี แต่น้อยกว่า 5 ปี ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา, 5 points
  • 5 ปี แต่น้อยกว่า 8 ปี ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา, 10 points
  • 8-10 ปี ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา, 15 points

ดังนั้นถ้าเราทำงานที่ใหนก็อย่าลืมขอจดหมายผ่านงานเป็นภาษาอังกฤษไว้ด้วยนะครับ จดหมายผ่านงาน (work reference) ที่ใช้ในประเทศออสเตรเลียไม่ต้องลงค่าแรงนะครับ ลงข้อมูลแค่ตำแหน่งว่าเราทำงานในตำแหน่งอะไร มีหน้าที่อะไรบ้าง และเริ่มทำงานจากวันที่เท่าไหร่ ถึงวันที่เท่าไหร่

ประสบการณ์การทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย
ประสบการณ์ทำงานต้องเกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับสาขาอาชีพที่ทำเรื่องของ PR

ประสบการณ์ต้องเป็นประสบการณ์หลังจากที่เรียนจบเท่านั้น

ประสบการณ์ต้องเป็น 20 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ขึ้นไป (ซึ่งแตกต่างจากการทำ Direct Entry ของวีซ่า subclass 186/187)

  • 1 ปี แต่น้อยกว่า 3 ปี ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา, 5 points
  • 3 ปี แต่น้อยกว่า 5 ปี ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา, 10 points
  • 5 ปี แต่น้อยกว่า 8 ปี ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา, 15 points
  • 8-10 ปี ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา, 20 points

การศึกษา
จากประเทศใหนก็ได้แต่ต้องได้มาตฐานของประเทศออสเตรเลีย สถาบันการศึกษาทุกสถาบันของเมืองไทยได้มาตฐานของประเทศออสเตรเลีย ดังนั้นคนที่เรียนจบจากเมืองไทย ไม่ต้องกังวลในจุดนี้ ประเทศที่จะมีปัญหาก็จะเป็นประเทศ Philippines อะไรประมาณนี้

การศึกษาเรานับ point เอาการศึกษาที่สูงที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับสาขาอาชีพที่เราขอก็ตาม

  • ปริญญาเอก; 20 points
  • ปริญญาตรี-ปริญญาโท; 15 points
  • Diploma, ปวช-ปวส; 10 points

เรียนที่ประเทศออสเตรเลีย
เรียนอะไรก็ได้ที่ประเทศออสเตรเลียที่ course การเรียนเป็นหลักสูตรเวลาเรียนอย่างต่ำ 2 ปี โดยที่ไม่นับช่วงที่เรียนภาษาอังกฤษ, 5 points

โบนัส point ต่างๆ
  • สอบผ่านภาษาต่างประเทศ อย่างเช่นภาษาไทยเป็นต้น ที่รับรองโดย NAATI, ต้องสอบเป็นล่าม หรือ นักแปลระดับ paraprofessional level ขึ้นไป, 5 points
  • Skill assessment ของ partner ในสาขาอาชีพอะไรก็ได้ ที่อยู่ใน occupation list, อายุต่ำกว่า 50 ปี, ภาษาอังกฤษ IELTS general, overall 6 (หรือเทียบเท่า), 5 points
  • Professional year, 5 points
    • IT
    • Accounting
    • Engineering
  • เรียนที่ประเทศออสเตรเลียในสถาบันที่อยู่ regional area, 5 points

ก็แนะนำให้ทุกคนลองคำนวณ point ของตัวเองดูนะครับ

Saturday, July 6, 2019

Partner Visa คู่รักเพศเดียว แยกกันอยู่ อยู่ต่างรัฐ


"สมปอง" กับ "สมหมาย" เป็นคู่รักเพศเดียวกัน
สมปองเป็น citizen ที่ประเทศออสเตรเลีย อยู่ที่ Canberra ACT
สมหมายถือวีซ่านักเรียน เรียนอยู่ที่ Sydney NSW

ทั้ง 2 รักมั่น สัญญากันว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย ความตายเท่านั้นที่พรากเราจากกันได้

สมปองมีการงานที่มั่นคงที่ Canberra ก็จำเป็นที่ต้องอยู่ที่นั่น ทำงานปักหลักปักฐาน

สมหมายเองก็มีหน้าที่จะที่ต้องเรียน เรียนหนังสือตาม student visa ที่ได้มา

สมหมายยังไม่อยากย้ายเมือง ย้ายโรงเรียนไป Canberra เพราะที่ Sydney จะมี course และ college ให้เรียนหลากหลายมากกว่าที่ Canberra

Sydney ห่างจาก Canberra 3.5 hr 
ทุก ๆ อาทติย์ หรือทุก ๆ 2 อาทิตย์ สมหมายก็จะเป็นฝ่ายมาหาสมปองที่ Canberra ตลอด ทั้ง 2 ก็ไป ๆ มา ๆ หาสู่กันอยู่อย่างนี้ตลอด

ก่อนที่จะทำเรื่อง Partner Visa สมหมายก็เครียด ๆ เรื่องที่เขาต้องอยู่แยกกันกับคู่รัก

P' J บอกว่า แยกกันอยู่ได้จ๊ะ
ขอให้รักกันจริงแค่นั้นพอ ที่เหลือไม่มีเป็นอุปสรรค เรื่องเอกสารเดี๋ยว P' J บอกเองว่าจะเอาอะไรบ้าง

สมปองกับสมหมายทำตามทุกอย่างที่เราแนะนำ
ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี วีซ่าผ่านแล้วจ๊ะ
ทุกวันทั้ง 2 ก็ยังแยกกันอยู่ เห็นว่าสิ้นเดือนนี้น้องจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน

P' J กับทีมงานขอบคุณสมปองกับสมหมายที่ให้เราดูแล case ให้
case นี้ไม่ง่าย
เอกสารเยอะมากถึงมากที่สุด

แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

P' J กับทีมงานก็ขออวยพรให้ทั้ง 2 รักกันชั่วฟ้าดินสลาย ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร

ความรักมันเป็นเรื่องระหว่างคน 2 คน ไม่ใช่คน 2 เพศ
ความรักไม่มีพรมแดน
ความรักไม่มีศาสนา

คู่รักจะเป็นไหน ๆ เรารับทำหมด ยกเว้นคู่รักปลอม ๆ เท่านั้นที่เราไม่ทำ

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อนะครับ

Friday, July 5, 2019

ผู้พลิกผันสถานการณ์ วีซ่าท่องเที่ยวไม่ผ่าน 2 รอบ


คุณพ่อคุณแม่คู่หนึ่ง
มีลูกชายคนเดียวเรียนหนังสืออยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย

คุณพ่อคุณแม่ขอวีซ่าท่องเที่ยว เพราะอยากจะดูความอยู่ของลูกชายที่ประเทศออสเตรเลีย

ลูกชายคนเดียว คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะอดเป็นห่วงไม่ได้

คุณพ่อคุณแม่ขอวีซ่าท่องเที่ยวแล้ว ไม่ผ่าน 2 รอบ

น้อง "xyz" ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นไกลของ "J Migration Team"
น้อง "xyz" ติดต่อเข้ามา แล้วเล่าเรื่องของคุณพ่อคุณแม่คู่นี้ให้เราฟัง
เราดู case แล้วคิดว่าน่าจะทำได้

บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับการเขียน submission การเขียน case
จะเอาแบบ persuative writng แบบอ่อนน้อม หรือว่าจะแบบแข็งขันดุดัน

persuative writing เป็นศาสตร์และศิลป์จ๊ะ บางทีมันก็ต้องดุดัน บางทีมันก็ต้องอ่อนโยน แล้วแต่สถานการณ์ แล้วแต่ case

มีทั้งบุ๊และบุ๋น Yin & Yang

เอาเป็นว่า P' J เขียนได้ก็แล้วกัน

จากที่ขอ 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน
คุณพ่อคุณแม่คู่นี้ได้วีซ่าท่องเที่ยวมาเยี่ยมลูกชาย 1 ปีครับ

"J Migration Team" เราก็ทำทุกวีซ่าจ๊ะ
วีซ่าท่องเที่ยวก็ทำ แต่ก็จะนาน ๆ ที เพราะเราจะทำเฉพาะ case ของคนที่รู้จักอยู่แล้วเท่านั้น อย่างเช่น case ของครอบครัวของลูกค้าจาก subclass ตัวอื่น ๆ  อะไรประมาณนี้ เพราะเรามีข้อมูลบางส่วนอยู่แล้ว

ส่วน case นี้ที่เรารับทำ ก็เพราะน้อง "xzy" เป็นคนติดต่อมา น้องมีเอกสารบางส่วนอยู่แล้ว มันก็เลยง่ายหน่อย คือเราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อนะครับ

Business Visa subclass 188A; Business Innovation Stream, nature of business บริษัทโอนตังค์


Business Visa subclass 188A; Business Innovation Stream นอกจากจะดูที่ personal asset แล้วว่าต้องมี personal asset อยู่ที่ $800,000 AUD หรือเคยบริหารธุรกิจที่มียอดขาย หรือ turn over $500,000 AUD 

บริษัทรับโอนเงิน เงินที่ลูกค้านำเอามาโอน ไม่ได้ถือว่าเป็น turn over นะครับ

turn over ของบริษัทโอนตังค์ก็คือค่าคอมมิชชั่นที่ได้รับนะครับ

แต่เราก็คิดว่า nature of business มันก็ไม่ได้ innovate อะไรมากมาย ถ้าเจ้าของบริษัทหรือหลาย ๆ คนที่คิดว่าจะพากันเปิดบริษัทรับโอนตังค์แล้วขอ Business Visa; 188A (Business Innovation Stream) เราคิดว่าโอกาสที่จะผ่าน proposal นั้นน้อยมากนะครับ นอกจากว่าเราจะ creative จริง อะไรจริง เขียน proposal เข้าไปได้ดีมากอะไรประมาณนี้

Thursday, July 4, 2019

ผลการเรียน 5 ปี subclass 482, TSS subclass 186 ENS, subclass 187 RSMS




ผ่านไปแล้วอีก 1 case, subclass 186 ENS ขอ PR โดยที่ไม่ต้องสอบภาษาอังกฤษ

ได้ PR กันไปแล้วอีกหนึ่งคน

ในขณะที่หลาย ๆ คนส่ง inbox, email, comment หรือ LINE เข้ามาถามว่าผลการเรียน 5 ปีที่เป็นภาษาอังกฤษ ใช้แทนการสอบภาษาอังกฤษ ในการขอวีซ่า subclass 482 TSS, subclass 186 ENS (Transitioanl Stream) และก็ subclass 187 RSMS (Transitional Steam) ใช้ได้จริงเหรอ

ในขณะที่บางคนก็บอกว่า เขาไปถามหรือปรึกษามาจากที่อื่นบอกว่า ถ้าจะขอ PR, subclass 186 ENS และ subclass 187 RSMS จะต้องสอบ IELTS ให้ได้ 6 each band เท่านั้น ไม่สามารถใช้ผลการเรียน 5 ปีได้

ในขณะที่พวกหนู ๆ ไปถามไถ่บริษัทอื่น

ในขณะที่พวกหนู ๆ ส่ง inbox, email หรือ LINE เข้ามาถาม P' J (P' J จะตอบกลับไปว่า ให้ไปอ่านใน blog ที่ P' J เขียน)

น้อง "G" จาก WA ทำงานเป็น cook ติดต่อมาให้เราทำเรื่องให้เลย

ใช่จ๊ะ เขาไม่ถามไถ่มาก
คนที่เขาจะทำหนะ เขาศึกษามาแล้ว เขาอ่านข้อมูลที่เรา post ให้หน้า page หรือ Timeline มาแล้ว

น้อง "G" จาก WA ส่งใบ certificate ต่าง ๆ มาให้เรา check ว่าน้องเรียนครบ 5 ปีมั้ย (มีค่าใช้จ่ายในการ check จ๊ะ)

พอเรา check แล้วว่าน้องเรียนครบ 5 ปีจริง
ไม่ต้องสอบ IELTS 6 each band
เราก็เริ่มทำเรื่องขอ PR กันเลย subclass 186
วีซ่าน้องผ่านแล้ว ผ่านไปได้ด้วยดี ๆ ทั้ง ๆ ที่สัญญาเช่าของร้านก็ใกล้จะหมดแล้ว ก็ถือว่าโชคดีไป ได้วีซ่า ได้ PR แล้ว ก่อนที่สัญญาเช่า้ร้านจะหมด

หลาย ๆ คนปล่อยให้โอกาสผ่านไป
หลาย ๆ คนคอยถามคนนั้นที คนนี้ที 

เราไม่ว่ากัน

เอาเป็นว่าน้อง "G" WA ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไป
ตัดสินใจแล้วทำเลย
ได้ PR ไปเป็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ยินดีด้วยนะครับ
สินค้าดี ใช้แล้วช่วยบอกต่อ

มีประโยชน์โปรดแชร์


Monday, July 1, 2019

อุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์


ลูกค้า AAT ของ "J Migration Team" ไม่ว่าจะอยู่รัฐไหน ๆ
เราสามารถบินไปเพื่อ represent ลูกค้าทุกคนได้เสมอ

ลูกค้า AAT ที่ VIC เราก็สามารถบินไปที่ AAT VIC ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใด ๆ ทั้งสิ้น

ลูกค้า AAT ที่ QLD เราก็สามารถบินไปที่ AAT QLD ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใด ๆ ทั้งสิ้น

ลูกค้า AAT ที่ WA เราก็สามารถบินไปที่ AAT WA ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใด ๆ ทั้งสิ้น

ลูกค้า AAT ที่ NSW เราก็ไปให้อยู่แล้ว เป็นเรื่องปรกติ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใด ๆ ทั้งสิ้น

... เพราะรักจึงยอมทุกอย่าง...