โดยเฉพาะวีซ่าชั่วคราว
อย่างเช่นวีซ่าท่องเที่ยว หรือวีซ่านักเรียน
วีซ่าพวกนี้ไม่มีการตรวจเลือดอยู่แล้ว
วีซ่าชั่วคราวจะมีการตรวจร่างกายแค่ทั่ว ๆ ไปและก็ทำ X-Ray ก็แค่นั้นเอง
วีซ่าที่ต้องตรวจเลือด ตรวจหาเชื้อ HIV ก็จะเป็นวีซ่าถาวร หรือ PR ทุกชนิด
สำหรับคนที่มีเชื้อ HIV มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ในการขอวีซ่า
HIV มันสามารถควบคุมได้ ถ้าได้รับการดูแลรักษาอยู่ตลอดเวลา
และวิวัฒนาการทางการแพทย์มันก็เจริญก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ
ทุกอย่างต้องดีขึ้นสิ
ส่วนคนที่มีเชื้อ HIV การยื่นขอวีซ่าของประเทศออสเตรเลียมันก็จะซับซ้อนนิดหนึง แต่ทุกอย่างก็มีทางออก
เราก็แค่เพียงว่าต้องขอทำเรื่องยกเว้นเรื่องสุขภาพ หรือเราเรียกกันว่า Health Waiver
สิ่งที่เราต้องทำเกี่ยวกับ Health Waiver ก็คือ:
- เราต้องมีหลักฐานว่าเราได้ทำการรักษาโรคนี้มาอย่างต่อเนื่อง
- เราต้องโชว์ว่าเราหรือครอบครัวมีศักยภาพทางด้านการเงินในการดูแลรักษา
และที่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องคำนวญค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคนี้ตลอดชีวิต ซึ่งทางอิมมิเกรชั่นเขาก็จะมีหมอที่ทำการคำนวญค่ารักษาต่าง ๆ นานาออกมาแหละ แต่เราไม่ต้องเห็นด้วยกับตัวเลขเหล่านั้น เราสามารถคำนวณแล้วใช้ตัวเลขของเราเข้าแย้งได้เพราะ:
- ด้วยวิวัฒนาการที่ดีขึ้น ค่ายารักษาโรคก็ถูกลง
- บางคนก็ได้สวัสดิการจากรัฐบาลไทยในการรักษาโรคนี้ ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงไม่มากตามที่หมอของทางอิมมิเกรชั่นคำนวณมา
ทุกสิ่งอย่าง เราสามารถแย้งได้หมด (ถ้ารู้วิธี)
แต่สิ่งที่เราอยากจะแนะนำก็คือ
คนที่มีเชื้อ HIV ควรจะยื่นเรื่องภายในประเทศออสเตรเลีย เพื่อที่จะได้ Bridging Visa A เพื่อที่จะได้อยู่กันไปยาว ๆ เลย มีอะไรเราจะได้ต่อสู้กันภายในประเทศออสเตรเลีย เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ มันต้องยาวนานกว่า case ทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว ดังนั้นการมี Bridging Visa A นั้นสำคัญมาก
เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด
HIV ไม่ใช่ทางตัน
ทุกอย่างมีทางออก
ศึกษารู้เท่าทัน
ปรีกษาคนที่มี MARN เท่านั้น
No comments:
Post a Comment