ให้คำปรึกษาและบริการทางด้านกฎหมายอิมมิเกรชั่น และวีซ่าออสเตรเลีย
Facebook page: J Migration Team วีซ่าออสเตรเลีย
John Paopeng จอห์น เผ่าเพ็ง
Registered Migration Agent (MARN: 0851174)
Wollongong, Sydney, Melbourne, Brisbane, Gold Coast, Adelaide, Canberra.
email: jpp168.immi@outlook.com
PO Box 5399, Wollongong, NSW 2520
Friday, September 30, 2022
Skill Assesment; version update 2022
การที่ชาวต่างชาติจะอพยพหรือเข้ามาทำงานที่ประเทศออสเตรเลียนั้น ทางรัฐบาลต้องการที่จะ make sure ว่าวุฒิการศึกษาและประสบการณ์การทำงานของคนๆนั้นได้มาตรฐานตามที่ประเทศออสเตรเลียกำหนดเอาไว้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะจบการศึกษามาจากประเทศอื่นหรือจบการประเทศออสเตรเลียก็ตามเถอะ
การทำ skill assessment เพื่อขอวีซ่าในรูปแบบของ Skilled migrant จะแตกต่างจากการทำ skill assessment ของวีซ่าทำงาน temporary work, visa subclass 457 บ้างเล็กน้อย
blog นี้จะเน้นการทำ skill assessment เพื่อการขอวีซ่าในรูปแบบของ Skilled migrant:
Subclass 189; Independent Skilled Migrant
Subclass 190; Skilled Nominated
Subclass 489; Skilled Regional Sponsored
จริงๆแล้วจุดประสงค์ของ skill assessment ก็เพื่อเป็นการเช็คว่าวุฒิการศึกษาของคนที่ต้องการเข้ามาอยู่ในประเทศออสเตรเลียนั้นได้มาตรฐานของประเทศออสเตรเลียหรือเปล่า เพราะแต่ละประเทศระบบการเรียนการสอนจะไม่เหมือนกัน มาตรฐานทางการศึกษาไม่เหมือนกัน เพราะบางมหาวิทยาลัยห้องแถวจากบางประเทศอาจจะมีมาตรฐานเทียบเท่าแค่ TAFE หรือ college ของประเทศออสเตรเลียก็ได้ ทางรัฐบาลและอิมมิเกรชั่นเองก็มีหน่วยงานที่คอยตรวจเช็คและตรวสอบเพื่อเปรียบเทียบมาตรฐานทางการศึกษาของสถาบันแต่ละสถาบันในแต่ละประเทศ
skill assessment ในแต่ละสาขาอาชีพที่อยู่ใน SOL; Skilled Occupation List จะไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไปตามสาขาอาชีพ และหน่วยงานที่ดูแล ดังนั้นจึงเป็นการสำคัญที่เราจะต้องรู้ด้วยว่า สาขาอาชีพอะไร หน่วยงานใหนรับผิดชอบในเรื่องของการทำ skill assessment และภาษาอังกฤษที่ใช้ ต้องสอบเป็น general หรือ academic
การสอบภาษาอังกฤษเพื่อที่จะคำนวณ point ของ skilled migrant ปกติแล้วสอบแค่ general ก็พอ แต่การสอบภาษาอังกฤษเพื่อที่จะทำ skill assessment นั้น บางสาขาอาชีพก็ต้องสอบเป็น academic ดังนั้นเราต้องเช็คข้อมูลตรงนี้ก่อนว่า สรุปแล้วเราต้องสอบภาษาอังกฤษแบบใหนกันแน่
เนื่องด้วยสาขาอาชีพใน SOL มีเยอะ เราก็เลยไม่สามารถเอาข้อมูลของแต่ละสาขามาอธิบายได้นะครับ
การทำ skill assessment ของ skilled migrant ก็คือการเอาวุฒิทางการศึกษา ใบ certificate อะไรต่างๆที่เราเรียนจบและวิชาที่เราลงทะเบียนเรียน (transcript) ส่งไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเช็คว่าวิชาที่เราเรียนได้มาตรฐานของการศึกษาของประเทศออสเตรเลียหรือเปล่า
สำหรับคนที่จบปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาที่ใกล้เคียงกัน เราก็เอาวุฒิของปริญญาตรีเท่านั้นในการทำ skill assessment ดังนั้นถ้าใครตอนนี้เรียนปริญญาโทอยู่ เราก็ไม่จำเป็นต้องรอให้เราจบปริญญาโทเพื่อที่จะทำ skill assessment เราสามารถเอาวุฒิปริญญาตรีของเราทำ skill assessment ไปเลย ในขณะที่เรากำลังเรียนปริญญาโท แต่หลายคนก็ชอบอ้างว่าไม่มีเวลาทำเพราะเรียนหนัก รอเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยทำ skill assessment
จริงๆแล้ว skill assessment มีเอาไว้เพื่อเช็คมาตรฐานทางการศึกษาของคนที่จบการศึกษามาจากประเทศอื่น ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเด็กนักเรียนต่างชาติที่มาเรียนและก็จบการศึกษาที่ประเทศออสเตรเลียถึงต้องทำ skill assessment ด้วย เพราะถ้าเค๊าจบการศึกษาที่ประเทศออสเตรเลียแล้ว การศึกษาของเค๊ามันก็ต้องได้มาตรฐานของประเทศออสเตรเลียสิ บางทีกฎระเบียบการทำ skill assessment ของอิมมิเกรชั่นมันก็ไม่ค่อยที่จะ makesense สักเท่าไหร่ แต่เราก็คงหลีกเหลี่ยงไม่ได้ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลออสเตรเลีย หรืออิมมิเกรชั่นต้องการ
ดังนั้นถ้าใครที่คิดจะทำ skill assessment เพื่อขอวีซ่าแบบ skilled migrant ก็ต้องเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้เรียนจบแล้วค่อยเตรียมตัว เพราะบางทีตอนที่เราเรียนจบแล้ว วีซ่าเราก็จวนเจียนใกล้จะหมด อาจจะไม่มีเวลาในการทำ skill assessment ก็ได้ เพราะการทำ skill assessment บางสาขาอาชีพนั้นก็ใช้เวลานานพอสมควร อย่างเช่นการทำ skill assessment ของสาขาอาชีพวิศวกรเป็นต้น เพราะต้องเขียน project ประกอบการทำ skill assessment ด้วย
ดังนั้นถ้าใครที่คิดจะทำ skill assessment เพื่อขอวีซ่าแบบ skilled migrant เราแนะนำให้รีบสอบภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น IELTS หรืออะไรก็ตามแต่ที่เทียบเท่า เพราะว่าพอเรียนจบก็จะได้ทำ skill assessment เลย จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาไปสอบภาษาอังกฤษและก็รอผลสอบอีก
ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการขอวีซ่าประเภทนี้นะครับ skilled migrant...
Student Agent; วีซ่าท่องเที่ยว & วีซ่านักเรียน
มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น
เพราะว่าเราเห็นคนที่ได้วีซ่าท่องเที่ยวแล้วติด 8503 เยอะมาก
มี email เข้ามาถามเราเรื่อย ๆ เรื่องนี้
ตัวเองขอแล้วไม่ติด 8503
ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี
ชอบคิดอะไรกันง่าย ๆ
ชอบ promotes อะไรกันตื้น ๆ
แมงเม่าก็เยอะ
เข้าใจว่าค่าสมัครมันแค่ $150 (offsore, subclass 600)
แต่มันเป็นการ promote ที่ผิด ๆ
ที่บอกข้อมูลไม่ครบ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ
...ตามนั้น...
AUD กับแมงเม่า
Subclass 482; ผลการเรียน 5 ปี
ไม่ต้องสอบภาษาอังกฤษ
เราสามารถนับกันเองได้เลยครับ
หรือถ้าจะ email มาหา P' J
P' J ขอเป็น format แบบนี้ใน MS-Word นะครับ
ทำเป็นตารางมาจะได้ง่ายสำหรับทุกคน เพราะแต่ละวันเรามี email เยอะมากครับ ต้องขอโทษจากใจริง และ P' J ก็ตอบเองทุก email
Tuesday, September 27, 2022
วีซ่าท่องเที่ยว & วีซ่านักเรียน
"วีซ่าท่องเที่ยว & วีซ่านักเรียน"
Sunday, September 25, 2022
Partner Visa ภาษาของหัวใจ ขวัญกับเรียม
ความรักมันเป็นภาษาของหัวใจ ภาษาดอกไม้ ภาษาสีชมพูนะ จะเพศเดียวกันหรือต่างเพศ จะสูงขาวดำเตี้ยอะไรก็ตามแต่ ถ้ามันได้รักกันแล้ว จะแต่งกันปุ๊บปั๊บมันก็ทำกันได้ อิมมิเกรชั่นไม่ได้มองว่าเป็น commercial อะไรยังไง ขอเพียงให้เรารักกันจริง ชั่วฟ้าดินสลาย เหมือนขวัญกับเรียม และสามารถพิสูจน์ได้ว่า ความรักระหว่าวขวัญกับเรียมนั้น
- long-term, long-term ในที่นี้คือกะจะอยู่กันยาว ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะครับ ไม่ได้เกี่ยวว่าคบกันมานานแล้ว
- genuine, ขวัญกับเรียมต้องรักกันจริง ไม่ได้จ้างแต่ง
- continuing, ก็ประมาณว่า ขวัญยังรักเรียมอยู่ ยังไม่หมดรัก พิศวาสยังไม่สิ้น
ถ้าสามารถโชว์ได้ 3 อย่างนี้ ต่อให้เจอกันปุ๊บ รักกันปั๊บ แต่งกันเลยก็ไม่มีปัญหาอะไร ปัญหามันจะอยู่ที่ว่า ขวัญกับเรียมจะโชว์เอกสารอะไรได้มั่งเพื่อให้ครบคุณสมบัติของความรักที่แท้จริง ดัง 3 ประการเบื้องต้น
ไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือต่างเพศ ทุกคู่รักสามารถจด register of relationship (WA ไม่มี, NT ไม่แน่ใจ) หรือแต่งงานได้ สมรสเท่าเทียมเป็นสิ่งที่สวยงาม เมืองไทยควรมีอย่างยิ่ง
หากคู่รักคู่ใหน ไม่อยากที่จะรอ 30 วันก็สามาถจูงมือถือแขน จุจุ๊บ จุจุ๊บ กันไปจดทะเบียนความสัมพันธ์กัน (register of relationship) ได้เลย เพราะการจด register of relationship ไม่ต้อง book เดินไปจด จ่ายเงิน แล้วเดินออกมาได้เลย
- การจด register of relationship สามารถทำได้เฉพาะแค่บางรัฐเท่านั้น
- การจด register of relationship สามารถนำเอาใบเสร็จที่จ่ายตังค์มาขอ Partner Visa แบบ defacto ได้เลย
- การจด register of relationship สามารถทำได้ทั้งคู่รักเพศเดียวกัน หรือคู่รักต่างเพศ
- การจด register of relationship มีข้อดีคือ ถ้าอยู่มาวันหนึ่ง ทั้งคู่ต้องเลิกลากันไป ทั้งคู่ก็แค่เก็บข้าวของ แล้วเดินจากกันไป ไม่ต้องไปทำเรื่องหย่าให้เสียเวลา
- การจด register of relationship, เราไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันถึง 12 เดือน
ดังนั้น ไม่ว่าเราจะรักกันแบบ ขวัญกับเรียม ขวัญกับขวัญ หรือเรียมกับเรียม ก็สามารถจด register of relationship ได้หมดนะครับ
ยื่นเมื่อพร้อม; โยกย้าย & แมงเม่า
Saturday, September 24, 2022
10 ปี 12 ปี ได้กลับเมืองไทยแล้ว
หลาย ๆ คนมีความคิดความอ่านที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่คุณวุฒิและวัยวุฒิของแต่ละคน
ทุกคนมีต้นทุนชีวิต พื้นฐานการเลี้ยงดูที่แตกต่าง
Friday, September 23, 2022
Subclass 186/187: ผลสอบภาษาอังกฤษ
Subclass 186/187, ผลสอบภาษาอังกฤษต้องยื่น ณ วันที่ยื่นเรื่องนะครับ
ตอนยื่น Stage 2; Visa ApplicationSubclass 186/187 ไม่สามารถยื่นผลสอบภาษาอังกฤษตามไปทีหลังได้
ต่อให้ยื่นอุทธรณ์ก็ตาม
ถ้าได้ผลสอบภาษาอังกฤษมาแล้ว
ก็ต้องยื่นเรื่องใหม่นะครับ
No choice.
Sunday, September 18, 2022
แอบส่องอาชีพ: Real Estate Agent
- Selling OC ใน Netflix
- Selling Tampa ใน Netflix
- Million Dollar Beach House ใน Netflix
Monday, September 12, 2022
Master of Education กับ Master of Teaching
Master of Education กับ Master of Teaching ไม่เหมือนกันครับ
Master of Education:
- เหมาะสำหรับคนที่เป็นอาจารย์อยู่แล้ว สอนอยู่แล้ว แล้วต้องการไปเรียนเพิ่มเติม เพื่อเลื่อนตำแหน่ง เพื่อเลื่อนเงินเดือน เพื่อต่อยอดในการทำงาน
- คนทั่ว ๆ ไปก็เรียนได้ถ้าสนใจ
Master of Teaching:
- สำหรับคนที่ไม่มี Bachelor of Education แล้วต้องการไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ไม่ว่าจะสอนปฐมวัย ประถม หรือ high school
Note: ครูประถมขอ PR ไม่ได้, ครูประถมวัย หรือ ครูสอน high school สามารถขอ PR ได้
Skill Assessment สาขาอาชีพครู:- IELTS Academic:
- Reading: 7
- Writing: 7
- Speaking: 8
- Listening: 8
Business Visa; subclass 188 (01 July 2021)
Business Visa; subclass 188 กฎใหม่ของ 01 July 2021 (2021 นะครับ ไม่ใช่ 2022)
- Subclass 188A: personal and business net asset AUD 1.25M (business turnover AUD 750K x 2 years)
- Subclass 188B: AUD 2.5M (ซื้อบ้านหรือหุ้น รวมกันได้)
- Subclass 188C: AUD 5M
วีซ่า 4 ปี 3 เดือน
แล้วตามด้วย PR; Subclass 888
See you all at the end of the rainbow.
Thursday, September 8, 2022
มีทุกวันนี้ได้เพราะอยู่ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่เอื้ออำนวย
“มีทุกวันนี้ได้เพราะอยู่ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่เอื้ออำนวย”
เอ่อ… ประโยคด้านบน ไม่จริงเสมอไป
มันเป็นแค่ 1 factor เท่านั้นครับ
คนมีความสามารถ อยู่ที่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศออสเตรเลีย
ก็เรียนในสาขาที่มันที่เป็นต้องการของโลกใบนี้สิ ไม่ใช่ไปเรียนอะไรสะเปะสะปะ
แล้วทำไมเรียนสะเปะสะปะ
อ๋อ คะแนน ATAR ไม่ถึง เข้าเรียนในคณะนั้น ๆ ไม่ได้
แล้วทำไมคะแนน ATAR ไม่ถึง
อ๋อ ตอนเรียน high school ไม่ได้ตั้งใจเรียน... และอื่น ๆ อีกมากมาย ต่าง ๆ นานา ข้ออ้างสารพัด
.
.
ก่อนที่จะไปโทษสิ่งแวดล้อมหรือปัจจัยภายนอกที่เรา control ไม่ได้
จริง ๆ แล้ว ปัญหาทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเราหรือเปล่า
ถ้าตั้งใจเรียนตอนอยู่ high school
ได้คะแนน ATAR ดี
ได้เข้าเรียนในคณะที่เราชอบ และเป็นที่ต้องการของโลกใบนี้
เราจะไม่ได้เป็นแค่ที่ต้องการของออสเตรเลียครับ เราเป็นที่ต้องการของโลกใบนี้ จะไปทำงานที่ไหนก็ได้
ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ออสเตรเลียเท่านั้น
คนไทยจบวิศวะ ทำงานที่ NASA ก็มี
คนไทยเป็นอาจารย์สอนที่มหาลัยในต่างประเทศมีเยอะแยะ
คนไทยเป็นอาจารย์สอน high school สอนเด็กฝรั่งก็มี
เมื่อเราเป็นฝ่าย “เลือก” ไม่ใช่ “ถูกเลือก”
ทุกอย่างก็สบาย
เพื่อนเราที่เรียน Computer Science จาก UOW ตอนนี้ก็ทำงานกระจายอยู่ทั่วโลก บางคนรับราชการ บางคนเป็นอาจารย์สอนมหาลัย (ตอนนั่งเรียนด้วยกัน เค๊าก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก oops!!!)
อันนี้แหละ Global Citizen อย่างแท้ทรู
มีความลื่นไหลทางสัญชาติ
จะอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นออสเตรเลีย
ทำงานที่ไหนก็ได้ที่เงินดี แค่นี้เลยจริง ๆ
เราไม่ยึดติดครับว่าต้องทำงานที่ประเทศไหน ขอแค่เงินดีเป็นพอ
ก่อนที่จะโทษระบบโครงสร้าง ซึ่งเรา control ไม่ได้
อย่าลืมหลับตาลง แล้วมองย้อนไปสมัยที่เราเป็นเด็ก high school ว่าตัวเองตั้งใจเรียนหรือเปล่า
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ผลของการกระทำของตัวเราเองในวันนั้น มันส่งผลมาถึงการเป็นตัวตนของเราในวันนี้หรือเปล่า
ก่อนที่จะโทษระบบโครงสร้าง
ตัวเองพยายามมากพอหรือยัง
P’ J เรียน ป.1 เข้าเรียนก่อนอายุ
ตอนนั้นอ่านหนังสือเรียนภาษาไทย “มานี มานะ” ที่บ้านบอกว่าต้องอ่านออกเสียง
เราอ่านออกเสียง เสียงดังไปถึงบ้านข้าง ๆ
ที่บ้านไม่มีไฟฟ้า เราใช้ตะเกียงน้ำมันในการอ่าน!!!
สมัยนั้นยังไม่มีพิมรี่พายคอยติด solar cells
นี่ไงหละ ความพยายาม
ก่อนที่จะโทษระบบโครงสร้าง
อย่าลืมโทษตัวเราเอง
เมื่อเราเลิกโกหกตัวเราเอง
เมื่อนั้นเราก็พบความสุขในชีวิต
P’ J จบ high school (year 10-11-12) ภายใน 1 ปี
ก็อ่านหนังสือ 7 วัน 7 คืนหนะจ๊ะ อยู่ year 10, ก็อ่านคณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ของ year 12 จบหมดแล้ว (เกลียดชีวะที่สุด เกือบตก)
หากเรามีความตั้งใจจริง มีความมุ่งมั่น
ทุกอย่างเราสร้างเองได้ จากสมองและสองมือที่มี
ใช้ความสามารถของตัวเองล้วน ๆ
เมื่อเราไม่ได้เกิดมาบนเงินกองทอง ปากก็ต้องกัด ตีนก็ถีบ
จากเด็กที่อ่านออกเสียง หนังสือ “มานี มานะ” ภายใต้ตะเกียงน้ำมัน ตอน ป.1
ถ้า P’ J ทำได้
คนอื่นก็ทำได้
เหนื่อยได้
ท้อได้
พักได้
แต่อย่าหยุด
และก็เลิกโทษสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
หัดโทษตัวเองบ้างก็ดี!!!
โทษทุกสิ่งอย่างรอบข้าง
ยกเว้นโทษตัวเอง
=
Note: เราเขียนในพื้นที่ของเรา ไม่ชอบให้เลื่อนผ่าน
Copyright: แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture
Monday, September 5, 2022
Subclass 494, Subclass 482; Nomination
Subclass 482, Subclass 494:
- Stage 1; Standard Business Sponsor (SBS) valid 5 ปี นายจ้างสามารถใช้กับพนักงานทุกคนได้
- Stage 2: Nomination, 1 Nomination ต่อ 1 application เท่านั้น ดังนั้นทุก ๆ ครั้งที่ยื่น Stage 1; Nomination ทางร้านจะต้องจ่ายค่า SAF; Skilling Australian Fund... "ทุก ๆ ครั้งที่ยื่น"
Nomination ของพนักงานคนนี้ ก็ใช้กับพนักงานคนนี้เท่านั้น 1 ครั้งเท่านั้น
ไม่สามารถใช้กับพนักงานคนอื่นได้
หรือถ้าจะต้องยื่นรอบต่อ ๆ ไป จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ นายจ้างต้องจ่ายค่า SAF ทุก ๆ ครั้งที่ยื่น, ทั้ง Subclass 482 และ Subclass 494
Saturday, September 3, 2022
Australia; the land of opportunities
ช่วงนี้ P' J แอบส่องพวกบ้านและอสังหาที่ Brisbane และเมืองใกล้เคียง
ไม่อะไรหรอก
คือใน NSW, ข้าพเจ้าไม่มีปัญญาซื้อ ราคามันขึ้นจุ๊ด ๆ ยิ่งกว่าจรวดของ Elon Musk
เบี้ยน้อยหอยสังฆ์อย่างเรา ก็ขอไปเป็นเขยเมือง QLD ละกัน ข้าพเจ้าขอฝากเนื้อฝากตัว
ในระหว่างที่ไถ ๆ มือถือดู listing ที่ realestate.com.au เราก็เห็น property ที่เราสนใจ คิดในใจว่าน่าจะเอื้อมถึง ก็เลยส่ง email enquiry ไป
เราได้รับ email ตอบกลับมา เนื้อหาใจความไม่สำคัญครับ ที่สำคัญคือชื่อ agent และวุฒิการศึกษาต่าง ๆ ที่อยู่ตรง email signaure ของเขา
real estate agent คนนี้จบ Master of Engineering ครับ และก็มี Cert IV Real Estate Practice เพื่อที่จะเป็น real estate agent อย่างถูกกฎหมาย
มันเตะตามากตรงที่เขาจบ ป.โท Engineering แล้วมาเรียน Cert IV นี่แหละ
มันทำให้เราเห็นว่าประเทศออสเตรเลียเปิดกว้างทางการศึกษา
- เราจบอะไรมาก็ช่าง จบโทมาแล้วก็ช่าง ถ้าเราอยากเปลี่ยนงาน เปลี่ยนอาชีพ เราก็ไปลงเรียนเพิ่ม เพิ่มเติม ก็แค่นั้นเอง ไม่ต้องอื่นไกลเลย เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เรียนหลายอย่าง อยากเป็นอะไร อยากประกอบอาชีพอะไร เราก็ไปเรียนเพิ่ม ก็แค่นั้นเอง ทุกอย่างต้องมีใบประกอบวิชาชีพครับ ไม่ใช่ไปโพสต์รับทำนั่น นี่ โน่น ตาม facebook group "ทีมต่าง ๆ นานา" แบบไม่มีใบประกอบวิชาชีพ แบบนั้นทำไม่ได้
- จบ ป.โท แล้ว อยากจะลงเรียน Cert IV ก็ไม่ผิดอะไร ประเทศออสเตรเลียไม่เคยปิดกั้นทางการศึกษา มันดีตรงนี้นี่เอง หวังว่าตรงจุดนี้ก็น่าจะตอบคำถามหลาย ๆคนก็ชอบถามว่า จบ ป.โท แล้วลงเรียน Cert IV ได้มั้ย ลงเรียน Diploma ได้มั้ย ได้สิครับ... why not??? ถ้าเรามีใจรักที่จะเรียน ต้องอยากเรียนจริง ๆ นะ พวกที่อยากเรียนแบบปลอม ๆ เพียงเพราะอยากจะมาทำงาน แบบนั้นไม่นับ
- ประเทศออสเตรเลียเปิดกว้างทางการศึกษาและโอกาส เราอยากทำงานอะไร เราก็ไปลงเรียนอะไรนั้น ๆ แต่เราต้องรู้ก่อนว่าเราต้องการทำงานอะไร พอเรารู้ว่าสาขาอาชีพนั้น ๆ ต้องมี requirement อะไรบ้างในการมี license หรือใบประกอบวิชาชีพในการทำงาน เราก็ไปลงเรียน course นั้น ๆ เราก็ต้อง work backward หรือ reverse engineer ดังนั้นคนที่บอกว่าเรียนมาแล้ว ทำงานไม่ตรงสาย อ้าว... ก็เพราะ you เรียนสะเปะสะปะไง พวกเรียนไปเรื่อยเปื่อย เรียนอะไรก็ไม่รู้ ก็ไม่ต่างจากไม้หลักปักเลนหรอกครับ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วค่อย ๆ ไต่เต้าไปให้ถึงจุดนั้น พวกที่บอกว่าเรียนมาแล้ว แล้วทำงานไม่ตรงกับสิ่งที่เขาเรียนมา ก็ต้องกลับไปดูสิ่งที่เขาเรียนหนะจ๊ะ ว่าไก่กาอาราเล่หรือเปล่า
anyway, ประเทศออสเตรเลียเปิดกว้างทางการศึกษาครับ
ตัวอย่าง:
- เรารู้จักใคร someone ที่กลับมาเรียนหมอตอนอายุ 45 โคตรเท่เลย เขาอาจจะผ่านอะไรมาเยอะก่อนหน้านั้น แล้วกลับมาเรียนใหม่ก็ได้ อันนี้เราไม่รู้ ประเทศออสเตรเลียมี 2nd chance ให้กับทุก ๆ คน ขอเพียงแค่เราทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง เคารพกฎหมายและกฎระเบียบของที่นี่
- คุณแม่ของเพื่อนเราคนหนึ่ง ส่งเสียลูก ๆ เรียนจนถึง ป.ตรี แล้ว (ก็ส่งเสียเพื่อนเรานี่แหละ) ลูก ๆ โตจบปริญญากันหมดแล้ว ลูก ๆ ทำงานเป็นหลักเป็นฐานกันหมดแล้ว คุณแม่อายุประมาณ 50+ กลับไปเรียนต่อ ป.ตรี เพื่อที่จะเป็นอาจารย์สอนนักเรียนประถม คุณแม่ตามหาฝันของตัวเองตอนอายุ 50+ หลังจากทำหน้าที่ของแม่อย่างสมบุญครบถ้วน เพื่อนเราก็สนับสนุนให้คุณแม่ของเขาตามหาฝันของตัวเอง เราคุยเรื่องนี้กับเพื่อนเราทีไร เพื่อนก็จะน้ำตาปริ่ม ๆ ทุกทีเลย
- ตอนที่เราเรียน Computer Science ที่ UOW เราก็ไปลงวิชาเลือกของ commerce ลงเพื่อเก็บหน่วยกิตเฉย ๆ... oops!!!... สิ่งที่น่าประทับใจมากคือ นักเรียนใน class เป็นคุณแม่ท่านหนึ่ง คุณแม่พาลูกอายุ 4-5 ขวบมานั่งเรียนใน lecture ด้วย ก็คงจะเป็นเวลาที่ลูกเลิกเรียนที่ preschool หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่มันเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก ผ่านมาหลายปีแล้ว เราก็ยังจำภาพนั้นได้ดี การศึกษาที่นี่เปิดโอกาสให้กับทุกคนอย่างแท้จริงครับ ไม่มีใส่ชุดนักศีกษา ไม่มีรับน้อง... shhhhhh :)
- ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ ตอนเรากลับไปเรียน part-time ป.ตรีใบที่ 2, อักษรญี่ปุ่น (อ่านไม่ผิดจ๊ะ จาก จบ computer science, แล้วเรียนต่อ อักษรญี่ปุ่น แล้วต่อด้วยกฎหมายอิมมิเกรชั่น.... แซ่บ....) เพื่อนในห้องเป็นรุ่น ๆ คุณปู่หรือคุณตา อายุน่าจะ 65-70+ ได้ มานั่งเรียนใน class
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่เปิดกว้างทางการศึกษาครับ อายุเท่าไหร่ก็กลับมาเรียนได้ ดังนั้นหลาย ๆ คนที่ถามว่าอายุเท่านั้น เท่านี้ มาเรียนได้มั้ย อายุเท่าไหร่ก็เรียนได้ครับ เรียนได้จนลมหายใจสุดท้ายเลยก็ได้ ถ้าจะมาเรียนที่นี่ ถ้าจะขอวีซ่านักเรียน ก็เขียน GTE; Genuine Temporary Entry ให้ดี ๆ ก็แค่นั้นเอง
กลับมาที่ real estate agent คนนี้ที่่ QLD
เราชอบตรงที่เขาไม่ได้ยึดติดว่าจบ "Master degree" ต้องทำงานแบบนั้น แบบนี้เท่านั้น เราสามารถเปลี่ยนสายงานได้
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่ไม่ค่อยยึดติดอะไร เราชอบอะไรตรงจุดนี้มาก เราไม่ต้องถือตัวว่า ป.โท ต้องแบบนั้น แบบนี้ ไม่ ego, ไม่ยึดติด
ป.โท ก็กลับไปลงเรียน Cert IV (ปวช) ได้ครับ ถ้ามันเป็นใบเบิกทางในการทำงาน... why not???
Real estate agent เงินเยอะนะครับ จะบอกให้ เขาขายบ้านกันยังกะขายขนมครก demand มากกว่า supply และบ้านก็เป็น 1 ในปัจจัย 4
ประเทศออสเตรเลีย คือประเทศแห่งโอกาส
ทุกอย่างเราสามารถสร้างเองได้ จากสมองและสองมือที่มี
เราไม่จำเป็นต้องเกิดมาบนกองเงินกองทอง
ทุกคนมีต้นทุนชีวิตเท่ากัน นั่นก็คือ "ความเป็นคน"
เราเอาเวลาไปทำมาหากิน และทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมดีกว่าครับ อย่ามัวแต่แซะการเมือง
ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง
แล้วเจอกันครับ... at the end of the rainbow
Copyright: แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture
เขียนเองทุกตัวอักษร
ก็แค่ตื่น 4:45am เอ๊งงงงงง