Thursday, November 28, 2024

ณ condo ที่กรุงเทพ

 

ไม่เกี่ยวกับวีซ่า


"ณ condo ที่กรุงเทพ"

ณ condo ที่กรุงเทพ ในระหว่างที่เรารอ Grab
ก็มีคนส่งของ นำของมาส่งตรง reception/security

ทุกคนพูดจาภาษาท้องถิ่น
ไม่ได้พูดภาษากลาง
ทุกคนที่ "ทุกคน" จริง ๆ แสดงว่าพวกเขาก็คงรู้จักกันแหละ คงมาบ่อย

ก็แสดงว่าพวกเขาเหล่านั้น เข้ามาในเมืองกรุง มาใช้ชีวิตทำมาหากิน

เราก็แอบคิดอะไรของเราไปเรื่อยเปื่อยว่า...

คงจะดีไม่น้อยนะ ถ้าพวกเขาเหล่านั้นสามารถทำมาหากินได้ที่บ้านเกิดตัวเอง
ไม่ต้องมากระจุกกันในเมืองกรุง

- รถติด
- อากาศเสีย
- สังคมแออัด แก่งแย่งแข่งขัน

สำหรับเรา ชีวิตเราค่อนข้างตกผลึกแล้วหละว่าเมืองกรุงคงไม่ตอบโจทย์ (P' J จะโยกย้ายไปเป็น "ผีตองเหลือง" ครับ ไปเรื่อย ๆ กระเป๋า handcarry 1 ใบ + Chromebook 1 เครื่อง ค่ำไหนนอนนั่น)

asset อะไรที่เรามีในเมืองกรุงก็คงจะขายออก

ตอนนี้เราก็รอแค่ให้ condo ที่เราซื้อมา รอให้ถึง 5 ปีแล้วค่อยขายออก จะได้ไม่ต้องเสียภาษีเยอะ
จาก 3 จะเก็บเอาไว้แค่ 1 ก็พอ และคงไม่เก็บสะสมอะไรเพิ่มอีก

เมืองกรุง
เอาเป็นแค่มาทำธุระนิดหน่อย แวะมาเที่ยวเล่นบ้างบางทีก็พอ

ลูกพี่ลูกน้องเราบางคนก็ทำกันแบบนั้นแล้ว จากแต่ก่อนเคยอู้ฟู้อยู่แถวชลบุรี มีร้านค้าเป็นของตัวเองเยอะแยะมากมายหลายร้านดักลูกค้าทุกหัวมุมตลาด แต่ต้องแลกมาด้วยอาการภูมิแพ้ของลูกชาย เพราะอากาศจากโรงงานในระแวกนั้น

ทุกวันนี้เขาขายกิจการทุกอย่างที่ชลบุรี
แล้วไปใช้ชีวิตอยู่ใกล้ธรรมชาติ ริมแม่น้ำ
มีร้านเล็ก ๆ 2 ร้าน และลูกก็หายจากการเป็นหืดเป็นหอบ

มันดีมากเลย

ชีวิตคนเรา บางทีมันก็มาถึงบริบทที่ว่า
อยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่

1. อยู่กับคนที่เรารักและรักเรา

2. "มีเงิน"

ลองหลีกหนีความวุ่นวาย สังคมแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น
แล้วไปใช้ชิวิตที่ต่างจังหวัด ต่างเมืองดูนะครับ มันมีความสุขมากเลย
ชีวิตเรียบง่าย

มันอาจจะตอบโจทย์ชีวิตเราก็ได้

ทำอะไรช้าลงหน่อยก็ได้
Smell the roses along the way.

"โยกย้าย" บางทีก็แค่ "ย้ายจังหวัด" นะครับ
ขอแค่ "มีเงิน"
อยู่ที่ไหนก็ได้
อยู่ในที่ที่อากาศดี
รถไม่ติด

...อะไรประมาณนี้... 💕💕💕

...เล่าสู่กันฟัง ไม่เกี่ยวกับวีซ่า... 💕💕💕

28/11/2024

Saturday, November 23, 2024

Work Reference; Subclass 482/494/186

Subclass 482/494/186:

1. ไม่มี work reference หรือจดหมายผ่านงานจากนายจ้าง ยื่นไม่ได้นะครับ

2. PAYG หรือ Income Statements อย่างเดียวไม่พอ เพราะเราไม่รู้ว่าตำแหน่งคุณคืออะไร และมันก็ไม่มี job description

3. พนักงานกับนายจ้าง ไม่ว่าจบกันด้วยดีหรือไม่ดี เวลาออกจากงาน เราต้องมีจดหมายผ่านงานครับ work reference สำคัญ

4. ร้านปิดไปแล้ว ก็สามารถให้นายจ้างหรือ HR (ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่และหาตัวเขาเจอ) เขียนจดหมายรับรองได้ครับว่าบุคคลคน ๆ นี้เคยทำงานในองค์กรนี้ ตำแหน่งนี้ job description นี้

Monday, November 18, 2024

Subclass 407; Training Visa (วีซ่าฝึกงาน)


Subclass 407; Training Visa (วีซ่าฝึกงาน)

วีซ่า subclass 407 เป็นวีซ่าสำหรับการฝึกงาน กับนายจ้างหรือองค์กรที่เขาต้องการจะ train เรา

มันก็เหมือนเป็นวีซ่าฝึกงานดี ๆ นี่เอง

วีซ่าตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับหลาย ๆ คน เพราะ requirement ของวีซ่าตัวนี้ไม่ได้ยากอะไรมากมาย แต่เราก็อยากจะให้ทุกคนเลือกวีซ่าตัวนี้ด้วยความระมัดระวัง

เพราะวีซ่าตัวนี้ไม่มีกฎหมายบังคับว่านายจ้างต้องจ่ายค่าแรงเราเท่าไหร่ เพราะนี่คือวีซ่าฝึกงานเท่านั้น

มันไม่ใช่วีซ่าทำงาน

ดังนั้นเราอาจจะได้วีซ่า 2 ปีก็จริง แต่ถ้าทำงานหรือฝึกงานโดยที่ไม่ได้ค่าแรงเลย เราจะกลายเป็น modern slaves หรือเปล่า

เราอยากจะให้ทุกคนคิดและไตร่ตรองให้ดี ๆ 

แต่ถ้าหากนายจ้างหรือองค์กรที่จะทำเรื่อง train หรือฝึกงานให้เรา มีการจ่ายค่าแรงที่ถูกต้อง นั่นก็ถือว่า OK

มันก็จะเป็นอะไรที่ Win-Win ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย

เพราะประสบการณ์การทำงานตอนที่ถือวีซ่า subclass 407, ถ้ามีการจ่ายค่าแรงอะไรที่ถูกต้อง และมีการเสียภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราก็สามารถนำเอาประสบการณ์การทำงานตรงจุดนี้มาต่อยอดในการทำวีซ่าตัวอื่น ๆ ได้ด้วย

วีซ่า subclass 407 ไม่ได้จำกัดอายุของคนสมัคร ขอให้อายุ 18 ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว

และภาษาอังกฤษเองก็ requires แค่ IELTS (general) overall 4.5
หรือถ้าเรียนพวก college หรือ TAFE full-time ที่ประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 1 ปี ก็สามารถเอามาเทียบเท่ากับ IELTS overall 4.5 ได้

subclass 407 เป็นวีซ่า 2 ปี

แต่ขอไป 2 ปีอาจจะได้มาแค่ 1 ปีก็มี หรือไม่ก็ refuse ไปเลย

เพราะ 407 เป็นวีซ่าฝึกงาน บางคนก็ประสบการณ์เยอะแล้ว มันไม่มีอะไรที่จะต้องมาฝึกกันแล้ว อย่างนี้เป็นต้น

และ Training Plan ก็เป็นอะไรที่ละเอียดมาก

ต้องเขียนอธิบายเป็นราย week เลยว่า แต่ละ week ต้อง train ต้องฝึกอะไรกันบ้าง

1 ปี มี 52 weeks ก็ต้องอธิบายว่า 52 weeks นั้นหนะ จะต้องฝึก จะต้อง train อะไรกัน

สุดท้ายแล้วใครจะเลือกวีซ่า subclass ตัวไหน
ทุกคนมีจุดประสงค์ในชีวิตที่แตกต่างกัน เราไม่ judge ใคร
ก็ชั่งใจให้ดี ๆ ซ้ายหรือขวา หน้าหรือหลัง

ไม่ว่าจะเลือก subclass ไหน เราก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

Note: เราเลิกทำ subclass 407 มาซักพักแล้ว 2019 ขอเอาเวลาไปทำอะไรอย่างอื่น

Visa Cancellation; เมื่อวีซ่าคุณถูกยกเลิก

Visa Cancellation; เมื่อวีซ่าคุณถูกยกเลิก:

1. ณ ตอนนี้ as of today คุณคือคนวีซ่าขาดครับ

2. วีซ่าขาด ไม่สามารถทำงานได้

3. เมื่อยื่น AAT ก็ต้องรอ case number

4. เมื่อได้ case number ถึงจะ Bridging Visa E ได้

5. เมื่อได้ Bridging Visa E ถึงจะขอ work right ได้

6. Bridging Visa E เดินทางออกนอกประเทศได้ แต่เข้าประเทศไม่ได้ จนกว่าวีซ่าจะผ่าน

follows visa conditions ของตัวเองนะครับ ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก!!!

Friday, November 15, 2024

Bridging Visa E; เอกสารสำหรับคนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ

 เอกสารสำหรับคนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ:

- passport
- Thai ID
- bill ที่มีที่อยู่เรา
- ที่อยู่
- เบอร์โทร
- air ticket สำหรับคนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ

Thursday, November 14, 2024

จดหมายลาออกจากงาน

"จดหมายลาออกจากงาน"

1. จดหมายลาออกจากงาน ต้องมาจากพนักงาน ไม่ใช่มาจากนายจ้าง

2. จดหมายที่มาจากนายจ้างคือ "termination of employment" ไม่ใช่จดหมายลาออกจากงาน มันคนละส่วนกัน

ลายเซ็นของเรา
อย่าเซ็นอะไรพร่ำเพรื่อ

3. แจ้งล่วงหน้ากี่วัน กี่อาทิตย์ ให้ดู contract of employment

4. นายจ้างยังคงต้องจ่ายแรงพนักงานที่ยังทำงานอยู่ใน contract และช่วงที่ลา annual leave

5. ช่วงที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าแรง อันนั้นคือ "leave without pay" คือช่วงที่เราลาเกิน

6. ถ้า takes annual leave, sick leave แล้วไม่ได้ค่าแรง เราแจ้ง FairWork ได้

7. จดหมายลาออก ไม่ต้องอธิบายเหตุและผลในการลาออก มันเป็นเรื่องของเรา เอาแต่เนื้อ น้ำไม่เอา บอกแค่ว่าแจ้งลาออกและยื่น notice วันนี้และวันสุดท้ายของการทำงานคือวันไหน แค่นี้เลยจริง ๆ

จดหมายลาออกของ P' J สมัยทำงานเป็นลูกจ้าง
P' J เขียนไม่น่าจะเกิน 3 บรรทัด อันนี้จากสัจจริง

FairWork ติดต่อ: 131394 💕💕💕

Wednesday, November 13, 2024

วีซ่า subclass 407; Training Visa



วีซ่า subclass 482 TSS; Temporary Skill Shortage Visa คือวีซ่าทำงานโดยที่มีนายจ้างสปอนเซอร์

แต่วีซ่า subclass 482 ก็เป็นอะไรที่มี requirement ที่ค่อนข้างยุ่งยาก (แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากมากจนเกินไปสำหรับหลาย ๆ คน) โดยเฉพาะให้เรื่องของ:
- ประสบการณ์การทำงาน
- skill assessment
- ผลสอบภาษาอังกฤษ

และอะไรอื่น ๆ อีกมากมาย

ก็เอาเป็นว่าแต่ละคนมีคุณสมบัติอะไรหลาย ๆ อย่างไม่เหมือนกัน
บางคนขอวีซ่า subclass 482 ได้ง่าย แต่บางคนขอได้ยาก

แล้วยิ่งวีซ่า subclass 482 ที่หลาย ๆ สาขาอาชีพที่ต้องมี Caveat หรือ special requirement เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ความซับซ้อนมันก็ยุ่งวุ่นวายไปอีก แล้วไหนจะ GTE สำหรับสาขาอาชีพที่อยู่ใน short-term list อีก ดูมันวุ่นวายไปหมด

วีซ่าในหมู่ตระกูลของ subclass 400s มันก็หลายวีซ่าด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น subclass 482, 407, 408 & 403...etc..etc..

เดี๋ยววันนี้เราขอ focus ไปที่วีซ่า subclass 407; Training Visa ก็แล้วกันนะครับ

วีซ่า subclass 407 เป็นวีซ่าสำหรับการฝึกงาน กับนายจ้างหรือองค์กรที่เขาต้องการจะ train เรา


วีซ่าตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับหลาย ๆ คน เพราะ requirement ของวีซ่าตัวนี้ไม่ได้ยากอะไรมากมาย แต่เราก็อยากจะให้ทุกคนเลือกวีซ่าตัวนี้ด้วยความระมัดระวัง

เพราะวีซ่าตัวนี้ไม่มีกฎหมายบังคับว่านายจ้างต้องจ่ายค่าแรงเราเท่าไหร่ เพราะนี่คือวีซ่าฝึกงานเท่านั้น

มันไม่ใช่วีซ่าทำงาน

ดังนั้นเราอาจจะได้วีซ่า 2 ปีก็จริง แต่ถ้าทำงานหรือฝึกงานโดยที่ไม่ได้ค่าแรงเลย เราจะกลายเป็น modern slaves หรือเปล่า

เราอยากจะให้ทุกคนคิดและไตร่ตรองให้ดี ๆ

ประสบการณ์การทำงานตอนที่ถือวีซ่า subclass 407, ถ้ามีการจ่ายค่าแรงอะไรที่ถูกต้อง และมีการเสียภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราก็สามารถนำเอาประสบการณ์การทำงานตรงจุดนี้มาต่อยอดในการทำวีซ่าตัวอื่น ๆ ได้ด้วย อย่างเช่น

- subclass 482 TSS
- subclass 186 ENS (PR)
- subclass 494 

พวก subclass เหล่านี้เราเคยเขียน blog ไปหมดแล้ว เขียนไปเยอะแล้ว
ลอง serch ดูใน blog ของเรานะครับที่ jpp168immi.blogspot.com


วีซ่า subclass 407 ไม่ได้จำกัดอายุของคนสมัคร ขอให้อายุ 18 ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว

และภาษาอังกฤษเองก็ requires แค่ IELTS (general) overall 4.5
หรือถ้าเรียนพวก college หรือ TAFE full-time ที่ประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 1  ปี ก็สามารถเอามาเทียบเท่ากับ IELTS overall 4.5 ได้

ถ้าใครเรียนระดับมัธยมไม่ว่าเป็นที่ประเทศออสเตรเลีย หรือเรียนเป็น internaltional school มาจากประเทศอื่น ก็สามารถนำเอามาเทียบเท่าได้เหมือนกัน แต่ต้องเรียน full-time 5 ปี

แต่ถ้าเป็นมัยธม + ประถม เรียนแค่ 3  ปีก็พอ (สื่อการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ เรียนแบบ face-to-face ตัวเป็น ๆ )

การที่เราจะขอวีซ่า subclass 407 เราก็ต้องมีนายจ้างหรือองค์กรที่ต้องการ sponsor เราก่อน ก็เหมือนการทำ nomination ของพวกวีซ่า subclass 482 TSS ซึ่งนายจ้างเองหรือองค์กรก็ต้องทำเรื่องเข้าไปเพื่อขอเป็นหน่วยงานที่สามารถทำเรื่องสปอนเซอร์คนด้วยวีซ่าตัวนี้ 

เรื่องการ nominate position เข้าไปก็ไม่แตกต่างอะไรจากพวกวีซ่า subclass 482, 186 & 494

ถ้าหากเราขอวีซ่าอะไรไม่ได้แล้ว คุณสมบัติไม่ครบ หรือว่าเรายังไม่พร้อมอะไรหลาย ๆ อย่าง มีอะไรก็คว้าเอาไว้ก่อน ก็คว้าวีซ่า subclass 407 มาก่อนก็ได้


วีซ่า subclass 407 มันก็ยังสามารถเป็น Pathway ไปทำอะไรอื่นได้อีกเยอะเหมือนกัน เพราะวีซ่าที่ได้มา 2 ปี อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 2 ปีนี้

ถ้าเดินไปข้างหน้า แล้วทางมันตัน
เราก็ลองถอยหลังออกมา 1 ก้าวดูนะครับ
แล้วลองมองหันซ้าย แลขวาดู ชีวิตมันอาจจะมีทางออกหรือทางเลือกอะไรอย่างอื่นด้วย

วีซ่าตัวนี้ก็สามารถทำเรื่องขอมาจากเมืองไทยได้ด้วยนะครับ สำหรับใครที่สนใจอยากจะมาลองทำงานกับนายจ้างก่อน 2 ปี 

หรือนายจ้างอยากจะให้เราทดลองทำงานกับเขาก่อน 2 ปีว่า OK มั้ย อยู่ด้วยกันได้มั้ย ทำงานด้วยกันได้มั้ย อะไรประมาณนี้

ก็ลองมองวีซ่า subclass 407 ตัวนี้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

1. เราเลิกทำ Subclass 407 ตั้งแต่ปี 2019 แล้ว เราไม่มีเวลาจริง ๆ ครับในการเขียน training plan ของ Stage 2; Nomination ใครจะทำวีซ่าตัวนี้ เราก็แนะนำให้ติดต่อบริษัทอื่นนะครับ เราไม่มีที่แนะนำ

2. ยื่น Subclass 407 แล้วไม่ผ่าน เราสามารถอุทธรณ์เรื่องเข้าไปที่ศาลอุทธรณ์ได้ (ART) แล้วก็จัดการชีวิตตัวเองให้เสร็จสรรพในระหว่างที่รอ ART; 1.5 - 2 ปี

Tuesday, November 12, 2024

Partner Visa; น้องเซียงเหมี่ยงกับน้องพอกะเทิน


"น้องเซียงเหมี่ยง"กับ "น้องพอกะเทิน" คู่รักเพศเดียวกัน แยกกันอยู่ คนหนึ่งอยู่เมืองไทย คนหนึ่งอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย

"คบกัน" มาหลายปี
ไป ๆ มา ๆ หาสู่กัน
แต่ไม่มีเอกสารร่วมกันเลย

คำว่า "คบกัน" ในที่นี่ต่อให้จะหลายปียังไงก็ตาม อิมมิเกรชั่นถือว่าเป็นช่วงเวลาของ "dating; จีบกันไปจีบกันมา"

ช่วงเวลาที่ "dating" จะไม่ถูกนับเอาไปรวมกับเวลาที่เป็น de facto กันนะครับ เพราะถือว่ายังไม่มี commitment ร่วมกัน

Commitment ร่วมกันควรมีดังต่อไปนี้ (คร่าว ๆ);  
- บัญชีคู่ร่วมกัน มีการจับจ่ายใช้สอยร่วมกัน
- มีทรัพย์สินร่วมกัน
- มีรายจ่ายร่วมกัน
- รู้จักครอบครัวของแต่ละฝ่าย (ไม่รู้จักไม่เป็นไร แต่ต้องอธิบายได้)

อะไรต่าง ๆ นานา แบบนี้เป็นต้น

อันนี่แค่คร่าว ๆ นะครับ

ที่เขียนมาทั้หมดก็แค่อยากจะบอกว่า ระยะเวลาที่ dating ไม่นับว่าเป็น commitment ร่วมกัน

ทะเบียนสมรส ต่อให้ตอนนี้เมืองไทยมีสมรสเท่านั้นเทียม
แต่ให้ทั้งคู่จดทะเบียนสมรส มันก็แค่ทำให้ทั้งสองสามารถยื่นเรื่องสมัครได้ แต่ปัจจัยที่วีซ่าจะผ่านนั้น ก็ต้องตามข้อมูลด้านบนเลย

อะไรประมาณนี้ 

Saturday, November 9, 2024

Bridging Visa B

"Bridging Visa B"

- เข้าออกประเทศออสเตรเลียกี่ครั้งก็ได้ (ไม่มีผลต่อวีซ่า) อยู่นอกประเทศนานแค่ไหนก็ได้ (ไม่มีผลต่อวีซ่า) จนกว่า Bridging Visa B จะ expire

- ถ้า Bridging Visa B expires แล้วก็ขอใหม่ได้เรื่อย ๆ ไม่จำกัด และไม่มีผลต่อวีซ่า

- Bridging Visa B อย่าเพิ่งซื้อตั๋วเดินทาง เผื่อ Bridging Visa B ออกไม่ทันด้วย ไม่อยากให้มานั่งเลื่อนตั๋วกัน เสียดายเงิน P' J ทำงานตรงนี้มา 16 ปีแล้วครับ และไม่เคยให้ลูกค้าซื้อตั๋วก่อนขอ Bridging Visa B แม้แต่ครั้งเดียว

- สำหรับใครที่มีคนชราหรือคนป่วยที่เมืองไทย ขอ Bridging Visa B เอาไว้เลยครับ มันไม่ได้แพงมาก จะเดินทางหรือเปล่าเราไม่รู้ แต่บางทีมีเหตุปัจจัยฉุกเฉินต้องบินไปบอกลาใครสักคน ลมหายใจเฮือกสุดท้าย เราก็จะได้สามารถซื้อตั๋วแล้วบินเลย จะมานั่งรอ Bridging Visa B 2-3 วัน สำหรับใครบางคน มันนานมากจริง ๆ

Thursday, November 7, 2024

ใบเกิด เปลี่ยนชื่อหรือไม่เปลี่ยนชื่อ


1. สำหรับคนที่ใบเกิดแล้วมีการขีดฆ่าชื่อเก่า แล้วเขียนชื่อใหม่ทับ นั่นแหละคือหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ


2. สำหรับคนที่ใบเกิดแล้วมีการสลักข้างหลังมา ว่าเปลี่ยนจากชื่อนั้น เป็นชื่อนี้ นั่นแหละคือหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ หรือบางคนก็เขียนไว้ที่ด้านล่างของใบเกิด ลองดูดี ๆ 


3. หรือบางคน ที่มีทะเบียนบ้านแบบสมัยเก่า แล้วมีการขีดฆ่าชื่อเก่า แล้วเขียนชื่อใหม่ทับ นั่นแหละคือหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ


สำหรับอิมมิเกรชั่นออสเตรเลียแล้ว เวลากรอกข้อมูลไม่ว่าจะเป็น online หรือ paper-based application เราต้อง list ชื่อหมดทุกชื่อตั้งแต่เราเกิดจนถึงปัจจุบัน


เวลาทำ Australian Police Check ก็ต้องใส่ชื่อทั้งหมดที่เราเคยใช้ ตั้งแต่เกิดเลย รวมไปถึง alias ต่าง ๆ ด้วย (alias แกล้งลืมบ้างก็ได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว มันก็จะเยอะเกินไป)


Copyright: ถ้าจะแชร์ให้แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น ไม่ copy & paste, ไม่ screen capture

AAT/ART เปลี่ยน representative


AAT/ART เปลี่ยน representative หรือเปลี่ยนดูแลเรื่องนั้นทำได้ง่ายมากเลยครับ

1. กรอกฟอร์ม MR5

2. ส่ง email แจ้ง AAT/ART

3. แค่นี้เลยจบ ไม่ต้องแจ้งคนเก่าที่ดูแล case อยู่ก่อนหน้านั้น ธุระไม่ใช่ ชีวิตเรา เงินเรา เราต้องกุมบังเหียนชีวิตของเราเอง 

ชีวิตต้องง่ายนะครับ
ถ้าไม่ง่าย แสดงว่าไม่ใช่

Monday, November 4, 2024

TSMIT ค่าแรงขั้นต่ำ Subclass 482 & Subclass 186

"TSMIT ค่าแรงขั้นต่ำ Subclass 482 & Subclass 186"

1. ยึดตาม contract of employment ของเราจาก Subclass 482

2. พอยื่น Subclass 186; ค่อยเปลี่ยนเป็น $73,150 หลังวีซ่า Subclass 186 ผ่าน (หลังวีซ่าผ่านนะครับ)

TSMIT = Temporary Skilled Migration Income Threshold

3. วันป่วย วันลาให้ดูใน contract of employment, ถ้าลาเกินนั้นก็จะเป็น leave without pay ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร ขอเพียงแค่พอเราทำงานครบ 2 ปีภายใต้ Subclass 482 ถ้าเราลาเกินเป็น leave without pay, เราก็แค่ทำงานเพิ่ม ทำงานต่อกับเวลาที่ขาดหายไป แค่นั้นเลยจริง ๆ

Saturday, November 2, 2024

Subclass 408 ไปเป็นวีซ่านักเรียน

"Subclass 408 ไปเป็นวีซ่านักเรียน"

แอบกระซิบข้าง ๆ หู
ห้ามบอกใครนะเธอ รู้กันแค่เรา 2 คน

1. Bridging Visa A จาก Subclass 408; COVID Visa Stream ไปเป็นวีซ่านักเรียน สามารถทำได้งาน full-time ย้ำ "FULL-TIME" 💕💕💕

2. ถ้าวีซ่านักเรียนไม่ผ่าน เราก็ยื่นอุทธรณ์ เราก็ได้ condition ของ Bridging Visa A จาก Subclass 408 สามารถทำได้งาน full-time ย้ำ "FULL-TIME" 💕💕💕

3. Bridging Visa A นี้ ทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำกับนายจ้างที่ทำ Subclass 408 ให้เรา เพราะได้รับการยกเว้นจากช่วง COVID ย้ำ "FULL-TIME" 💕💕💕

4. AAT รอประมาณ 1.5 - 2 ปี; ย้ำ "FULL-TIME" 💕💕💕

เอาเรื่องราวดี ๆ มาฝาก มาแบ่งปัน

Copyright: ไม่ copy & paste, ไม่ screen capture

Friday, November 1, 2024

Bridging Visa; A, B, C and E

"Bridging Visa; A, B, C, E"

1. Bridging Visa มันจะไล่เลียงกันตามตัวอักษร

2. อะไรที่มันต่ำกว่า มันจะกลับมาสูงอีกไม่ได้ อย่างเช่น:

- Bridging Visa E, ไม่สามารถขอ Bridging Visa A หรือ B ได้

- Bridging Visa C, ไม่สามารถขอ Bridging Visa A หรือ B ได้

- Bridging Visa B, ไม่สามารถขอ Bridging Visa A ได้

2. อะไรที่มันสูงกว่า มันจะลงไปต่ำได้ อย่างเช่น:

- Bridging Visa A, สามารถขอ Bridging Visa B ได้

- Bridging Visa A หรือ B สามารถกลายพันธุ์เป็น Bridging Visa C ได้

อย่างนี้เป็นต้น... คร่าว ๆ

เลิกเล่นบทเหยื่อ

เลิกเล่นบทเหยื่อ

- "เขาเอาเอกสารอะไรก็ไม่รู้มาให้เซ็น"
- "ไม่รู้ว่ายื่นอะไรไป"
- "ติดต่อคนยื่นเรื่องให้ไม่ได้"

เลิกเล่นบทเหยื่อนะครับ
มันเก่าแล้ว

ทุกการกระทำ ทุก actions ที่เราทำลงไป มีผลที่ตามมาเสมอ

ก่อนที่ทำอะไรลงไป จริง ๆ แล้ว "คุณเลือกแล้ว"

คำว่า "ไม่รู้" มันดูเก่าและเชยในโลกและสังคม 5G อย่างปัจจุบัน

ถ้าไม่รู้ ก็หาที่ปรึกษาไง
ก็ขวนขวายไง

โอ๊ยยยย ไม่อยากพูด เดี๋ยวยาว
ขอตัวไปทำงาน ได้เงิน!!!