ให้คำปรึกษาและบริการทางด้านกฎหมายอิมมิเกรชั่น และวีซ่าออสเตรเลีย
Facebook page: J Migration Team วีซ่าออสเตรเลีย
John Paopeng จอห์น เผ่าเพ็ง
Registered Migration Agent (MARN: 0851174)
Wollongong, Sydney, Melbourne, Brisbane, Gold Coast, Adelaide, Canberra.
email: jpp168.immi@outlook.com
PO Box 5399, Wollongong, NSW 2520
Monday, December 20, 2021
Partner Visa: quote ราคา
Partner Visa, ราคาค่าบริการ professional service fee (no refund) ของเรา แต่ละ case ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ความยากง่าย
แล้วแค่คดีและประวัติอาชญกรรมของคนสมัครหรือคนสปอนเซอร์
เพราะคนที่เข้ามาหาเรามีผ่านโลกอันโชกโชนมาแล้วทั้งนั้น
เพราะที่ case ง่าย ๆ เขาก็ทำกันเองอยู่แล้ว
เราจะไม่ quote ราคาของเราจนกว่าเราได้เห็น police check ของทั้งคนสมัครและคนสปอนเซอร์
เรามี 8 คำถามส่งให้ potential ลูกค้าเสมอ
8 คำถามนั้นต้องตอบมาก่อนครับ เราถึงจะ quote ราคาให้ได้
เราไม่ quote ราคาอะไรจากปากเปล่า
เพราะเราเคยโดนมาแล้วที่บอกว่าตัวเองไม่มีคดี ไม่มีประวัติอาชญกรรม
แต่พอทำ police check ออกมาแล้วมี criminal record 2 หน้ากระดาษ A4 ซึ่งเราคิดว่ามันไม่แฟร์กับเราและทีมงาน เพราะคนสมัครหรือคนสปอนเซอร์ที่มี criminal record ความยากมันยากมากถึงมากที่สุด มันต้อง spend time ในการทำ case แล้วเราก็ไม่เคย charge ลูกค้าเพิ่มกับเวลาที่เราต้อง spend เพิ่มเข้าไป บริษัทเราไม่ค่อย charge อะไรหยุมหยิม ปวดหัว เรา charge เป็น case เป็น package ไปเลย
ใครที่สนใจทำ case กับเราก็ทำ police check เอาไว้เลยครับ
1 ใน 8 คำถามที่เราส่งไป ก็จะมีการบอกการทำ police check ด้วย
ถ้าทำไม่ได้ก็บอกเรา เราก็จะมี video clip การทำ police check ด้วย ง่าย ๆ ไม่ยาก
บริษัทของเราทำงานเป็นแบบนี้ครับ
ที่อื่นทำแบบไหน เราไม่รู้
แต่เราสะดวกแบบนี้
#JMigrationTeam
#MARN0851174
Sunday, December 19, 2021
Student Visa offshore; same-sex
"น้องอีกไม่นาน" กับ "น้องนานแค่ไหน" เป็นคู่รักเพศเดียวกัน
ตอนนี้น้องอยู่เมืองไทยด้วยกันทั้งคู่
น้องทั้งสองต้องการทำขอวีซ่านักเรียนและก็ทำเรื่องมาพร้อมกัน ไม่อยากแยกกันมา ไม่อยากอยู่แยกกัน
เนื่องด้วยเมืองไทย คู่รักเพศเดียวกันยังไม่สามารถแต่งงานกันได้ แต่เราก็สามารถยื่นมาด้วยกันแบบ de facto ได้
เราแนะนำให้ "น้องอีกไม่นาน" และ "น้องนานแค่ไหน" ยื่นเรื่องพร้อมกัน ไม่ต้องยื่นแยกหลายที ปวดหัว แต่น้องทั้งสองต้องมีเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ว่าเป็น partner กันจริง ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจริง ไม่ใช่แค่แฟนจีบกันไปจีบกันมา
น้องทั้งสองจะต้องโชว์ว่าน้องทั้งสองมี commitment การใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ตกล่องปล่องชิ้น ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร
เอกสารร่วมกันที่น้องทั้งสอง "น้องอีกไมานาน" กับ "น้องนานแค่ไหน" ควรมีคือ:
- บัญชีคู่ที่เปิดร่วมกันเกิน 12 เดือน
- อยู่บ้านหลังเดียวกัน มีชื่อในทะเบียนบ้านเดียวกันเกิน 12 เดือน
- หรือถ้าอยู่ condo หรือเช่า condo ก็มีชื่อร่วมกัน ค่าน้ำ ค่าไฟ นั่น นี่ โน่น เกิน 12 เดือน บางคนอยู่หอด้วยกันช่วงที่เรียนด้วยกันเกิน 12 เดือนก็ใช้ได้ครับ
ก็แค่นี้แหละ หลักฐานในการแสดงความสัมพันธ์ของคู่รักเพศเดียวกัน สำหรับคู่ที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือแต่งงานกันไม่ได้นะครับ เพราะเมืองไทยยังแต่งงานแบบเพศเดียวกันไม่ได้ ล้าหลังไปนิสต์ อาจจะ busy ปลูกผักชีอยู่ หรือตัดสินใจอยู่ว่าจะขึ้นทางด่วนดีหรือไม่ หรือว่าจะเลี้ยงไก่ 2 ไว้กินไข่ดี อย่าเพิ่งฆ่าไก่
anyway, ไม่ว่าจะอะไร ยังไง ก็ตามแต่ เราขอเอาใจช่วยทุกคนจ๊ะ
ขอให้ไปให้ถึงฝั่งฝัน
วีซ่านักเรียน ถ้าทำเรื่อง เราก็แนะนำให้ทำเรื่องมาพร้อมกันเลยครับ ไม่ต้องแยกกันมา ขี้เกียจยื่นเรื่องหลายรอบ ทำทีเดียวให้มันจบ ๆ ไปเลย และคู่รักก็จะไม่ได้แยกกันอยู่ด้วย
สู้ ๆ นะจ๊ะ "น้องอีกไม่นาน" กับ "น้องนานแค่ไหน"
Friday, December 10, 2021
Partner Visa; Domestic Violence จักรวาลนฤมิต
Sunday, December 5, 2021
Skill Assessment: Restaurant Manager
2. Advanced diploma in Management
3. Advanced diploma in Marketing and Communication
4. Master of Professional Accounting หรือแม้แต่
Friday, December 3, 2021
Bridging Visa E
Bridging Visa E นั้นเป็น Bridging Visa อีก Bridging Visa ที่มีประโยชน์ต่อสถานะภาพของเรา
ในกรณีที่ทางอิมมิเกรชั่นมีการเข้าไปจับคนที่ไม่มีวีซ่า คนที่อยู่แบบผิดกฏหมาย ปกติทางอิมมิเกรชั่นก็จะออก Bridging Visa E ให้ได้เลยทันที เราไม่ต้องไปขอที่อิมมิเกรชั่น เจ้าหน้าที่ที่ทำการจับเรา สามารถออก Bridging Visa E ได้เลยตอนนั้น ถ้าเขามีคอมพิวเตอร์นะ หรือไม่เขาก็ต้องโทรเข้ามาที่อิมมิเกรชั่น) แล้วก็เราจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน หรือเก็บข้าวของกลับประเทศ คืออย่างน้อย เราก็ถือวีซ่าอะไรสักอย่าง ไม่ได้วีซ่าขาดแล้ว เพราะคนต่างด้าวทุกคนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียต้องมีวีซ่าอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะถ้าไม่มีวีซ่า ถือว่าอยู่แบบผิดกฏหมาย
อย่างน้อยถ้าเจ้าหน้าที่ออก Bridging Visa E ให้เรา ณ ตอนนั้น อย่างน้อยก็ถือว่าเราถือวีซ่า อย่างใดอย่างหนึ่งละ ไม่ได้อยู่อย่างผิดกฏหมาย ไม่มีวีซ่า หรือวีซ่าขาด
และอีกอย่างก็คือ ถ้าเราได้ Bridging Visa E แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องโดนจับไปที่ศูนย์กักกัน พราะถ้าเราโดนจับไปที่ศูนย์กักกัน มันก็จะมีค่าใช้จ่ายมีเพิ่มเข้ามา ที่รัฐบาลของออสเตรเลียจะต้องออกจ่ายไปก่อน แล้วค่อยมาเก็บกับรัฐบาลไทยทีหลัง ซึ่งเสียทั้งเวลาและเป็นภาระของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายเปล่า ๆ
ข้อดีของการได้ Bridging Visa E ก็คืออย่างน้อยเวลาได้ Bridging Visa E เราก็ยังสามารถอยู่บ้านไม่ต้องโดนกักกัน ได้เก็บข้าวเก็บของ เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากมาย
Bridging Visa E:
1. ถ้าเราทำผิดวีซ่า condition แล้วโดนยกเลิกวีซ่า แต่เราก็ยังสามารถถือ Bridging Visa E เพื่ออยู่รอผลวีซ่าตัวใหม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น วีซ่านักเรียน ทำเรื่องวีซ่าแต่งงาน แล้วไม่อยากไปเรียน เมื่อเราปล่อยให้โรงเรียนแจ้งอิมมิเกรชั่น แล้วยกเลิกวีซ่าเราไปเลย แล้วเราก็ทำเรื่องขอ Bridging Visa E เพื่อที่จะอยู่รอวีซ่าแต่งงานของเราได้ ไม่มีปัญหาอะไร ประหยัดตังค์ ไม่ต้องไปเรียนก็ได้
2. ถ้าเราวีซ่าขาด ถ้าเราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เราอยากจะกลับเมืองไทยแล้ว เราก็สามารถทำได้ด้วยการไปทำเรื่องขอ Bridging Visa E ที่อิมมิเกรชั่นที่ใหนก็ได้ พอเราได้ Bridging Visa E เราก็สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ซื้อตั๋วกลับประเทศไทยได้เลย
คือถ้าเราวีซ่าขาด ถ้าอยู่มาวันหนึ่งอยากจะกลับประเทศไทย ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆแล้วไปซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่สนามบินนะครับ จริง ๆ แล้วก็ทำได้ แต่ก็จะกลายเป็นเรื่อง เพราะเราไม่มีวีซ่า เดี๋ยวเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นก็ต้องมาสัมภาษณ์ นั่น นี่ โน่น ดีไม่ดีอาจจะไม่ทันขึ้นเครื่องก็ได้ วีธีที่ดีที่สุดก็คือไปขอ Bridging Visa E ก่อน แล้วค่อยไปซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทย แบบนั้นจะได้ไม่มีปัญหาที่สนามบิน จะได้เดินทางออกได้เลย เดินทางด้วยความราบรื่น
3. ถ้าวีซ่าปัจจุบันเรามีปัญหา จะด้วยอะไรก็ตามแต่แล้วยื่นเรื่องอุทรณ์ AAT (Administrative Appeals Tribunal) ไม่ทัน ปกติแล้ว case officer ก็จะไม่ใจร้ายเท่าไหร่ เราก็จขอ Bridging Visa E ได้ เพราะขอฟรี ทางเจ้าหน้าที่หรือ case officer จะออก Bridging Visa E ให้เราก็ต่อเมื่อ เรารู้ว่าเราจะยื่นวีซ่าตัวใหม่ภายใน 3-5 วัน
โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า Bridging Visa E เป็น Bridging Visa อีกตัวหนึ่งที่ทำประโยชน์ได้หลายอย่างนะครับ จะคิดจะทำอะไรจะได้มีทางหนีทีไล่ได้ ก็ลองไปศึกษากันดู
Bridging Visa C
Bridging Visa C มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือ:
ข้อเสียคือ:
เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ ไม่เหมือน Bridging Visa A ที่สามารถขอเป็น Bridging Visa B ทำเรื่องเดินทางออกนอกประเทศได้ Bridging Visa C ถ้าออกไปแล้วก็ออกไปเลย
จริง ๆ แล้ว เราคิดว่า ข้อดีมันมากกว่าข้อเสีย
ก็เราวีซ่าขาดมาตั้งนานสองนาน เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าออกไปก็โดน exclusion อีก คือเข้ามาอีกไม่ได้กี่ปี ๆ ก็ว่าไป ถ้าเราได้ Bridging Visa C แล้วเดินทางออกไปนอกประเทศไม่ได้ ก็ไม่เห็นเป็นไรหนิ อยู่ถือ Bridging Visa C เพื่อรอผลวีซ่าตัวใหม่ออก รออีกนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป