หลาย ๆ คนไม่เข้าใจระบบกฎหมายของที่นี่ว่า เอ๊ะ ถ้าวีซ่าโดนปฏิเสธ หรือโดนยกเลิก เราสามารถทำอะไร ยังไง ได้บ้าง
เราก็สามารถอุทรณ์ได้นะครับ เพราะถ้าไม่อุทรณ์ก็ต้อง pack ของกลับบ้านทันที
โดนยกเลิกวีซ่า; visa cancellation:
- วีซ่าเราขาดทันที
- ถ้าเราไม่อุทรณ์ เราก็ต้องกลับบ้าน แต่เนื่องด้วยเราไม่มีวีซ่าแล้ว ก่อนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ก็ควรจะเข้าไปที่อิมมิเกรชั่นก่อน เพื่อขอ Bridging Visa E, เดินเข้าไปขอเลยครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย ประมาณ 5-10 ก็ได้แล้ว
- Bridging Visa E สามารถขอได้ด้วยปากเปล่า หรือการกรอกฟร์อม 1008
- ถ้าจะอุทรณ์ต้องอุทรณ์ภายใน 7 วันทำการ ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ
- วีซ่าไม่ขาดทันทีเพราะมี Bridging Visa อยู่ตอนที่ขอวีซ่านั้น ๆ (substantive visa)
- ถ้าเราได้ Bridging Visa ก่อน 18 Nov 2016 ก็จะเป็นกฎหมายเก่าคือ Bridging Visa จะหมดอายุภายใน 28 วัน
- ถ้าเราได้ Bridging Visa จากวันที่ 18 Nov 2016 เป็นต้นมา ก็จะเป็นกฎหมายใหม่ คือ Bridging Visa จะหมดภายใน 35 วัน (ได้เพิ่มมา 7 วัน)
- ถ้าไม่อุทรณ์ก็ต้องกลับบ้านก่อนที่ Bridging Visa จะหมดอายุ
- ถ้าจะอุทรณ์ก็ต้องอุทรณ์ภายใน 21 วัน ตามปฏิทิน
ดังนั้นถ้าใครที่คิดจะอุทรณ์ ก็ต้องนับวันให้ดี ๆ นะครับ
อย่าพลาด
อย่าตัดสินใจนาน
ถ้าหากเราไม่อยากอุทรณ์ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมว่าประวัติการโดนปฏิเสธวีซ่า หรือโดนยกเลิกวีซ่าของเราก็จะเป็นประวัติติดตัวไปตลอดชีวิต ไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีการล้างประวัตินะครับ
Immigration ไม่ใช่ Omo นะครับ จะได้ซักล้างกันได้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราอุทรณ์เข้าไปแล้ว case เราจะได้วีซ่ากลับคืนมา หรือวีซ่าเราจะผ่านนะครับ แต่ก็ case-by-case นะครับ
อยากให้ทุกคนใช้ชีวิต อยู่บนความเป็นจริง
Be realistic.
1. ถ้าไม่อุทรณ์ก็กลับบ้าน
2. ถ้าอุทรณ์ ก็อยู่แล้วก็สู้ case กันต่อไป หรือถ้าคิดว่ายังไงก็คงไม่ชนะ อย่างน้อยซื้อเวลาเพื่อเตรียมตัวกัน นั่น นี่ โน่น ก่อน ก็ดี เพราะบางคนยังไม่พร้อมที่จะกลับภายใน 28 หรือ 35 วัน
เอ๊ะ ถ้าเรารู้ทั้งรู้ว่าโอกาสที่จะผ่านมีน้อยมาก แล้วเราจะอุทรณ์ไปทำไม
เหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
1. บางคนมีธุรกิจที่นี่ ขอซื้อเวลาเพื่อสะสางอะไรบางอย่างก่อน
2. ต้องการอยู่กับแฟน เพื่อให้ครบ 12 เดือน เพื่อจะได้ทำ Partner Visa ต่อไป (de facto) หรือไม่ก็แต่งงานไปเลย
3. บางคนอยู่ที่นี่มานานแล้ว ยังไม่พร้อมที่จะกลับเมืองไทย ขอซื้อเวลาต่อออกไปอีกบ้างเล็กน้อย
4. เหตุผลส่วนตัว ก็อยากอยู่หนะ มีอะไรป๊ะ (แบบนี้ก็มี)
เอ๊ะ แล้วแบบไหนหละ ที่เราคิดว่าไม่มีทางสู้แน่นอน:
- วีซ่าโดนยกเลิก เพราะไม่ไปเรียน ทำงานเพลินหาเงิน เราเข้าใจนะครับ ชีวิตแต่ละคน เกิดมาไม่เหมือนกัน...please don't judge!!
- วีซ่านักเรียน ที่ต่อแล้วต่ออีก มา 7-8 ปีแล้ว คงจะต้องถึงเวลาที่จะหมดอาชีพการเป็นนักเรียนเสียที
- visa subclass 457, stage 3 ที่ stage 2 ไม่ผ่าน หรือยื่นอุทรณ์ไปแล้วของ stage 2 ก็ไม่ผ่าน ดังนั้น stage 3 ก็ต้องไม่ผ่านไปด้วย automatic (ภาษาทางกฎหมาย เราเรียกว่า natural justice จ๊ะ)
- ...etc...
เอ๊ะ แล้วแบบนี้อุทรณ์ไปแล้ว case ของเราจะผ่านมั้ย
มันก็ต้องมีการไปแก้เกมส์กันที่ AAT หรือศาลอุทรณ์
มันก็ขึ้นอยู่กับการ present case, present ข้อมูล หาเหตุผลและข้ออ้าง มาโน้มน้าวจิตใจได้อย่างไร
และก็การเขียน submission เข้าไป
AAT จะมี email มาบอกให้เตรียมตัวประมาณ 1 เดือนก่อนที่จะไปขึ้นศาลนะครับ ดังนั้น คนที่อุทรณ์ไปแล้ว รับรองเรามีเวลาเหลือเฝือในการเตรียมตัวและเตรียม case
สำหรับ case ที่จะสู้นะ
แต่ถ้า case ที่อุทรณ์เพื่อซื้อเวลาเฉย ๆ ก็ไม่ต้องทำอะไร เพราะเราคงผิดจริง (โดดเรียนจริง เรียนมานานจริง นั่น นี่ โน่น)
ก็ถือว่าเป็นการซื้อเวลาเพื่อจัดการชีวิตดังที่เรากล่าวไปแล้วเบื้องต้นละกัน
ระยะเวลาที่สามารถซื้อได้ก็คือ:
Bridging Visa: 12 วันวีซ่าท่องเที่ยว: 129 วัน
วีซ่านักเรียนที่ไม่ผ่าน: 203 วัน
วีซ่าทำงาน subclass 457: 270 วัน
วีซ่าธุรกิจ: 346 วัน
Skilled Migrant: 312 วัน
Partner Visa: 345 วัน
Family visa: 406 วัน
วีซ่านักเรียนที่ถูกยกเลิก: 144 วัน
Business Sponsor/Nomination, subclass 457, 186, 187: 307 วัน
วีซ่าผู้ลี้ภัย: 400 วัน
อื่นๆ: 103 วัน
อุทรณ์หรือไม่อุทรณ์ ชีวิตเป็นของเรานะครับ
ชอบแบบไหน ก็เลือกเอาแบบนั้น
ไม่ต้องให้ใครมาตัดสินใจแทนเรา
ชีวิตเรา เราต้องเลือกที่จะดำเนินชีวิตเองนะครับ
ขอให้รู้เท่าทันเป็นพอ
Knowledge is king.
No comments:
Post a Comment