Friday, December 3, 2021

Bridging Visa E

Bridging Visa E ก็เป็นอีก Bridging Visa หนึ่งที่เราคิดว่าคนไทยน่าจะรู้กันไว้ ไม่ต้องไป worries เรื่อง Bridging Visa D หรือ Bridging Visa F เพราะโอกาสที่เราจะได้ใช้ Bridging Visa พวกนั้นมีน้อยมาก (D กับ F)

Bridging Visa E นั้นเป็น Bridging Visa อีก Bridging Visa ที่มีประโยชน์ต่อสถานะภาพของเรา  

Bridging Visa E มีไว้สำหรับคนวีซ่าขาดเท่านั้น ก็คือประมาณว่าแทนที่เราจะอยู่วีซ่าขาด ผิดกฏหมาย เราก็ทำเรื่องขอ Bridging Visa E ได้ อย่างน้อยก็จะได้มีวีซ่าถูกต้อง ไม่โดนจับ ไม่ต้องเข้าไปอยู่ศูนย์กักกัน detention centre


ในกรณีที่ทางอิมมิเกรชั่นมีการเข้าไปจับคนที่ไม่มีวีซ่า คนที่อยู่แบบผิดกฏหมาย ปกติทางอิมมิเกรชั่นก็จะออก Bridging Visa E ให้ได้เลยทันที เราไม่ต้องไปขอที่อิมมิเกรชั่น เจ้าหน้าที่ที่ทำการจับเรา สามารถออก Bridging Visa E ได้เลยตอนนั้น (ถ้าเค๊ามีคอมพิวเตอร์นะ หรือไม่เค๊าก็ต้องโทรเข้ามาที่อิมมิเกรชั่น) แล้วก็เราจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน หรือเก็บข้าวของกลับประเทศ คืออย่างน้อย เราก็ถือวีซ่าอะไรสักอย่าง ไม่ได้วีซ่าขาดแล้ว เพราะคนต่างด้าวทุกคนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียต้องมีวีซ่าอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะถ้าไม่มีวีซ่า ถือว่าอยู่แบบผิดกฏหมาย


อย่างน้อยถ้าเจ้าหน้าที่ออก Bridging Visa E ให้เรา ณ ตอนนั้น อย่างน้อยก็ถือว่าเราถือวีซ่า อย่างใดอย่างหนึ่งละ ไม่ได้อยู่อย่างผิดกฏหมาย ไม่มีวีซ่า หรือวีซ่าขาด


และอีกอย่างก็คือ ถ้าเราได้ Bridging Visa E แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องโดนจับไปที่ศูนย์กักกัน พราะถ้าเราโดนจับไปที่ศูนย์กักกัน มันก็จะมีค่าใช้จ่ายมีเพิ่มเข้ามา ที่รัฐบาลของออสเตรเลียจะต้องออกจ่ายไปก่อน แล้วค่อยมาเก็บกับรัฐบาลไทยทีหลัง ซึ่งเสียทั้งเวลาและเป็นภาระของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายเปล่าๆ


ข้อดีของการได้ Bridging Visa E ก็คืออย่างน้อยเวลาได้ Bridging Visa E เราก็ยังสามารถอยู่บ้านไม่ต้องโดนกักกัน ได้เก็บข้าวเก็บของ เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากมาย 

สำหรับคนที่ต้องการอยู่ต่อเพื่อเก็บเอกสารร่วมกันกับแฟน เพื่อเตรียมตัวทำ Partner Visa ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ใช้เวลาในช่วงที่ถือ Bridging Visa E นี้ในการเก็บเอกสาร

Bridging Visa E:

1. ถ้าเราทำผิดวีซ่า condition แล้วโดนยกเลิกวีซ่า แต่เราก็ยังสามารถถือ Bridging Visa E เพื่ออยู่รอผลวีซ่าตัวใหม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น วีซ่านักเรียน ทำเรื่องวีซ่าแต่งงาน แล้วไม่อยากไปเรียน เมื่อเราปล่อยให้โรงเรียนแจ้งอิมมิเกรชั่น แล้วยกเลิกวีซ่าเราไปเลย แล้วเราก็ทำเรื่องขอ Bridging Visa E เพื่อที่จะอยู่รอวีซ่าแต่งงานของเราได้ ไม่มีปัญหาอะไร ประหยัดตังค์ ไม่ต้องไปเรียนก็ได้


2. ถ้าเราวีซ่าขาด ถ้าเราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เราอยากจะกลับเมืองไทยแล้ว เราก็สามารถทำได้ด้วยการไปทำเรื่องขอ Bridging Visa E ที่อิมมิเกรชั่นที่ใหนก็ได้ พอเราได้ Bridging Visa E เราก็สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ซื้อตั๋วกลับประเทศไทยได้เลย


คือถ้าเราวีซ่าขาด ถ้าอยู่มาวันหนึ่งอยากจะกลับประเทศไทย ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆแล้วไปซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่สนามบินนะครับ จริง ๆ แล้วก็ทำได้ แต่ก็จะกลายเป็นเรื่องฮูฮา เพราะเราไม่มีวีซ่า เดี๋ยวเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นก็ต้องมาสัมภาษณ์ นั่น นี่ โน่น ดีไม่ดีอาจจะไม่ทันขึ้นเครื่องก็ได้ วีธีที่ดีที่สุดก็คือไปขอ Bridging Visa E ก่อน แล้วค่อยไปซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทย แบบนั้นจะได้ไม่มีปัญหาที่สนามบิน จะได้เดินทางออกได้เลย เดินทางด้วยความราบรื่น


3. ถ้าวีซ่าปัจจุบันเรามีปัญหา จะด้วยอะไรก็ตามแต่แล้วยื่นเรื่องอุทรณ์ AAT (Administrative Appeals Tribunal) ไม่ทัน ปกติแล้ว case officer ก็จะไม่ใจร้ายเท่าไหร่ เราก็จขอ Bridging Visa E ได้ เพราะขอฟรี ทางเจ้าหน้าที่หรือ case officer จะออก Bridging Visa E ให้เราก็ต่อเมื่อ เรารู้ว่าเราจะยื่นวีซ่าตัวใหม่ภายใน 3-5 วัน 

สรุปคือถ้าอิมมิเกรชั่นให้ Bridging Visa E เรามา เราก็รีบรับเลยละกัน ดีกว่าอยู่แบบวีซ่าขาด พอได้ Bridging Visa E เราก็ค่อยทำเรื่องขอวีซ่าตัวใหม่ หาทางขยับขยายกันต่อไป แต่เราก็ต้องดูด้วยว่า Bridging Visa E สามารถสมัครวีซ่าตัวไหนต่อได้บ้าง หรือสมัครตัวไหนไม่ได้ ไม่ใช่เอะอะคิดอะไรไม่ออกก็ขอ Bridging Visa E 


โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า Bridging Visa E เป็น Bridging Visa อีกตัวหนึ่งที่ทำประโยชน์ได้หลายอย่างนะครับ จะคิดจะทำอะไรจะได้มีทางหนีที่ไล่ได้ ก็ลองไปศึกษากันดู

No comments:

Post a Comment