ยื่นเรื่องอยู่บนอากาศ

"ยื่นเรื่องอยู่บนอากาศ"

เมื่อวาน...

พี่ "someone" ถือ Bridging A จาก AAT (เราไม่ได้เป็นคนทำให้)

พี่เขาต้องการทำเรื่อง Partner Visa

พี่เขาต้องบินออกไปยื่น offshore เป็น Subclass 309

พี่เขายื่น onshore ไม่ได้ เพราะติด section 48 bar จากการถูกปฏิเสธวีซ่ามาก่อน (AAT)

1. เราทำ Bridging Visa B ให้พี่เขา; $182

2. พี่เขาบินออกนอกประเทศเมื่อวาน ทันทีที่พี่เขารูด passport ที่สนามบิน ก็ถือว่าพี่เขาออกไป offshore แล้ว

3.เรากับทีมงานก็เริ่มทำเรื่องให้พี่เขาเลยทันที ในขณะที่พี่เขาอยู่บนอากาศ

4. เรา submit เรื่องให้พี่เขา ในระหว่างที่พี่เขาอยู่บนอากาศ 

5. เมื่อพี่เขา touch down ก็ได้รับ email จากเรารัว ๆ ว่าต้องไปทำอะไรบ้าง หลังจากนี้

6. พี่เขาสามารถกลับเข้ามาด้วย Bridging Visa B แล้วรอเรื่องในประเทศ เพราะยังมีเรื่องอยู่ที่ AAT

7. พี่เขาน่าจะได้ TR หรือวีซ่าผ่าน ก่อนที่ AAT จะเรียก :)

...จบข่าว...

Skill Assessment: Chef (VETASSESS)

Skill Assessment: Chef (VETASSESS):

อันนี้ของ VETASSESS นะครับ ไม่เกี่ยวกับ JRP; Job Ready Program

1. ประสบการณ์ในการทำงาน 3 ปี full-time, ช่วงที่ทำ part-time ก็นับได้ครึ่งหนึ่ง

2. ต้องมีประสบการณ์ครบก่อน ถึงจะทำ Skill Assessment ได้

3. ประสบการณ์จากที่ไหนก็ได้ ประเทศไหนก็ได้ หรือช่วงที่ถือวีซ่าอะไรก็ได้ เอามารวม ๆ กันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านที่เราจะทำเรื่องด้วย

4. Skill Assessment นี้เอาไปทำเรื่องกับร้านไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ทำเรื่องเฉพาะกับร้านที่เราทำงานด้วย ณ ปัจจุบัน

5. เอกสารค่อนข้าง strict, หลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีหรือการจ่ายค่าแรงต้องมี ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถทำ Skill Assessment ได้

6. Resume ต้อง specify มาด้วยว่าทำงานช่วงไหน full-time, ช่วงไหน part-time

7. จดหมายผ่านงาน ถ้าเป็นลูกค้าของ "J Migration Team" ต้องใช้ template ที่เราให้ไปเท่านั้น

Copyright: ถ้าจะแชร์ ให้แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่ copy & paste, ไม่ screen capture

ร้านของครอบครัว; Subclass 485, Subclass 482, Subclass 494

Subclass 485; ทำที่ร้านของครอบครัวได้

Subclass 482 หรือ Subclass 494; ทำกับร้านของครอบครัวไม่ได้

"ครอบครัว" ในที่นี่หมายถึงอะไรที่ค่อนข้าง direct blood:
- พ่อ แม่ รวมไปถึง parents-in-law
- พี่ น้อง

ญาติ ๆ หนะพอได้ ถ้าคนละนามสกุลจะดีมากเลยครับ

Subclass 851; Resolution of Status

Subclass 851; Resolution of Status คือ PR นะครับ
เมื่อเราได้ PR แล้วเราก็สามารถทำอะไรเหมือนที่ PR ทั่ว ๆ ไปทำได้

พอได้ PR แล้ว ก็สามารถทำเรื่องให้แฟนได้
Partner Visa; Subclass 820/801 หรือ Subclass 309/100

1. Subclass 790 Safe Haven Enterprise visa (SHEV) ไม่สามารถทำเรื่องให้แฟนได้ (ที่คบกันหลังได้ SHEV)

2. SHEV สามารถทำเรื่องให้ได้เฉพาะลูก

3. Subclass 851; Resolution of Status สามารถทำเรื่องให้แฟนได้

Chef: Skill Assessment

Chef: Skill Assessment

1. Chef, Skill Assessment จาก VETASSESS ที่ทำ Subclass 482, Subclass 494, Subclass 186

Stage 2: Technical Interview เราต้องไปที่ศูนย์สัมภาษณ์ เป็นการสัมภาษณ์กันแบบ face-to-face 

สัมภาษณ์ คือการถามมาตอบไป

ไม่มีการสอบอะไร ใด ๆ

2. Chef, Skill Assessment แบบ JRP (Job Ready Program) จาก TRA (Trade Recognition Australia) ที่ใช้ทำ Skilled Migrant; Subclass 189, Subclass 190, Subclass 491 

การสัมภาษณ์ จะเป็นการมาตรวจและดูงานที่ร้านที่เราทำงานอยู่

 Skill Assessment ทั้ง 2 แบบไม่เหมือนกัน

โปรดแยกกันให้ออก

เลือกใช้บริการกับทีมงานที่เราไว้ใจนะครับ

Paper-based application: Subclass 445, Subclass 101, Subclass 801

Paper-based application; Subclass 445; Dependent Child visa, Subclass 101; Child Visa (offshore) หรือ Subclass 801; Child Visa (onshore).

ต่อให้คนสมัครเป็นพี่น้องกัน ยื่นพร้อมกัน 

เราก็ส่งแยกซองนะครับ ไม่งั้น case officer สับสน

ไม่รู้ที่อื่นเขาทำแบบไหนกัน

แต่ของเราสะดวกแบบนี้ 

ก็แยกเป็นคน ๆ เป็นเรื่อง ๆ ไป :)

Subclass 408; Covid Visa Stream: 31 January 2024

Subclass 408; COVID Visa Stream ยังคงสามารถยื่นได้ถึง 31 January 2024 และจะได้วีซ่าแค่ 6 เดือนเท่านั้น

คนที่ยังสามารถยื่นได้คือ:

- คนที่ถือ COVID Visa อยู่แล้ว ณ ปัจจุบัน

- Covid Visa จะหมดภายใน 28 วัน

Subclass 408; COVID Visa Stream:

- ไม่ได้มีผลเสียอะไรต่อประวัติของเรา เพราะมันคือวีซ่าพิเศษที่ถูกออกมาแบบเพื่อช่วยเหลือคนในสถานการณ์ COVID

- สามารถต่อวีซ่าอะไรก็ได้ หลังจากนั้น ก็ต้องดูว่าเราต้องการจะต่อวีซ่าอะไร คุณสมบัติเราครบหรือเปล่า

Child Visa; 18 and over

Child Visa ไม่ว่าจะ Subclass 101 (offshore) หรือ Subclass 801 (onshore)
คนสมัครถ้าอายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องเรียน full-time นะครับ
ห้ามหยุดเรียนเกิน 6 เดือน


ถ้าไม่เรียน full-time ก็ต้องเป็นบุคคลที่มีความทุพพลภาพ ที่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคุณพ่อหรือคุณแม่ คนสปอนเซอร์

ลูก 10 ขวบ; ทำเรื่องให้กับคุณพ่อคุณแม่

"ลูก 10 ขวบ"

1. ลูกได้ citizen

2. ลูกสปอนเซอร์พ่อ/แม่ (รอ 4.5 - 5 ปี ถ้าพ่อแม่อายุต่ำกว่า 66.5 ปี) 

3. พ่อแม่จะได้ PR ไม่ใช่ citizen 

ทุกอย่างมีทางออก 

ปรึกษาถูกที่ มีชัยไปกว่าครึ่ง

Subclass 790; Safe Haven Enterprise Visa (SHEV)

สำหรับคนที่หนีสงครามหรือลี้ภัยมาทางเรือ

ช่วงที่ Toby Abbot จากพรรค Liberal เป็นนายกรัฐมนตรี เขาก็มีนโยบาย "Stop The Boat" ซึ่งก็คือ ใครเดินทางลี้ภัยมาทางเรือ จะไม่สามารถขอ PR (Permanent Resident) ได้

เหตุผลหลักของนโยบาย Stop The Boat ก็คือ:

- ไม่ปลอดภัย คนเสียชีวิตกลางทะเลเยอะ

- เกิดการค้ามนุษย์กันจากฝรั่งอินโดนีเซีย (คนขึ้นเรือมาจากฝั่งโน้น)

- ใครอยากลี้ภัย ก็เข้าคิวรอที่ศูนย์ลี้ภัย แล้วทำเรื่อง offshore ผ่าน UNHCR

ตอนนี้รัฐบาลของออสเตรเลียคือพรรค Labour

รัฐบาลเปลี่ยน นโยบายเปลี่ยน

คนที่เข้าประเทศทางเรือ ที่ได้ TPV หรือ SHEV ตอนนี้ขอ PR ได้แล้วนะครับ

ขอฟรี

เป็น Subclass 851; Resolution of Status

พอได้ PR แล้ว ก็สามารถทำเรื่องให้แฟนได้นะครับ

แฟนก็จะได้ PR

เพราะ SHEV ไม่สามารถทำเรื่องให้แฟนได้ (ที่คบกันหลังได้ SHEV)

SHEV สามารถทำเรื่องให้ได้เฉพาะลูก

เรียนอะไรวน loop อยู่ที่เดิมสายบริหาร

เราไม่ได้ดูแคลนการเรียนการสอนของสายบริหารหรืออะไร ใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ

แต่ถ้าจะเรียนก็เลือกเรียนอย่างใดอย่างหนึ่ง เรียนเสร็จแล้วต้อง move on ไปเรียนอย่างอื่น หรือเรียนอะไรที่มันสูงขึ้นไป

ไม่ใช่เรียนวน loop อะไรเดิม ๆ

ชื่อ course เปลี่ยน แต่เอาจริง ๆ นะครับ เนื้อหามันจะต่างกันซักเท่าไหร่กันเชียว

Diploma of Business Administration,

Advanced Diploma of Business

Certificate IV in Marketing and Communication

Diploma of Marketing and Communication

Advanced Diploma of Marketing and Communication

Diploma of Leadership and Management

Certificate IV in Human Resource Management

Diploma of Human Resource Management

หรืออะไรทำนองนี้

hmmmm... จะเรียนวน ๆ กันอยู่แบบนี้ไม่ได้นะครับ

เนื้อหามันจะแตกต่างกันซักเท่าไหร่เชียว

Once again, เราไม่ได้ดูแคลน course ที่หลาย ๆ คนเลือกเรียนหรืออะไรทั้งสิ้น เราก็เขียนไปตามเนื้อผ้า

เราเห็น refusal letters หลาย ๆ อันที่ส่งเข้ามา

ก็ไม่แปลกใจเลยครับ

ถ้าเราเป็น case officer เราก็จะ refuse เหมือนกันครับ

เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร

แต่เราคิดของเราแบบนี้

Note: P' J เองก็เรียนสายบริหารในระดับปริญญาโทครับที่ USQ ถึงกล้าบอกว่า แต่ละวิชามันก็จะคล้าย ๆ กันนั่นแหละ เพราะเคยเรียนทางด้านนี้มาแล้ว

เหตุเกิดที่ clinic หมอฟัน

เหตุเกิดที่ clinic หมอฟันแห่งหนึ่ง

ในระหว่างที่ P' J นั่งรออยู่ตรงด้านนอก แถว ๆ counter

ก็มีฝรั่งเดินมาร่อนส่ง resume

ดู ๆ แล้วน่าจะเป็นเด็ก Uni หางานพิเศษทำ

reception บอกว่าตำแหน่งเต็ม

clinic ไม่ได้เปิดรับพนักงาน

ดูเหมือนฝรั่งเอง ก็หางานยากนะครับตอนนี้

นับประสาอะไรกับคนที่มาแบบภาษาก็ไม่ค่อยได้เท่าไหร่อย่างเด็ก overseas

ใครที่คิดจะมาขุดทองเหมือนช่วง COVID

คิดให้ดี ๆ นะครับ

คำนวณเงินในกระเป๋าเผื่อเอาไว้ด้วย

ชีวิตอาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่ใคร ๆ เขาโปรโมทกัน

ความจริงไม่ได้มีแค่เพียงหนึ่งเดียว

วีซ่านักเรียน เมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด

วีซ่านักเรียน เมื่อมาถึงออสเตรเลียแล้ว หลาย ๆ อย่างอาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด มันขึ้นอยู่กับสื่อที่เราเสพ

1. เผื่อตังค์มาด้วย เผื่อมาที่ออสเตรเลียแล้วหางานทำไม่ได้

2. วีซ่านักเรียนต้องมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว แต่จะ claim คืนได้มากน้อยแค่ไหนนั้นเราไม่รู้ แล้วแต่ประกันที่เราซื้อ แล้วแต่บริษัทด้วย

3. ป่วยกายก็ต้องไปหาหมอ GP นะครับ อันนี้น่าจะ cover by health insurance หรือเปล่าไม่แน่ใจ

4. ป่วยใจ ต้องปรึกษา Psychiatrist นะครับ อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าประกันสุขภาพจะ cover ได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นกลับไปที่ข้อแรกนะครับ "เตรียมตังค์มาเยอะ ๆ" งานไม่ได้หาง่าย ๆ เหมือนช่วง COVID แล้ว สถานการณ์เปลี่ยนไปเยอะแล้วครับตอนนี้

5. วีซ่านักเรียน ต้องการเปลี่ยนเป็นวีซ่าทำงาน; Subclass 482 เราเคยโพสต์เรื่องคุณสมบัติทั้งของนายจ้างและลูกจ้างไปแล้ว ลองไล่อ่านดูใน blog นะครับ ถ้าคุณสมบัติไม่ครบ ก็ no choice... ก็ต้องถือวีซ่านักเรียนต่อไป ก็ต้องจ่ายค่าเทอมต่อไป กลับไปที่ข้อ 1 นะครับ "เตรียมตังค์มาเยอะ ๆ"

มีปัญหาชีวิต โทรไปที่ Life Line นะครับ 131114

24 hr

ขอล่ามได้

มีปัญหาเรื่อง Domestic Violence, โทร 1800 737732

24 hr

ขอล่ามได้

ชีวิตเมืองนอก ไม่ง่ายเลย จะบอกให้!!!

ความจริงไม่มีแค่เพียงหนึ่งเดียว