Saturday, December 29, 2018

วีซ่าออสเตรเลีย Partner Visa, case officer บอกว่าทั้งคู่ยังเด็กเกิน



Partner Visa หรือวีซ่าคู่รัก

เรื่องของความรักเนี๊ยะ มันไม่ได้จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา อายุ เพศ หรือสีผิวเลยจริง ๆ จ๊ะ

มันก็อาจจะมีบ้างที่คู่รักบางคู่ยังเป็นนักเรียนอยู่ เรียนอยู่ TAFE บ้าง Uni บ้าง แต่เขารักกันจริง ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่สำคัญมากกว่า

หรือบางคู่ก็อาจจะเพิ่งเรียนจบ อยู่ในช่วงหางานหรือเปลี่ยนงาน 

หรือบางคู่ก็อาจจะอยู่ในช่วงวัยละอ่อนจริง อะไรจริง

แต่ความรักมันก็คือความรักจ๊ะ
มันเป็นภาษาของหัวใจ มันมองตารู้แล้ว

ฉันรักเธอ
เธอรักฉัน
เรารักกัน
ซู่ซ่า ซู่ซ่า

ดังนั้น ในเรื่องของความรักแล้ว ไม่มีคำนิยามที่แน่นอนหรือตายตัว
รักก็คือรัก
แค่นั้นเองจริง ๆ จบ

มันก็อาจจะมีบ้างที่เจ้าหน้าที่หรือ case officer โทรมาหาเรา และก็บอกว่าทั้งคู่ยังเด็กอยู่เลยนะ

เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะ... นั่นมันก็เป็นความคิดเห็นหรือ opinion ของ case officer มันเป็นอะไรที่ subjective มันแล้วแต่ว่าเขาจะมองมาจากมุมไหน เราอาจจะมองต่างมุมกันก็ได้ 

case ของลูกค้าเรา เราคิดว่าลูกค้าเราไม่เด็กนะ

OK แหละน้องอาจจะเพิ่งเรียนจบ กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่ายกย่องดีออก เป็นสิ่งที่ควรส่งเสริม

เราก็บอก case officer ไปว่า "เชื่อฉันเถอะ น้องเขารักกันจริง ฉันสัมผัสได้ เพราะถ้าไม่รักกันจริง เราไม่รับทำเรื่องให้แน่นอน" และประวัติการทำงานของ "J Migratin Team" ก็มีอยู่แล้วในระบบว่าแต่ละ case ผ่าน 

ดังนั้นเราไม่มีซิกแซกแน่นอน 

ถ้ารักกันจริง มันไม่ต้องมีการซิกแซกหรือว่าอะไรทั้งสิ้น มันไม่จำเป็น มันผิดอุดมการณ์ของการทำงาน

เราบอกกับ case officer ไปอย่างนั้น

ผ่านไปหลายเพลา 
case นี้ก็ผ่าน ไม่มีปัญหาอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

case officer โทรมาเถอะ เราสามารถตอบให้ได้ทุก case

ผ่านไปอีกหนึ่ง case
หนึ่งความสำเร็จ

เราก็ขอให้น้องทั้ง 2 รักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย
ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรนะครับ

ปีนี้ ก็เป็นอีกปีที่มีความสุขกับการทำงานจริง ๆ เหมือนเช่นทุก ๆ ปีที่ผ่านมา 

2018... It has been an amazing year indeed.

Celebrates small wins along the way.
Pat myself on the back.

Friday, December 28, 2018

407 vs 482; chef



"สวัสดีค่ะ หนูเห็น P' J โพสเกี่ยวกับวีซ่า subclass 407 Training Visa หนูสนใจอยากสอบถามข้อมูลกับ P' J นะคะ" 

ถาม:
1. เรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครถ้าจะสมัครในตำแหน่งเชฟต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างค่ะ

2. แล้วร้านที่จะรับเราไปเทรนงานเป็นพวกคาเฟ่, ร้านอาหาร ต้องเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ไหมค่ะ

3. พอเราถือ Training Visa; subclass 407 ตัวนี้แล้วพอวีซ่าหมดเราสามารถ apply ไปเป็น working visa ได้ไหมค่ะ

ตอบ:
1. คุณสมบัติของผู้สมัครถ้าจะสมัครในตำแหน่งเชฟก็คล้าย ๆ กันกับของวีซ่าทำงาน subclass 482, TSS แต่สำหรับ Training Visa subclass 407 นั้น กฎหมายไม่ได้บังคับในเรื่องของประสบการณ์การทำงานครับ 

ดังนั้น Training Visa ก็จะเหมาะสำหรับคนที่ถือวีซ่านักเรียนอยู่ตอนนี้ที่กำลังเรียนพวก Cert IV Commercial Cooking + Diploma of Hospitality อยู่นะครับ เพราะหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่มีประสบการณ์

ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องเรียนจบที่ประเทศออสเตรเลียนะครับ หลาย ๆ คนจบหลักสูตรการทำอาหารอะไรต่าง ๆ มาจากที่อื่นก็สามารถทำได้ครับ แต่ต้องเป็นหลักสูตรในระดับ Diploma (ปวช/ปวส)

และที่แน่ ๆ ก็คือภาษาอังกฤษของ Training Visa subclass 407 จะเอาแค่ IELTS (general) overall 4.5

หรือถ้าใครเรียน 1 year full-time ในหลักสูตร (อะไรก็ได้) ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน ก็สามารถนำเอาคุณสมบัติตรงนั้นมายกเว้นได้

ดังนั้นนักเรียนที่เรียนอย่างน้อย 1 year full-time ที่ประเทศออสเตรเลียก็มีคุณสมบัติครบอยู่แล้วในเรื่องของภาษาอังกฤษ ดังนั้นเราไม่ต้องสอบ IELTS นะครับ

2. ร้านที่จะรับเราไปเทรนงานเป็นพวกคาเฟ่, ร้านอาหาร ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่มากนะครับ แต่ก็อย่าเล็กมาก เดี๋ยวจะมีปัญหาตอนเขียน training plan ตอนทำ stage 2 nomination

P' J แนะนำว่าเอาสักประมาณ 40 ที่นั่งขึ้นไป
อย่าให้มันขี้เหร่มาก

และต้องมีการจ้างงานคนที่เป็น PR หรือ Citizen ด้วยนะครับ
ถ้าได้ 60% ของพนักงานเป็น PR หรือ citizen จะดีมากเลย
หัวดำ หัวเขียว หัวขาวได้หมด ขอให้เป็น PR หรือ citizen

3. เมื่อเราถือ Training Visa subclass 407 ตัวนี้แล้วพอวีซ่าหมด เราสามารถ apply ไปเป็น working visa, subclass 482 TSS ได้ครับ เพราะว่า Training Visa จะได้มา 2 ปี พอเราทำงานหรือ train งาน 2 ปีเราก็จะมีประสบการณ์ในการทำงานแล้วไงครับ

แต่ IELTS สำหรับ subclass 482 TSS (chef) ก็จะเป็น each band 5 นะครับ (general) หรือใช้ผลการเรียน 5 ปีในการยกเว้น (เราพูดเรื่องนี้ไปเยอะแล้ว)


Saturday, December 22, 2018

วีซ่าขาด & Partner Visa; 2 เดือนผ่าน ได้ PR เลย


ที่ผ่านมาสำหรับคนที่วีซ่าขาด แล้วเดินทางออกไปยื่น Partner Visa ที่เมืองไทย

ที่ 6 เดือนผ่าน
ที่ 4 เดือนผ่าน
เราคิดว่าเจ๋งแล้ว ดีแล้ว

แต่ case นี้ของเราเจ๋งกว่าจ๊ะ
2 เดือนผ่าน ได้ PR เลย (subclass 100) ไม่ใช่แค่ TR นะครับ

ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้
ถ้าเอกสารดี
เอกสารแน่น

เราขอเอกสารอะไร ขอให้จัดให้เรา
ที่เหลือเราและทีมงานจะจัดการให้เอง
ไม่ต้องกรอกฟอร์มอะไร
Partner Visa เราดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ

วีซ่าขาด เราก็ช่วยทำ Bridging Visa E ให้ด้วย ตอนเดินทางออกนอกประเทศ เราทำให้ทุกอย่าง ลูกค้าไม่ต้องทำอะไร มีหน้าที่ scan เอกสารส่ง email ให้เราแค่นั้นจบ

ดีใจด้วยกับ case นี้จริง ๆ จ๊ะ

case นี้น้องคนที่วีซ่าขาดเป็นผู้ชาย พูดน้อยต่อยหนัก
คนสปอนเซอร์เป็นน้องผู้หญิงที่คอยประสานงานกับ P' J
P' J ขออะไร น้องมีให้หมด ทุกอย่าง ทันที

เราทำงานตรงจุดนี้มานานแล้วจ๊ะ
ปีนี้จะเข้าปีที่ 11 แล้ว
case พวกวีซ่าขาดของ Partner Visa ผ่านทุก case ครับ ขอให้รักกันจริง ไม่ใช่พวกจ้างแต่ง ไม่ใช่พวกเพื่อนแต่งให้เพื่อน หรือป้าทำให้หลาน

ขอบคุณน้อง "O" & น้อง "P" ที่ให้ความไว้วางใจ P' J 
ให้ P' J และทีมงานดูแล case นี้ให้
น้องทั้ง 2 อุตส่าห์เดินทางมาจาก Sydney เพื่อปรึกษาทำ case ที่ Wollongong

เห็นมั้ยหนู ๆ จ๋า, Sydney ไป Wollongong มันไม่ไกลเลยจ๊ะ ถ้าสิ่งที่เราต้องการทำ มันสำคัญกับชีวิตเรามากพอ

หลาย ๆ case เดินทางมาจาก Newcastle ก็มีเยอะแยะ
พวกที่ชอบบอกว่า "ไกล" ไม่อยากเดินทาง ก็แล้วแต่เธอหละจ๊ะ

P' J ดีใจด้วยกับน้องทั้ง 2 จริง ๆ นะครับ
สินค้าใช้ดีแล้ว ต้องบอกต่อนะครับ

วีซ่าขาด & Partner Visa; 6 เดือนผ่าน


"Someone" วีซ่าขาดจาก VIC ติดต่อเข้ามาเพื่อทำ Partner Visa

ทุกคนที่วีซ่าขาด ติดต่อเข้ามาได้เลยจ๊ะ
เราไม่ judge ใครทั้งสิ้น
I'm here to help

จริง ๆ แล้ว case นี้คนสปอนเซอร์ plan ที่จะยื่นเรื่องและก็ทำเรื่องเองทุกอย่าง แต่หวั่น ๆ ใจเรื่องที่แฟนสาวของเขาอยู่เกินวีซ่ามา วีซ่าขาด

case นี้ที่เราทำ คนสปอนเซอร์ก็ worries นิดหนึงเพราะว่าแฟนสาว overstay แต่เราก็บอกเขาไปแล้วว่า ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเรา เดี๋ยวเราจัดการให้เองหมดทุกอย่าง


ก็จริง ๆ หนะจ๊ะ เราก็จัดการให้เองหมดทุกอย่างจริง ๆ
ทั้งคนสมัครและคนสปอนเซอร์ไม่ต้องทำอะไร มีหน้าที่แค่ส่งเอกสารให้เราทาง email แค่นั้งเอง ที่เหลือเราจัดการให้หมดทุกอย่าง

เรายื่นเรื่อง June 2018
วีซ่า grant, December 2018
6 เดือน สำหรับคนที่วีซ่าขาด ก็ถือว่าเร็วแล้วนะครับ
สถิติเร็วสุดของคนสมัครที่วีซ่าขาด ที่เราทำมาก็ 4 เดือนจ๊ะ

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น แต่ละ case มันก็ไม่เหมือนกันนะครับ
case-by-case

รู้แต่ว่า Partner Visa ของคนวีซ่าขาดของเราผ่านทุก case ครับ (11 ปี)
ทุกคนที่เดินทางกลับไปยื่นเรื่องที่เมืองไทย ทุกคนได้กลับมาหมดทุกคน

ขอให้เชื่อมือเรา แล้วชีวิตจะสบาย :)

case นี้ก็เป็นอีกหนึ่ง case ที่ happy ending
เพราะช่วงที่รอวีซ่าอยู่ที่เมืองไทย "someone" ก็มีงานทำอยู่ที่เมืองไทย และแฟนเองก็คอยบินไปเยี่ยม เห็นมั้ย 6 เดือนผ่านไป จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันละ

​ขอบคุณที่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ของทุกคนนะครับ
สินค้าดี ใช้แล้วต้องบอกต่อนะครับ

Tuesday, December 18, 2018

IELTS สำหรับ subclass 186, subclass 187


ถาม: "สอบถามหน่อยครับ เราสามารถใช้ผลสอบ IELTS 2 ครั้งรวมกัน ทำ RSMS ได้หรือเปล่าครับ คือ ครั้งแรกผ่านทุกแบนด์ ยกเว้น Writing ได้ 5.5 ครั้งที่สอง ผ่านทุกแบนด์ ยกเว้น Reading ได้ 5.5 ระยะเวลาห่างกันประมาณ 4-5 เดือน"

ตอบ: "ไม่ได้ครับ"

ครั้งแรกผ่านทุกแบนด์ ยกเว้น Writing ได้ 5.5 แบบนี้เราเรียกว่าไม่ผ่านจ๊ะ

ครั้งที่สอง ผ่านทุกแบนด์ ยกเว้น Reading ได้ 5.5 แบบนี้เราเรียกว่าไม่ผ่านจ๊ะ

มันต้อง 6 หมดทุกแบนด์ พูด อ่าน เขียน ฟัง

อีกนิดเดียวเองนะครับ
เราขอเป็นกำลังใจให้

Saturday, December 15, 2018

Subclass 482 วีซ่าติดตาม 7 วันวีซ่าผ่าน (chef)


Good story to be shared.

ผู้ชายคนนี้อาจจะดูธรรมดา เย็นชา ไม่แคร์สื่อ

ก็เพราะเขารู้หน้าที่ของเขา 
หน้าที่ที่แท้จริง 
หน้าที่ที่ต้องทำ case อะไรต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

เราไม่ต้องการที่จะเป็นที่รักของคนทุกคน (เพื่ออะไร ไร้สาระ)

แต่เราขอเป็นที่รักของลูกค้า ที่เขาทำ case กับเราก็พอ ที่พวกเขาฝากชีวิต ฝากอะไรหลาย ๆ อย่างไว้ที่เรามากกว่า

Another good story to be shared.

วันนี้เรามีเรื่องราวดี ๆ มาฝาก
เรื่องราวของวีซ่า subclass 482 เป็นวีซ่าติดตาม
เราเพิ่งทำวีซ่า subclass 482 ของตำแหน่ง chef ผ่านไปได้ไม่นาน ตอนที่ยื่นครั้งแรก "someone" ไม่ได้ยื่นวีซ่าให้ partner ของเขาด้วย เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างที่เจ้าของร้านยังไม่ลงตัว 

Long story short, ก็เอาว่า "someone"  ได้วีซ่ามาแล้ว ได้ subclass 482 มาแล้ว ในตำแหน่ง chef

"someone" ก็ต้องการทำเรื่องให้ partner ของเขา ซึ่งเราก็จัดการให้เสร็จสรรพ ยื่นไป 7 วัน วีซ่าก็ออก คือประมาณว่าตรวจร่างกายเสร็จตอนเช้า วีซ่าก็ออกก่อนเที่ยงเลยจ๊ะ

รวดเร็วทันที ตดยังไม่หายเหม็น

วีซ่า subclass 482 ต้องเป็น complete application จ๊ะ
หมายความว่าเอกสารทุกอย่างจะต้องครบถึงจะสามารถยื่นได้
ถ้ายื่นไปแบบขาด ๆ เกิน ๆ เหมือนสมัยก่อนแล้วรอ case officer ขอเอกสารเพิ่ม ไม่มีอีกต่อไปแล้วจ๊ะ นอกจาก case officer จะใจดีเว่อร์วัง ซึ่งหาได้น้อยมาก

เมื่อ partner ของ "someone" ได้วีซ่า subclass 482 แล้ว ไม่ต้องถือวีซ่านักเรียนอีกต่อไปแล้ว นั่นหมายถึงว่าเขาไม่ต้องจ่ายค่าเทอมอะไรอีกต่อไปแล้ว ประหยัดตังค์ไปได้เยอะ (มาเลี้ยงข้าวเราด้วยนะ) และเขาสามารถทำงานได้ไม่จำกัด

เป็นไงหละ ชีวิตดีขึ้นทันตาเห็นมั้ย

ขอบคุณ "someone" ที่อยู่เคียงข้างกันกับ "J Migration Team" เสมอมา

ขอบคุณ partner ของ "someone" ที่อยู่เคียงข้างกันกับ "J Migration Team" เสมอมาด้วยเช่นกัน

ทั้งคู่น่ารัก ทั้งที่เจอกันตัวเป็น ๆ และเวลาติดต่อประสานงานกันทาง email

ไม่มีตามจิก
ไม่มีเวินเวอร์
อาจจะเป็นเพราะ "someone" และ partner ของเขาเห็นการเคลื่อนไหวของเราตลอด ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงตอนนอนเลยกระมัง เพราะเขาทั้ง 2 ก็ follow เราใน page ส่วนตัว ก็คงอาจจะเห็นทุกการเคลื่อนไหวของชีวิตของเราก็อาจเป็นได้

ขอบคุณ
ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันเสมอมา

Thursday, December 13, 2018

ใบโสด


Partner Visa; subclass 820 & 801 ไม่ต้องใช้ใบโสดครับ
Partner Visa; subclass 309 & 100 ไม่ต้องใช้ใบโสดครับ
Prospective Marrige Visa; subclass 300 ต้องใช้ใบโสดครับ

Prospective Marrige Visa คือวีซ่าคู่หมั้นจ๊ะ
หมั้น แปลว่ายังไม่แต่ง ดังนั้นต้องมีใบโสด
นอกนั้นไม่ต้องมีใบโสดครับ

Monday, December 3, 2018

วีซ่า subclass 482; หลักฐานที่ใช้เพื่อยืนยันประวิติการทำงาน


วีซ่า subclass 482; หลักฐานที่ใช้เพื่อยืนยันประวิติการทำงาน:


  • PAYG; Pay As You Go
  • Payslip
  • Work reference
  • ใบเสียภาษีส่วนบุคคล; personal income tax
PAYG  หน้าตาเป็นแบบที่เห็นนะครับ
หรือบางทีก็จะเป็นแบบที่นายจ้าง print ออกมาเป็น PDF อาจจะด้วย software อะไรก็ตามแต่; MYOB 

คนที่ทำงาน
คนที่ถือวีซ่า subclass 482 ตอนนี้หรือกำลังจะสมัคร
คนที่ถือวีซ่า subclass 457 ตอนนี้
มันเป็นหน้าที่ของ you ที่จะรักษาผลประโยชน์ของ you ที่จะต้องคอยตามเอกสารพวกนี้จากนายจ้าง ถ้านายจ้างยังไม่ได้ทำให้

แต่ถ้านายจ้างคนไหนทำอะไรตรงไปตรงมามันก็ไม่มีปัญหา

นายจ้างต้องออก PAYG ให้เราทุกปีครับ ทุกวันที่ 30 June ของปีนั้น ๆ 

30 June เป็น the end of financial year จ๊ะ

ผลประโยชน์และสิทธิ์ที่พนักงานพึงจะได้ เราก็ต้องคอย follow up กันเอาเองนะครับ

ชีวิตของเรา เราต้อง take control of your lives จ๊ะ
อย่าให้ใครมากุมบังเหียนชีวิตเราได้
รักตัวเองให้มาก

stand up and speak up...   :) 

Saturday, December 1, 2018

รถจนา เงาะป่าและหอยสังข์


รถจนากับเงาะป่า ณ กาลครั้งหนึ่งเคยรักกันหวานชื่น
กาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน 
ก็ไม่เป็นไรนะครับ มันเป็นเรื่องปรกติของชีวิตคู่

รถจนากับเงาะป่าก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เพื่อที่จะดูแลลูกน้อย "หอยสังข์" ของพวกเขา

รถจนากับเงาะป่าต่างก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตของใครมัน แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อย ๆ เพราะว่ามีลูกน้อยหอยสังข์ที่ยังต้องรับผิดชอบร่วมกัน

รถจนาเจอคู่ชีวิตใหม่ที่ประเทศออสเตรเลีย แล้วก็ทำเรื่องขอเป็นคนที่นี่ ซึ่งรถจนาและหอยสังข์ก็ได้เป็น PR ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ลูกน้อยหอยสังข์ เมื่อเป็น PR แล้ว ก็สามารถทำเรื่องสปอนเซอร์ให้กับคุณพ่อเงาะป่าได้เลยทันที

แต่เนื่องด้วยลูกน้อยหอยสังข์นั้นยังเด็กนัก อายุไม่ถึง 18 ปี
รถจนาผู้ซึ่งเป็นแม่ก็ต้องเป็นคนเซ็นเอกสารแทนลูกน้อยหอยสังข์ ซึ่งรถจนาเองก็เต็มใจ เพราะยังไงเสีย ณ กาลครั้งหนึ่ง เขาทั้ง 2 คนก็เคยใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน และทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ซึ่งหาได้น้อยมากในสังคมปัจจุบัน

ลูกน้อยหอยสังข์
ลูกและการทำเรื่องสปอนเซอร์คุณพ่อคุณแม่นั้นสามารถทำได้ ถ้ามีการเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลกันให้ดี ๆ 

ไม่ว่าลูกน้อยหอยสังข์จะเป็น PR หรือ citizen ลูกน้อยหอยสังข์ก็สามารถทำเรื่องสปอนเซอร์คุณพ่อเงาะป่าได้ครับ ถ้าคุณแม่รถจนายินดีที่จะเซ็นเอกสารแทนลูกน้อยหอยสังข์

มันก็เป็นการดีที่คุณพ่อเงาะป่าเองก็จะได้อยู่ใกล้ ๆ ลูกน้อยหอยสังข์ด้วย
ถึงแม้รถจนากับเงาะป่าจะไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน
แต่การที่เขาทั้ง 2 คนได้อยู่ที่ประเทศออสเตรเลียเหมือนกัน
มันก็เป็นการง่ายในการดูแลลูกน้อยหอยสังข์ของพวกเขา

ลูก ถ้าได้เป็น PR หรือ citizen แล้ว
มันก็มีวิธีที่ลูกจะสามารถทำเรื่องสปอนเซอร์ให้กับคุณพ่อหรือคุณแม่นะครับ

เราขอฝากเรื่องนี้เอาไว้แค่นี้ก็แล้วกัน
ถ้าคิดว่า blog นี้มีประโยชน์โปรดแชร์นะครับ

ขอ Bridging Visa B ออกนอกประเทศ แล้วเรื่องจะหยุดทำการในระหว่างที่เราอยู่นอกประเทศ ไม่จริงครับ


หลาย ๆ คนคิดเอง เออเอง หรือฟังคนอื่นมาว่า
ถ้ายื่นวีซ่าภายในประเทศ ได้ Bridging Visa A, แล้วขอ Bridging Visa B เดินทางออกนอกประเทศ เรื่องของเราจะโดนหยุดชะงัก ไม่มีการพิจารณาในระหว่างที่เราอยู่ต่างประเทศ

ไม่เป็นความจริงนะครับ

เรื่องของเรา case ของเราก็ยังจะถูกดำเนินไปตามปรกติ และถ้าเรื่องเราถูกปฏิเสธ เราก็ต้องรีบกลับเข้ามาในประเทศเลยทันที เพื่อที่จะทำเรื่องอุทธรณ์ได้ ภายใน 21 วัน

เพราะเราไม่สามารถอุทธรณ์เรื่องของเราได้ ถ้าเราอยู่นอกประเทศ

ดังนั้น ถ้าใครเที่ยว ๆ อยู่นอกประเทศ แล้วเรื่องโดนปฏิเสธ เราก็ต้องรีบเดินทางกลับเข้ามานะครับ เพื่อที่จะได้ดำเนินการอุทธรณ์กันต่อไป

เพราะถ้าไม่อุทธรณ์ภายใน 21 วัน
เราก็ต้องกลับประเทศภายใน 35 วันนะครับ

ถ้าเรายื่นเรื่องขอวีซ่าแล้วไม่ผ่าน จะด้วยเหตุผลอะไร ยังไงก็ตามแต่ จะด้วยวีซ่าตัวไหนก็ตาม ถ้ายื่นภายในประเทศ เราแนะนำให้อุทธรณ์เอาไว้ก่อนนะครับ จะสู้ต่อหรือไม่สู้ต่อหนะอีกเรื่องหนึง เพราะการที่เราอยู่ต่อที่นี่ ถ้าเพื่อสถานการณ์อะไรมันเปลี่ยน เราก็อาจจะสามารถพลิกผันสถานการณ์กันได้

ดังนั้นคนที่ออกไปข้างนอก แล้ววีซ่าโดนปฏิเสธ เราต้อง drop everything and be back here นะครับ
เที่ยว ๆ อยู่ ก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน
กับมาทำธุระอะไรให้เสร็จก่อน แล้วค่อยขอ Bridging Visa B ออกไปได้ใหม่อีกรอบ