Thursday, December 31, 2020

Chef vs Cook



มีหลายคนอยากทราบความแตกต่างระหว่าง chef กับ cook

Chef กับ Cook, requirement ทางด้านวุฒิการศึกษาก็แตกต่างกันออกไป

Job Description ที่ case officer ใช้อ้างอิงก็แตกต่างกันออกไป

เดี๋ยวเราจะสรุปแบบย่อ ๆ ให้นะครับว่า 2 สาขาอาชีพนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร

Cook:
วุฒิการศึกษา: ต้องจบ Cert IV (Commercial Cookery) หรือ Cert III + ประสบการณ์ทำงาน 2 ปี on the job training หรือมีประสบการณ์ 3 ปีในการทำงานในตำแหน่ง Cook (สำหรับคนที่ไม่จบอะไรเลย)
 
Job Description:
- examining foodstuffs to ensure quality
- regulating temperatures of ovens, grills and other cooking equipment
- preparing and cooking food
- seasoning food during cooking
- portioning food, placing it on plates, and adding gravies, sauces and garnishes
- storing food in temperature controlled facilities
- preparing food to meet special dietary requirements
- may plan menus and estimate food requirements
- may train other kitchen staff and apprentices

Chef:
วุฒิการศึกษา: จบ Diploma อย่างต่ำ (Cert IV Commercial Cookery + Diploma of Hospitality) หรือถ้าไม่จบอะไร ก็ต้องมีประสบการณ์ 3 ปีในการทำงานในตำแหน่ง chef

Job Description:

- planning menus, estimating food and labour costs, and ordering food supplies
- monitoring quality of dishes at all stages of preparation and presentation
- discussing food preparation issues with Managers, Dietitians and kitchen and waiting staff
- demonstrating techniques and advising on cooking procedures
preparing and cooking food
- explaining and enforcing hygiene regulations
- may select and train staff
- may freeze and preserve foods

Note: เวลาเราทำ skill assessment กับ VETASSESS สำหรับคนที่เรียนมาไม่ตรงสาขา หรือไม่ได้จบการศึกษาจากที่นี่ เราจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ 3 ปี full-time หรือ 6 ปี part-time หลักฐานในการทำงานดูจาก payslip หรือใบเสร็จรับเงินเดือน (สำหรับบางประเทศที่ไม่มี payslip)

Chef หรือ Cook มีความแตกต่างกัน
โปรดแยกกันให้ออก

ไม่ว่าใครเลือกจะทำงานสาขาอาชีพอะไร เราขอเอาใจช่วยทุกคนนะครับ

Saturday, December 26, 2020

ลูกค้าที่มีคดีอาชญกรรม

กับการทำงานของเรา

เราไม่เคย judge ใครว่าใครติดคดีหรือทำอะไรมาก่อน


แค่ขอความเห็นใจ บอกเรามาตามความเป็นจริง

เพราะยังไงคดีอะไรต่าง ๆ มันก็ต้องโผล่ออกมาอยู่ดี


บอกเราล่วงหน้า เราจะได้ตั้งรับกับสถารการณ์ได้ถูก

เราจะได้ quote ราคาได้ถูก

มาบอกทีหลัง มันยังไง ๆ อยู่นะ


หรือเตรียม police check ให้พร้อม


ทุกวันนี้เราก็เลยต้องขอ police check ก่อนที่จะรับ case


หวังว่าทุกคนคงจะเห็นใจ


เพียงแค่ขอความเห็นใจ

มีคดีหรือไม่มีคดี

บอกกันตรง ๆ


ไม่ต้องคิดว่าคดีความหลายปีแล้ว สิ้นสุดคดีความแล้ว


ใน application ของอิมมิเกรชั่นมันจะถามว่า "เราเคยมีคดี รวมทั้งที่สิ้นสุดเรื่องไปแล้วหรือเปล่า"


ใครจะทำอะไรมา

เราไม่เคย judge

เพราะ by law ทุกคนสามารถมี representative ได้ มันเป็น basic human right สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน


I am here to help. Not to judge you…

Friday, December 25, 2020

การสอบ citizen

"การสอบ citizen"

วันสอบ ไม่ต้องกรอกฟอร์มอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นลูกค้าของ "J Migration Team" แล้ว แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเราทำไว้ให้หมดเลย

ลูกค้ามีหน้าที่แค่ทำตัวลอย ๆ ไปสอบ
ตามวัน เวลา และสถานที่ที่เขากำหนด

เอกสารทุกอย่างเอาตัวจริงไป

มันแค่นี้เองจริง ๆ

เราอยากจะขอร้องสำหรับคนที่ตื่นเต้นมากจนเกินเหตุ
ให้สูดลมหายใจลึก ๆ

ไม่ต้องตื่นเต้นมาก ไม่ต้อง panic
มันไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด

เอกสารอะไรที่ลืมถือไปวันนั้น ก็ไม่เป็นไร
ทาง case officer จะติดต่อมาที่ "ทีม J" เอง
เดี๋ยวเราจัดการให้ได้
เดี๋ยวเราจะส่งตามไปสมทบให้ได้
แต่ปรกติเราก็ยื่นทุกอย่างไปหมดแล้ว

อยากจะให้ทุกคนใจร่ม ๆ

Subclass 482; chef x years ไม่ต้องสอบภาษาอังกฤษ



subclass 482 TSS

Chef x 4 years

chef คือสาขาอาชีพที่อยู่ใน long-term list ดังนั้นเราทำเรื่องที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องออกไปเมืองรอบนอก

ทำงานกับนายจ้างอีก 3 ปี ก็ขอ PR ได้ด้วยวีซ่า subclass 186 ENS

ประสบการณ์ที่น้องใช้คือ 2 ปี part-time ในระหว่างที่ถือวีซ่านักเรียน

น้องไม่สอบภาษาอังกฤษ เพราะน้องเรียนที่นี่เกิน 5 ปี
ผลการเรียน 5 ปี สามารถนับช่วงที่เรียนภาษาด้วย

ประสบการณ์ทำงานก็ไม่ต้องรอนับหลังจากที่เรียนจบ

ประสบการณ์ในการทำงาน เอาแค่ 2 ปี part-time ก็พอ
ไม่ใช่ 2 ปี full-time
ไม่ใช่ 4 ปี part-time

chef x 4 years
พ่อ แม่ ลูก

คนเป็นพ่อก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยและก็ครอบครัว

ทั้งครอบครัวเล็ก ๆ ที่กำลังสร้างกันที่นี่
และครอบครัวที่เมืองไทย

ทุกคน ทุกครอบครัวมีภาระที่แตกต่างกัน

เรารู้ เราเข้าใจ เราผ่านจุดนั้นมาก่อน

เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด

ขอบคุณที่เลือกใช้บริการของเรา

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ

Thursday, December 17, 2020

Subclass 491: Small Business in regional Queensland

Subclass 491: Small Business in regional Queensland เป็นอะไรที่สอบถามเข้ามาเยอะ

ที่ QLD ที่ไหน ๆ ก็ได้ ที่ไม่ใช่ Brisbane

นี่คือรหัสไปรษณีย์ที่ถือว่าเป็น regional ที่ QLD

4124 to 4125, 4133, 4183 to 4184, 4207 to 4275, 4280 to 4287, 4306 to 4498, 4507, 4517 to 4519, 4550 to 4575, 4580 to 4895.

ก่อนที่หลาย ๆ คนจะดีใจกระดี๊กระด๊า เราก็อยากจะบอกว่า:

1. subclass 491, คือ Skill Migrant ดังนั้นเราจะต้องนับ point ให้ได้ 65 แต้ม เหมือนกับการขอ Skill Migrant ตัวอื่น ๆ ; subclass 189 และ subclass 190

2. คนสมัครต้องอายุต่ำกว่า 45 (เฉพาะ main applicant, คนติดตามอายุเท่าไหร่ก็ได้)

3. IELTS general 6 each band หรือ PTE Academic 50

และนี่ก็คือข้อมูลคร่าว ๆ ของการทำวีซ่า subclass 491; Small Business pathway ที่ regional Queensland นะครับ

- เราจะต้องทำ skill assessment ให้ผ่าน สาขาอาชีพอะไรก็ได้อยู่ที่ใน occupation list ไม่ว่าจะเป็น short-term list, long-term list หรือ ROL (Regional Occupation List)

- เราต้องถือวีซ่าที่มี full-work right อย่างเช่น subclass 485, 457, 482 หรือแม้แต่ 462 Work and Holiday

- วีซ่านักเรียนไม่สามารถขอได้ เพราะวีซ่านักเรียนไม่สามารถทำงาน full-time ได้ (35 ชั่วโมงขึ้นไป)

- มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ธุรกิจอะไรก็ได้ ธุรกิจครอบครัวก็ได้ 

- ซื้อธุรกิจที่เปิดมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ในเขต regional area ของ QLD (ถ้าเป็น franchise ต้องเปิดมาแล้วอย่างน้อย 12 เดือน) home-based ธุรกิจทำไม่ได้ ธุรกิจเปิดใหม่ทำไม่ได้  

- ต้องลงทุนอย่างน้อย $100,000 ในธุรกิจนี้ก่อนที่จะยื่น EOI (Expression of Interest)

- ต้องเป็นเจ้าของธุรกิจคนเดียว 100%, ไม่สามารถมีหุ้นส่วนได้

- หลังจากที่ซื้อธุรกิจมาแล้ว เราต้องเปิดทำการต่ออีกอย่างน้อย 6 เดือน เราถึงจะยื่น EOI ได้

- ต้องมีพนักงานที่เป็น PR/Citizen หรือ NZ subclass 444 อย่างน้อย 1 คน

อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่ง Pathway อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับหลาย ๆ คนนะครับ ที่ต้องการ Pathway ในการขอ PR (subclass 191)

ข้อดีของวีซ่า subclass 491; Small Business pathway ก็คือ:

- เราทำ Skill Assessment สาขาอาชีพอะไรก็ได้
- เราซื้อธุรกิจอะไรก็ได้ตามข้อมูลด้านบน

ยกตัวอย่างเช่น:

"หนูหริ่ง" ทำ Skill Assessment ในสาขาอาชีพ Chef, Cook, Restaurant Manager หรือ Massage Therapist แล้วหนูหริ่งซื้อกิจการซ่องที่เปิดมาแล้วเกิน 6 เดือน หนูหริ่งก็ทำได้ 

ซ่องหรือสถานบริการทางเพศที่ QLD เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย เสียภาษีถูกต้อง โปรดเปิดใจให้กว้าง

หรือ "ขวัญ" ทำ Skill Assessment ในสาขาอาชีพ Engineer Technologist แล้วขวัญก็ซื้อกิจการร้านนวด แบบนี้ก็สามารถทำได้เหมือนกัน

Skill Assessment สาขาอาชีพอะไรที่ก็ได้ ที่อยู่ใน list
ธุรกิจอะไรก็ได้ที่ถูกกฎหมายและเปิดมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน

อีกหนึ่งทางเลือก
อีกหนึ่งหนทาง

เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ

Saturday, December 12, 2020

Winning at the AAT, no hearing

 


Winning at the AAT, no hearing.... เราจัดให้ได้

Case ที่ AAT; ศาลอุทธรณ์ 
ถ้าเราจัดเอกสารให้ดี ๆ 
เขียน GTE ให้เน้น ๆ เราก็สามารถชนะได้ โดยที่ไม่ต้องไป hearing

Case AAT ของ student visa ถ้าอยากจะชนะ หนู ๆ ก็ต้องไปเรียนหนะจ๊ะ
แล้วส่งเอกสารมา update กับ "J Migration Team" ทุก ๆ เทอม
ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนหรืออะไรต่าง ๆ นานา

ที่ "J Migration Team" สำหรับ case อุทธรณ์ของ student visa
เรามีหน้าที่แค่อุทธรณ์ให้กับลูกค้า
พอเรื่องชนะที่ศาล AAT แล้ว AAT จะส่งเรื่องกลับไปให้อิมมิเกรชั่นในการ grant visa

ดังนั้น case ของเราก็จะโดนตีกลับไปที่อิมมิเกรชั่น
แล้วอิมมิเกรชั่นจะติดต่อคนที่ยื่นเรื่องให้กับเราตั้งแต่แรกนะครับ

ถ้าเราใช้ student agent ไหน เราก็ต้องบอกเขาให้คอย check email จากอิมมิเกรชั่นด้วย

หรือถ้าเรายื่นเรื่องเอง เราก็ต้องคอย check email จากอิมมิเกรชั่นด้วย

ก็แค่นี้เอง ง่าย ๆ 
Happy ending

และที่สำคัญก็คือ เราจะได้เงินคืนจาก AAT 50% ถ้าเราชนะ

เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังวิ่งตามหาฝัน
ขอให้เจอในสิ่งที่ชอบและใช่ภายในเร็ววัน

เวลาเลือกที่จะเรียนอะไร ก็อย่างเลือกอะไรที่มันมั่วซั่วมากนัก
เรียนอะไรที่เราชอบจริง ๆ 
เรียนอะไรที่มันสามารถต่อยอดกับชีวิตเราได้

ขอบคุณทุกคนที่เลือกใช้บริการของเรา
"J Migration Team" บริษัทเล็ก ๆ ที่ Wollongong
ดูแลเฉพาะคนรู้ใจ 
เราก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 แล้ว

ขอบคุณกับทุกคนที่ให้ความรักและความเมตตา

ก่อนที่เขียนหรือด่าอะไรเรา online โปรดคิดก่อนเสมอ เพราะเรามีคนช่วยสอดส่องเยอะ 

ระวังจะโดนด่ากลับ แล้วจะหงายเงิบ
ตอนนี้ภูมิต้านทานเรามากพอ และเราก็พร้อมที่ stand up and speak up

#แอบมองเธออยู่

Cook 2 years; เตรียมตัวจ่อ PR

ยินดีด้วยนะครับ กับ "someone" ที่ Gold Coast
อาทิตย์นี้คนที่ Gold Coast หลายคนได้วีซ่ากันแล้ว subclass 482
ไม่ว่าจะเป็น Chef หรือ Cook ก็ผ่านกันหมดแล้ว

Cook เป็นสาขาอาชีพที่อยู่ใน short-term list ก็จริง แต่สำหรับคนไทย ซึ่งเราได้รับการยกเว้น เพราะประเทศไทยได้ทำการเซ็นสัญญา International Trade Agreement กับประเทศออสเตรเลีย เราก็เลยสามารถขอได้ 4 ปี

แต่ก็อย่าลืมว่าแต่ละปี ทางร้านจะต้องจ่ายค่า SAF; Skilling Australian Fund ให้กับ government นะครับ

บางคนก็เลยเลือกทำแค่ 2 ปีก็พอ เพราะจุดประสงค์หลักคือต้องการแค่ซื้อเวลา เพื่อที่จะสอบภาษาอังกฤษในการทำ PR แค่นั้นเอง

หลาย ๆ คนคิดว่า 2 ปีก็น่าจะพอ

เราก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน

สำหรับคนที่ยื่นหรือถือวีซ่า subclass 457 ณ วันที่หรือก่อนวันที่ 18 Apr 2017 ก่อนที่กฎหมายของวีซ่า subclass 457 จะมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ยังสามารถขอ PR ด้วยอาชีพนั้น ๆ อยู่

ยังสามารถขอได้จนถึงวันที่ 18 March 2022 (วันครบรอบ 4 ปีของการประกาศใช้วีซ่าตัวใหม่ subclass 482)

เราขอเอาใจช่วยทุกคนนะครับ

เวลาไม่เคยคอยใคร จะทำอะไรกับชีวิตก็รีบ ๆ จัดการซะ

วีซ่า subclass 186 (PR) คนสมัครจะต้องมีผลภาษาอังกฤษ IELTS general 6 each band หรือ PTE Academic 50 each band (ข้อมูลถูกต้อง ณ วันที่เขียน อนาคตจะเป็นยังไง เราไม่รู้)

หลาย ๆ คนทำคะแนนผลสอบภาษาได้ดี ขาดนั่นนิด นี่หน่อย ไม่เยอะมาก
บางทีเราอาจจะต้องการคนมาช่วยติวหรือเปล่านะ

เรากับทีมงานขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด

Monday, December 7, 2020

Concession for certain family visa applicants affected by COVID-19 travel restrictions


"Concession for certain family visa applicants affected by COVID-19 travel restrictions"

จากที่หลาย ๆ คนไปอ่านข่าวจากสำนักข่าว นั่น นี่ โน่น

จากที่หลาย ๆ คนอ่าน post ของเราที่ post เป็นภาษาอังกฤษไปแล้ว แต่อาจจะยังสับสน

หลาย ๆ คนที่ตอนนี้จ่อคิวต้องการที่จะบินออกไปยื่นเรื่องนอกประเทศ แต่ตอนนี้ต้องติดอยู่ภายในประเทศ เราเข้าใจและเห็นใจ

หลาย ๆ คนไม่สามารถยื่นเรื่องภายในประเทศได้ เพราะติด section 48; คนที่โดนวีซ่าปฏิเสธหรือถูกยกเลิกวีซ่า (visa refusal, visa cancellation).

อย่าลืมว่า section 48 ขอทำเรื่องยกเว้นไม่ได้ (ทำได้ แต่ยากมากถึงยากที่สุด โอกาสที่จะได้น่าจะอยู่ที่ 0.001%) เพราะอิมมิเกรชั่นไม่ต้องการให้คนที่โดน section 48 ยื่นเรื่องภายในประเทศ การที่รัฐบาลออกกฎหมายอะไรมา เขาก็มีเหตุผลของเขา เขาไม่ได้ออกมา just for fun

หลาย ๆ คนที่ถือ Bridging Visa A แล้วบินออกไปยื่นเรื่องนอกประเทศ แล้วบินกลับเข้ามารอเรื่องอยู่ที่ประเทศก็มี อันนี้แหละที่ทางรัฐบาลกำลังจะทำการผ่อนปรนให้

หรือหลาย ๆ คนที่ยื่นเรื่องนอกประเทศ แล้วขอเป็น Tourist Visa กลับเข้ามา แล้วตอนนี้ไม่อยากเดินทางกลับก็มี อันนี้แหละที่ทางรัฐบาลกำลังจะทำการผ่อนปรนให้

ทุกคนต้องการอยู่กับครอบครัว
ทุกคนต้องการอยู่กับคนที่เรารัก

เรารู้ เราเข้าใจ

เมื่อวันที่ 28 Nov 2020 ทางอิมมิเกรชั่นได้ประกาศออกว่าจะทำการผ่อนปรนให้กับ family visa stream ที่ยื่นเรื่องนอกประเทศแล้ว สำหรับหลาย ๆ คนที่ตอนนี้รออยู่ในภายในประเทศออสเตรเลียนั้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางออกไปนอกประเทศ (offshore) เพื่อให้วีซ่า grant

Family stream visas ดังกล่าวคือ:

Child (subclass 101) visa
Adoption (subclass 102) visa
Dependent Child (subclass 445) visa
Prospective Marriage (subclass 300) visa
Partner (subclass 309) visa

อันนี้เป็นแค่การประกาศออกมาทาง media release ยังไม่มีการกำหนดวันบังคับใช้อย่างชัดเจน คาดว่าจะมีการกำหนดใช้ต้นปีหน้า 2021

อันนี้คือสำหรับคนที่ยื่นไปแล้วเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนที่ยังไม่ได้ยื่น

หลาย ๆ คนตอนนี้ที่ติดอยู่ที่นี่ แล้วต้องเดินทางออกไปยื่นนอกประเทศ ก็ยังคงต้องเดินทางออกไปยื่นนอกประเทศอยู่ดี เพราะการผ่อนปรนคราวนี้ ไม่ได้รวมไปถึงพวกที่โดน section 48

ลูกค้าของ "J Migration Team" ที่จะได้รับข่าวดีในการผ่อนปรนในครั้งนี้ เรา email ไปหาลูกค้าทุกคนแล้ว

ถ้าเราไม่ได้ email ไปหา ก็แสดงว่าลูกค้าไม่เข้าข่ายในนั้น

จริง ๆ แล้ว คนไหนที่ทำ case กับเรา แทบจะไม่ต้องไปอ่านข่าวอะไรจากข้างนอกเลย มีอะไรเราจะ update และ email หาลูกค้าตลอด

ถ้าเราไม่ได้รับ email ไปหา ก็แสดงว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับลูกค้า

เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกคน เราก็ขอสรุปเอาไว้ดังนี้:

1. การผ่อนปรนในครั้งนี้สำหรับคนที่ยื่นไปแล้วเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนที่ยังไม่ได้ยื่น

2. หลาย ๆ คนตอนนี้ที่ติดอยู่ที่นี่ แล้วต้องเดินทางออกไปยื่นเรื่องนอกประเทศ ก็ยังคงต้องเดินทางออกไปยื่นนอกประเทศอยู่ดี

3. คนที่ถือ Briding Visa A, B, C หรือ E ถ้าต้องการยื่น Partner Visa เราก็ต้องออกไปยื่นเรื่องประเทศอยู่ดี เพราะเราไม่มี substantive วีซ่า

4. คนที่ถือ Briding Visa A, B, C หรือ E ถ้าต้องการยื่น Partner Visa ภายในประเทศออสเตรเลีย ก็ต้องทำเรื่อง schedule 3 ให้ผ่าน ถ้าลูกค้าคนไหนมีคุณสมบัติครบในเรื่องของ schedule 3 เราก็แจ้งไปหมดแล้ว ถ้าคนไหนไม่ครบ ก็ต้องออกไปยื่นเรื่องที่ประเทศจ๊ะ.... no choice

5. หลาย ๆ คนที่ยื่น Protection Visa (no judgemental, ลดความถูกต้องลงไปบ้าง เพิ่มความเป็นคนขึ้นมาบ้าง) ไปแล้วเข้าข่ายข้อ 3 & 4 ก็ยังคงต้อง follow ข้อ 3 & 4 อยู่ดี

6. หลาย ๆ คนที่ถือ Bridng Visa A จาก AAT แล้วเข้าข่ายข้อ 3 & 4 ก็ยังคงต้อง follow ข้อ 3 & 4.

เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ


เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด

Thursday, November 26, 2020

Subclass 482; Chef

"Chef"

Chef เป็นสาขาอาชีพที่อยู่ใน long term list

ไม่ต้องออกไปเมืองรอบนอก

น้อง ๆ หลาย ๆ คนก็ชอบคิดว่าอะไรก็ต้อง regional

มันก็ไม่หมดไปซะทุกอย่างนะหนู

เราก็ต้องดูสาขาอาชีพของเราด้วย
ถ้าอยู่ใน long list เราจะทำงานที่ไหนก็ได้

หลาย ๆ คนชอบถามว่า "Sydney" ทำเรื่องไม่ได้แล้วจริงเหรอ

คำตอบคือ "ไม่จริงจ๊ะ" มันก็ยังทำเรื่องได้ตามปรกติ ถ้าสาขาอาชีพเราอยู่ใน long term list

หรือเราจะขอวีซ่าด้วยตัวเราเองก็ได้; subclass 189, subclass 190 ก็ว่าไป

ไม่ต้องฟังเพื่อนมาก
case เรา อาจจะไม่เหมือน case ของเขาก็ได้

เราก็ต้องแยกกันให้ออก

Friday, November 20, 2020

Subclass 482; Customer Service Manager

"Customer Service Manager"

Subclass 482 TSS ถ้าผ่าน Stage 2 Nomination ก็ถือว่าโล่งละ

เพราะ Stage 2 Nomination จะยากสุด
จะต้องอธิบายว่าทางบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานในตำแหน่งนี้อะไร ยังไง

มีความจำเป็นจริงเหรอ

โดยเฉพาะสาขาอาชีพบางอาชีพมันหมิ่นเหม่มาก

"Customer Service Manager" มันเป็นอะไรที่ general มาก

"Customer Service Manager" เราจะบอกลูกค้าเลยว่า เป็นสาขาอาชีพที่เราไม่อยากจะทำ เราบอกแบบนี้จริง ๆ จ๊ะ เพราะมันเสี่ยงมากถึงมากที่สุด

ถ้าลูกค้ายอมารับความเสี่ยงได้ เราก็ทำ

แต่เราก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี

Stage 2 Nomination ของสาขา "Customer Service Manager" ผ่านไปได้ด้วยดี

รอดละ

เป็นอีกวันหนึ่งที่สุข


Friday, November 6, 2020

Veterinary Nurse



"Veterinary Nurse"

วุฒิการศึกษา: Cert IV หรือ Cert III + 2-year on the job training

Subclass 482: อยู่ใน short-term list, คนไทยสามารถขอได้ 4 ปี ไม่ต้องทำ  Skill Assessment
Subclass 494: ต้องทำ Skill Assessment

Job Description:

- holding animals to allow examination and treatment by Veterinarians
- cleaning and sterilising examination tables and equipment
- preparing instruments and handing them to the Veterinarian
- assisting Veterinarians to administer anaesthetics and oxygen during operations
- placing animals in cages for recovery from operations and monitoring their condition
- giving medications to animals
- maintaining stock control and records
- providing animal care advice, and preparing, delivering, and reviewing animal care education programs
- may perform diagnostic laboratory tests
- may act as receptionist, accept payments and undertake clerical work

Pet Groomer

 


Pet Groomer

วุฒิการศึกษา: Cert IV หรือ Cert III + 2-year on the job training.


Subclass 482: Labour Agreement ไม่ต้องทำ Skill Assessment
Subclass 494: ต้องทำ Skill Assessment 

Job Description:
- teaching animals to obey verbal and non-verbal commands and addressing behavioural problems
- training animals to accept riders and pull vehicles
- training animals to perform in competitions
- bathing, cutting, combing, blow-drying and styling pets' coats, clipping their nails and cleaning their ears
- inspecting, preparing, cleaning, disinfecting and maintaining comfortable animal cages and enclosures
- transporting food, filling water troughs and feeding animals according to their individual needs
- maintaining animal health records, treating minor injuries and reporting serious conditions to Veterinarians
- exercising and playing with animals, answering visitor questions, and transferring animals between enclosures by leading or carrying them
- dusting and spraying insecticides on animals and immersing them in insecticide baths, to control insect pests


Subclass 482; ประสบการณ์ทำงาน: Casual

"ประสบการณ์ทำงาน: Casual"

คำถามยอดฮิตของหลาย ๆ คนในเรื่องของประสบการณ์ทำงาน 2 ปีที่ต้องนำเอามาใช้ในการสมัครวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างปอนเซอร์ subclass 482; TSS


ขอย้ำว่าเฉพาะ subclass 482
เพราะแต่ละ subclass จะนับประสบการณ์การทำงานไม่เหมือนกัน

- วีซ่า subclass 482 ต้องการประสบการณ์ในการทำงานอย่างน้อย 2 ปี
- 2 ปีสามารถเป็น 2 ปี full-time หรือ 2 ปี part-time ก็ได้
- casual อาจจะนับยากหน่อย เราไม่แนะนำ, นอกเสียจาก casual นั้นได้ทำประจำ หรือโดนเรียกให้มาทำงานตลอดเลย 20 hr/week หรือ 40 hr/fortnight อะไรประมาณนี้น่าจะได้ แต่ถ้า casual แบบไม่แน่นอน ไม่ต่อเนื่อง เราไม่แนะนำให้ทำ subclass 482

** ไม่ใช่ 4 ปี part-time = 2 ปี full-time, subclass 482 ไม่นับแบบนั้น ไม่เหมือน subclass 494 หรือ 186 Direct Entry เราต้องแยกกันให้ออก

ประสบการณ์ไม่จำเป็นต้องรอให้เราเรียนจบถึงจะนับ
ขอให้เราทำงานใน skill level นั้น เราก็สามารถนับประสบการณ์ได้เลย

make sure ว่ามีใบผ่านงาน มี payslip มี PAYG (ถ้าทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย)

ประสบการณ์จะทำงานมาจากประเทศไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายจ้างที่จ้างเรา

มีประโยชน์โปรดแชร์

Wednesday, October 21, 2020

วีซ่าขาด โดนแบน 3 ปีจริงหรือ


"หว่อเหินห่าว" เป็นชาวต่างชาติ วีซ่าขาดที่ประเทศออสเตรเลีย (ไม่ใช่มีแต่คนไทยนะเธอ)

หว่อเหินห่าว มีแฟนเป็น PR ที่นี่
หว่อเหินห่าวเดินทางกลับประเทศของเขา

หว่อเหินห่าวต้องการยื่น Partner Visa เพื่อกลับมาอยู่กับแฟนซึ่งเป็น PR

หว่อเหินห่าวอย่างรู้ว่าหว่อเหินห่าวต้องรอ 3 ปีถึงจะขอวีซ่าได้ ใช่หรือไม่

คำตอบ: "ไม่ต้องรอจ๊ะ บินกลับประเทศ แล้วทำเรื่องมาได้เลย"

ที่บอกว่าโดนแบน 3 ปีหนะคือพวกวีซ่าชั่วคราว พวก temporary visa อย่างเช่นวีซ่านักเรียน วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าทำงาน

แต่ Partner Visa เป็น permanent visa จ๊ะ ไม่ใช่วีซ่าชั่วคราว

ดังนั้น หว่อเหินห่าวไม่ต้องรอ 3 ปี
บินกลับไปแล้วยื่นเรื่องได้เลย

เรื่องบางเรื่อง ต้องปรีกษาคนที่มี MARN นะจ๊ะหนู

Wednesday, October 7, 2020

Partner Visa; Document List

Document list for Partner Visa


Applicant

  • ใบเกิด ทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ

  • photocopy passport

  • ถ้าเคยเปลี่ยนชื่อมาก่อน ก็ขอใบเปลี่ยนชื่อด้วยนะครับ ทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ

  • ถ้าเคยแต่งงานมาก่อน ก็ขอใบสมรส หรือใบหย่าด้วยนะครับ ทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ

  • Police check จากเมืองไทย และที่ Australia (หลังจากที่ยื่นแล้ว)

  • bank statement ส่วนตัว 1 ปี ย้อนหลัง (อย่างต่ำ)

  • ชื่อ วันเดือนปีเกิด พ่อ แม่ (ทั้งที่มีชึวิตอยู่และเสียแล้ว) พี่ และ น้อง ทุกคน รวมทั้งประเทศที่เค๊าอาศัยอยู่ปัจจุบัน

  • ที่อยู่ 10 ปีย้อนหลัง

  • ประเทศ ทุกประเทศ ที่เค๊าเคยเดินทางเข้าออก วันเดือนปี ทุกประเทศ

  • Personal statement เขียนลายละเอียดว่า เจอกันยังไง รักกันยังไง เป็นภาษาอังกฤษ อย่างต่ำ 2 หน้า



Sponsor

  • photocopy passport

  • Australian police check

  • ถ้าเคยเปลี่ยนชื่อมาก่อน ก็ขอใบเปลี่ยนชื่อด้วยนะครับ เอาฉบับแปล ภาษาอังกฤษ

  • ถ้าเคยแต่งงานมาก่อน ก็ขอใบสมรส หรือใบหย่าด้วยนะครับ ฉบับแปล ภาษาอังกฤษ

  • หลักฐานว่าเป็น PR หรือ Citizen

  • bank statement ส่วนตัว 1 ปี ย้อนหลัง (อย่างต่ำ)

  • ชื่อ วันเดือนปีเกิด พ่อ แม่ (ทั้งที่มีชึวิตอยู่และเสียแล้ว) พี่ และ น้อง ทุกคน รวมทั้งประเทศที่เค๊าอาศัยอยู่ปัจจุบัน 

  • Personal statement เขียนลายละเอียดว่า เจอกันยังไง รักกันยังไง เป็นภาษาอังกฤษ อย่างต่ำ 2 หน้า



เอกสารร่วมกัน

  • join bank statement

  • ใบทะเบียนสมรส (if applicable)

  • หลักฐานทุกอย่างที่สามารถโชว์ว่า รักกันจริง อยู่ด้วยกันจริง

    • รูปถ่าย ทั้งถ่ายคู่และถ่ายหมู่

    • หลักฐานการเดินทางด้วยกันถ้ามี

    • bill ต่างๆที่ส่งมาที่เดียวกัน

    • join credit card statement, ถ้ามี


ลูก (ถ้ามี):

  • ใบเกิดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

  • ถ้าเคยเปลี่ยนชื่อก็ขอใบเปลี่ยนชื่อด้วยทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

  • พาสปอร์ต

  • ใบรับรองบุตร (ว่าเราได้รับการยินยอมให้เป็นผู้ดูแลบุตรแต่เพียงผู้เดียว)



นี่ก็เป็นเอกสารหลักๆนะครับ

ก็จะปลีกย่อย อีกบ้างเล็กน้อย เแล้วแต่ case นะครับ


Tuesday, October 6, 2020

วีซ่าขาดฟ้องคนได้มั้ย


คนเราเมื่อวีซ่าขาด ไม่ได้แปลว่าความเป็นคนหรือ basic human right ของเราจะลดลง

เรื่องวีซ่าขาด กับเรื่องของสิทธิมนุษยชนขึ้นพื้นฐานเราต้องแยกกันให้ออก

ถ้าหากใครมารุกรานสิทธิมนุษยชนขึ้นพื้นฐาน เราก็สามารถทำการฟ้องได้

อ่านให้ดี ๆ นะครับ
"ฟ้อง" ไม่ใช่แจ้งความ

แจ้งความกับตำรวจหนะมันช้า เรื่องบางเรื่องตำรวจก็ทำอะไรมากไม่ได้
ถ้าฟ้อง ก็ต้องขึ้นศาล
เมื่อเราจะต้องขึ้นศาล... รู้หรือไม่ว่าคนที่วีซ่าขาดก็จะสามารถขอ Bridging Visa E เพื่อที่จะรอขึ้นศาลหรือรอฟังคำตัดสินหรือพิพากษาของศาลได้

จากที่เคยวีซ่าขาด ตอนนี้ก็ได้ Bridging Visa E แล้ว
มีตัวตน เดินเหินในสังคมได้ ไม่ต้องหลบซ่อน

วีซ่าขาดไม่ได้แปลว่าเราต้องเป็นเบี้ยล่าง โดนกดขี่ข่มเหงเสมอไป
Basic human right เราต้องมี

Note: เรามีหน้าที่แค่ให้ข้อมูล ไม่ได้ยุยงส่งเสริมให้คนวีซ่าขาด ไม่ต้อง LINE หรือ inbox มาด่า ด่ามาเราจะด่าตอบ ไปฝึกมาแล้วกับ "พิมรี่พาย"

กดขี่ข่มเหงคนอื่น...

อย่า-ทา-หรรม

อย่าหาทำ

วีซ่าขาด & Bridging Visa E; Identity & Privacy

เมื่อน้องวีซ่าขาดโดน post ประจานในกลุ่ม "สังคมเสื่อม" แบบไม่มีการเบลอหน้าเบลอตา

ถ้าน้องคิดว่ามันเป็นการกระทำที่คุกคามในเรื่องของ Privacy Act น้องก็สามารถฟ้องได้

ฟ้องทั้งคน post และเจ้าของกลุ่ม "สังคมเสื่อม"

อย่าไปแจ้งความกับตำรวจให้เหนื่อยเปล่าเลย ตำรวจทำงานช้า

เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องฟ้องเลย จะได้จบ ๆ ไป

อย่างที่เราเคย post ไปเมื่อ 23 Aug 2020, เรามีทนายความส่วนตัวให้จ๊ะ Andrew Lee Lawyer เดี๋ยวจัดการให้ได้

ราคาไม่แพง


ถ้าเรื่องอยู่ในระหว่างการขึ้นโรงขึ้นศาล

เราสามารถขอ Bridging Visa E เพื่ออยู่ดำเนินคดีได้นะเออ

เป็นอีกหนทางหนึ่งในการขอ Bridging Visa E นะ... why not!!!

จากที่เคยวีซ่าขาด ก็เลยขอ Bridging Visa E ได้ซะเลย

เป็นไงหละ


Note: P' J มีหน้าที่แค่ให้ข้อมูล ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งสิ้น


post ประจานคนอื่นตามกลุ่มต่าง ๆ 

อย่า-ทา-หรรม

อย่าหาทำ

Friday, October 2, 2020

Partner Visa; วีซ่าขาด ได้ TR & PR พร้อมกัน


คนสมัคร Partner Visa ก็วีซ่าขาด
แฟนที่สปอนเซอร์ก็มีคดีติดตัว
แต่เราก็จัดการให้ได้
ไม่ได้ยากเกินเอื้อม

ได้ TR และ PR พร้อมกัน
พร้อมทั้งลูกสาวด้วย

คนที่วีซ่าขาดแล้วออกไปยื่นเรื่องที่นอกประเทศได้กลับมาทุกคน
ตลอดระยะ 12 ปีที่ผ่านมาที่เราทำ case

ขอบคุณที่เลือกใช้บริการของเรา
ขอบคุณที่เชื่อใจเรา ไม่ทู่ซี้อยู่ต่อ 

บางทีคนเราก็ต้องยอมที่แยกกันชั่วคราว
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

เป็นไงหละ ได้ TR + PR ภายในเวลาเดียวกัน
เราจัดให้ได้

ถ้ามงไม่ลงจะงงมาก :)

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ

Citizenship; 10th birthday

 

ขอบคุณน้อง "spiderman" มากเลยครับ สำหรับ such a lovely card you've given me
น่ารักมากเลยครับลูก
ลุงจอห์นจะเก็บ card นี้เอาไว้ตราบนานเท่านาน

ตอนนี้หนูอายุเพิ่งจะ 10 ขวบเอง
เรียนอยู่ year 4 อาจจะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหนูในช่วงนี้ยังไม่ได้

ขอให้หนูเป็นเด็กดี
เป็นคนดีของสังคม
ไม่ทำตัวเหมือนลุง ๆ ป้า ๆ หลาย ๆ คนในกลุ่ม "เผือก" นะลูก
พวกเราเป็นคนดี พวกเรามีค่ามากกว่านั้น

สังคมนี้จะน่าอยู่อีกเยอะ ถ้าสังคมมีคนดี ๆ เด็กดี ๆ อย่างหนู
ลุงจอห์นขอให้หนูตั้งใจเรียนนะลูก
เป็นคนดีของพ่อแม่และครอบครัว

เกิดที่นี่ และใช้เวลาอยู่ที่นี่ 10 ปีแรกก็สามารถเป็น citizen ได้
หลาย ๆ คนที่ส่ง inbox เข้ามาสอบถาม
ก็ลองไล่ ๆ อ่านดูก่อนนะครับ ข้อมูลส่วนมากมีแล้วใน blog และ page นี้

ศึกษาข้อมูลก่อน 
ทำการบ้านมาก่อน
จะได้ไม่เสียเวลาซึ่งกันและกัน 
วันหนึ่งมีแค่ 24 hr
หรือจะให้อธิบายแบบ "พิมรี่พาย"

Thursday, October 1, 2020

Winning at the AAT; Child Visa


“เฌอเอม” อาจจะมงไม่ลง แต่ “เฌอ-J” มงลงจ๊ะ
Winning at the AAT

Child Visa, น้องอายุเกิน 25 แล้ว ก็ชนะที่ AAT ได้

กับ case ที่โอกาสผ่านน่าจะมีแค่ 0.001%
เราก็พลิกผันสถานการณ์ได้
จริง ๆ ก่อน AAT เรียก hearing เราก็บอกคุณแม่และน้องเอาไว้แล้วว่าให้เผื่อใจไว้ด้วย เพราะอายุน้องก็เกินแล้ว และก็อะไรอีกหลายอย่าง ไม่ขอลง detail (privacy)

ทั้งเราและคุณแม่ของน้องและตัวน้องเอง ก็เตรียม Plan B เอาไว้แล้ว
แต่เราก็อยากจะให้มันจบที่ AAT แหละ น้องจะได้ PR เลย

จะได้ไม่ต้องไป Plan B เสียเงินค่าสมัครอีก

พวกเราซักซ้อม ถาม-ตอบ คำถามกันเหมือน “เฌอเอม” เลย
ซ้อมกันอยู่ 2 รอบก่อน hearing

case AAT ของเราทุก case เราจะมีการซักซ้อมกันก่อน
เพื่อจะได้ไม่ตื่นสนาม
เราดูแลกันแบบนี้ทุก case

ถึงแม้ “เฌอเอม” มงจะไม่ลง
แต่ “เฌอ-J” มงลงจ๊ะ

จาก case ที่คิดว่าโอกาสผ่านน่าจะอยู่ที่ 0.001%
มันทำให้เรารู้ว่า "เฮ้ย ต้อง fight สิ, fight จนวินาทีสุดท้าย" และไหวพริบในการตอบคำถามด้วย เพราะเราต้องกล่าวปิดท้ายตอนสรุปให้น้องอยู่แล้ว

เมื่อทุกฝ่ายทำการบ้านกันมาอย่างดี
ทุกอย่างก็เลยออกมาดี
น้องเองและคุณแม่ของน้องด้วย ก็ทำการบ้านกันมาดีมากถึงมากที่สุด

แต่เราก็ได้รับความเมตตาจากศาล AAT ด้วยแหละ
เพราะ case officer ที่ Perth Office เองที่ทำงานพลาด ไม่ได้เอาข้อมูลบางสิ่งบางอย่างมาประกอบ หรือถามอะไรมาเพิ่ม ถ้า case officer ที่ Perth ถามมา เราก็จะได้อธิบายให้ มันก็น่าจะจบไปที่ Perth office แล้ว เรื่องไม่น่าจะถึง AAT ด้วยซ้ำ

แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

PR กันไปอีกหนึ่ง case

มงไม่ลงจะงงมาก...

Health Waiver; HIV



คนที่มีเชื้อ HIV ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ในการขอวีซ่าของประเทศออสเตรเลีย

โดยเฉพาะวีซ่าชั่วคราว 
อย่างเช่นวีซ่าท่องเที่ยว หรือวีซ่านักเรียน 
วีซ่าพวกนี้ไม่มีการตรวจเลือดอยู่แล้ว

วีซ่าชั่วคราวจะมีการตรวจร่างกายแค่ทั่ว ๆ ไปและก็ทำ X-Ray ก็แค่นั้นเอง

วีซ่าที่ต้องตรวจเลือด ตรวจหาเชื้อ HIV ก็จะเป็นวีซ่าถาวร หรือ PR ทุกชนิด

สำหรับคนที่มีเชื้อ HIV มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ในการขอวีซ่า

HIV มันสามารถควบคุมได้ ถ้าได้รับการดูแลรักษาอยู่ตลอดเวลา
และวิวัฒนาการทางการแพทย์มันก็เจริญก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ 
ทุกอย่างต้องดีขึ้นสิ

ส่วนคนที่มีเชื้อ HIV การยื่นขอวีซ่าของประเทศออสเตรเลียมันก็จะซับซ้อนนิดหนึง แต่ทุกอย่างก็มีทางออก

เราก็แค่เพียงว่าต้องขอทำเรื่องยกเว้นเรื่องสุขภาพ หรือเราเรียกกันว่า Health Waiver

สิ่งที่เราต้องทำเกี่ยวกับ Health Waiver ก็คือ:
- เราต้องมีหลักฐานว่าเราได้ทำการรักษาโรคนี้มาอย่างต่อเนื่อง
- เราต้องโชว์ว่าเราหรือครอบครัวมีศักยภาพทางด้านการเงินในการดูแลรักษา

และที่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องคำนวญค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคนี้ตลอดชีวิต ซึ่งทางอิมมิเกรชั่นเขาก็จะมีหมอที่ทำการคำนวญค่ารักษาต่าง ๆ นานาออกมาแหละ แต่เราไม่ต้องเห็นด้วยกับตัวเลขเหล่านั้น เราสามารถคำนวณแล้วใช้ตัวเลขของเราเข้าแย้งได้เพราะ:
- ด้วยวิวัฒนาการที่ดีขึ้น ค่ายารักษาโรคก็ถูกลง
- บางคนก็ได้สวัสดิการจากรัฐบาลไทยในการรักษาโรคนี้ ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงไม่มากตามที่หมอของทางอิมมิเกรชั่นคำนวณมา

ทุกสิ่งอย่าง เราสามารถแย้งได้หมด (ถ้ารู้วิธี)

แต่สิ่งที่เราอยากจะแนะนำก็คือ
คนที่มีเชื้อ HIV ควรจะยื่นเรื่องภายในประเทศออสเตรเลีย เพื่อที่จะได้ Bridging Visa A เพื่อที่จะได้อยู่กันไปยาว ๆ เลย มีอะไรเราจะได้ต่อสู้กันภายในประเทศออสเตรเลีย เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ มันต้องยาวนานกว่า case ทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว ดังนั้นการมี Bridging Visa A นั้นสำคัญมาก

เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด

HIV ไม่ใช่ทางตัน
ทุกอย่างมีทางออก
ศึกษารู้เท่าทัน
ปรีกษาคนที่มี MARN เท่านั้น


Thursday, September 17, 2020

Subclass 408; COVID Visa

 



ในวิกฤติ มีโอกาสหรือเปล่า เราไม่รู้

เรารู้แต่ว่าช่วง Covid-19 แบบนี้ มันก็ยังวีซ่า subclass ออกมารองรับ ซึ่งก็ไม่เลวนะ ดีกว่าจะที่จะหอบกระเป๋ากลับบ้านไปเลย


Subclass 408 มันก็มีหลาย stream แหละ เราเคย post ไปแล้ว

แต่วันนี้ขอ focus ไปที่ stream ที่เกี่ยวกับ Covid-19 แหละ


ข้อดีคือ:

- ไม่มีค่าสมัคร (AUD $0.00)

- ขอวีซ่าได้ max สุด 12 เดือน อย่างน้อยจะได้มีเวลาคิดว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิต พอใกล้ 12 เดือนแล้วค่อยว่ากัน ว่าจะไปยังไงต่อ แต่ตอนนี้มีอะไรก็คว้าเอาไว้ก่อน


นอกจากหน้าตาดีและฉลาดเหมือน P' J แล้ว คุณสมบัติหลัก ๆ ก็คือ:

- ทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Covid-19 อย่างเช่น ทำงานที่ Aged Care, Child Care, Disability care, โรงพยาบาล, Food processing, Farm หรือการเกษตร (ของมันต้องกิน)

- วีซ่าเหลือ 28 วัน 

หลัก ๆ ก็ประมาณนี้แหละ ว่าซั่น


เอกสารที่จะต้องใช้ก็คือ:

- ประกันสุขภาพ 12 เดือน

- สัญญาการจ้างงาน, contract of employment

- Australian Police Check


ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครหลาย ๆ คน


Saturday, September 5, 2020

Partner หรือแค่คู่นอน


"คบกันมาหลายปี ขอ PR ได้มั้ย"


กับหลาย ๆ คำถามที่ส่งกันเข้ามา
หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ได้แต่งงาน
อาจจะยังไม่ได้จด register of relationship

หลาย ๆ คนอาจจะ "คบกัน" มานานหลายปี
เขาอยากจะรู้ว่า เขาจะสามารถทำเรื่อง Partner Visa หรือขอ PR ได้มั้ย

hmm.... คำว่า "คบกัน" มานานหลายปี เป็นอะไรที่ไม่ define นะ

มันต้องเจาะลึกลงไปอีกว่า คบกันแบบไหน
ถ้าคบกันแบบไป ๆ มา ๆ ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เหมือนเป็นแค่ boyfriend girlfriend แบบนั้นมันก็ยังไม่ได้นับว่าเป็น de facto partner

ต่อให้คบกันกี่ปีก็ตามเถอะ
ถ้าไม่มี commitment อะไรต่อกัน
มันก็เหมือนแค่ dating

หรือเพื่อนคู่นอน ซึ่งก็ไม่ผิด

เพื่อนคู่นอน ไม่จำเป็นต้องเป็น partner ของเราเสมอไป

Friend for benefits มีเยอะแยะ

partner คือคนที่เราต้องการใช้ชีวิตที่เหลือด้วย
ต้องการสร้างอะไรร่วมกัน
มีอนาคตร่วมกัน

คู่นอนก็แค่ someone ที่สามารถสนองตัญหาของเราได้ ซึ่งก็ไม่ผิด

ดังนั้นคำว่า "คบกัน" เราก็ต้องมาเจาะลึกกันลงไปอีกว่า
"คบกัน" แบบไหน

คุณสมบัติพอมั้ย ในการที่ขอ Partner Visa
เรามี commitment ร่วมกันมั้ย

จะไปต่อหรือพอแค่นี้

เราต้อง define relationship ของเราให้ชัดเจน

เป็นกำลังใจให้กับทุกคน... ว่าซั่น