Monday, July 30, 2018

Protection Visa ได้ PR จริงเหรอ


ก็อาจจะมีบ้างเป็นบางที ที่มีใครบางคนมาบอกเราว่า เขาขอ Protection Visa วีซ่าลี้ภัย แล้วได้ PR!!!

เดี๋ยวก่อนนะ
จริงเหรอ!!! ได้ PR นี่นะ

ถ้าเป็นคนไทยหนะเหรอ โอกาสที่จะได้ PR จากวีซ่าตัวนี้มีน้อยมาก
เราเคยเขียน blog ไปแล้ว

กรุณาอย่าเข้าใจผิดว่า Bridging Visa C เป็น PR นะครับ
ถ้าใครบอกว่าเขาได้ PR จาก Protection Visa นะ
เราแนะนำให้ขอท้าพิสูจน์ ขอดู passport แล้วเช๊คใน VEVO ได้เลยครับ

สรุปเป็น Bridging Visa C หรือ PR!!!

ดังนั้น ไอ้พวกลมปากอะไรต่าง ๆ นานา เราก็อย่าเพิ่งไปเชื่อคนเขาไปหมดซะทุกเรื่องนะครับ

ผู้ไม่รู้ ย่อมไม่ผิด
แต่ก็อย่าเป็น "ผู้ไม่รู้" นานมากเกินไปนะครับ

ศึกษา รู้เท่าทัน

Bridging Visa C ขอทำงานได้มั้ย
ก็แล้วแต่ case-by-case นะครับ
ไม่ได้แปลว่า ขอ Protection Visa แล้วได้ Bridging Visa C แล้วจะขอทำงานได้เลย

แต่ถ้าขอ Protection Visa แล้วได้ Bridging Visa A หนะ ทำงานได้แน่นอนครับ

Bridging Visa A แตกต่างจาก Bridging Visa C ครับ

ลอง ๆ ไล่อ่าน blog  เราดูนะครับ ที่ http://jpp168immi.blogspot.com/

Friday, July 20, 2018

Partner Visa ผู้หญิงอายุเยอะกว่าผู้ชาย


หลาย ๆ คนยังติดภาพลักษณ์เดิม ๆ ว่าคู่รักต่างเพศ ผู้ชาย "ควรจะ" อายุมากกว่าผู้หญิง

มันหมดสมัยแล้วนะ
ยุคนี้มันยุคไหนกันแล้ว

มันไม่ใช่ยุค "ออเจ้า"
คนเราเลิกนุ่งโจงกระเบนกันนานแล้วจ๊ะ

ความรักมันก็คือความรัก
ความรักไม่ได้กำหนดเพศ ไม่ได้กำหนดอายุ หรือรูปลักษณ์ภายนอก

หากคนเรารักกัน
ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรในกอไผ่
มนุษย์เราสามารถก้าวข้ามความเชื่อและ mindset เดิม ๆ เหล่านี้ไปได้

10 ปีของ J Migration Team เราทำ Partner Visa มาหลาย ๆ ต่อหลายคู่แล้ว

10 ปีของ J Migration Team เราทำ Partner Visa ที่ผู้หญิงอายุมากกว่าผู้ชายมาหลาย ๆ ต่อหลายคู่แล้ว

และที่สำคัญคือผ่านทุกคู่จ๊ะ

ดังนั้น อายุเป็นพวกตัวเลขจริง ๆ 

ฉันรักเธอ
เธอรักฉัน
เรารักกัน
ซู่ซ่า... ซู่ซ่า...

ดังนั้น ยุค 4G ยุค 2018
ถ้าใครยังมาถามเราว่า

"พี่คะ หนูอายุเยอะแฟนหนู จะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" หรือ
"พี่ครับ แฟนผมอายุเยอะกว่าผม จะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

อยากจะบอกว่าคำถามเหล่านี้ มันหมดยุคไปแล้วหละหนู
มันล้าสมัยมาก

เราไม่ใช่คนคิดนอกกรอบ เพราะที่ J Migration Team เราไม่มีกรอบ
เราเอาความจริงเป็นบรรทัดฐาน
ที่เหลือก็แค่นำเอาหลักฐานและ document มาอ้างอิงและ support ก็แค่นั้นเอง

Don't think outside the box (bitch).
Break the box, and be creative, be whatever you want to be.

แต่... เอ่อ... พี่คะ หนูไปถามมาแล้วหลาย ๆ คน
ทุกคนบอกว่าถ้าหนูอายุเยอะกว่าแฟน หนูจะทำเรื่อง Partner Visa ไม่ผ่านคะ หนูจะทำยังไงดีพี่

อ๋อ ไม่ต้องทำยังไงจ๊ะ:

1. ผิดที่ตัวหนูไปถามคนพวกนั้น หยักน้อย บัวใต้น้ำ

2. เราต้องมองดูพวกเขาด้วยความเมตตา เพราะพวกเขาเหล่านั้น คงคิดได้แค่นั้นจริง ๆ 

3. ถ้าเขาคิดได้แบบหนู เขาก็เป็นแบบหนูแล้วสิ ก็เพราะเขาคิดได้แค่นั้น พวกเขาก็เลยอยู่กันแบบนั้น อยู่ในโลกของพวกเขา เราต้องมองดูพวกเขาด้วยความเมตตาจ๊ะ... มาม๊ะ มาแผ่เมตตาด้วยกันกับ P' J

4. ถ้าหนูมั่นใจว่าหนูรักเขาจริง เขารักหนูจริง คนพวกนั้น คำพูดเหล่านั้น ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยจ๊ะหนู

Be true to yourself.
Be confident.
Because... you're worth it.

...รักนะ...

LINE: @JMigrationTeam (มี @ ข้างหน้าด้วย)
IG: @JMigrationTeam
Snapchat: @JMigrationTeam
YouTube: www.youtube.com/c/JMigration
Website: www.jmigrationteam.com
Podcast: Spotify, iTune และ platform ต่าง ๆ
SMS: +61 412470969

Sunday, July 15, 2018

Skilled Migrant; bonus point


Skilled Migrant; bonus point

ช่วงนี้ของ Skilled Migrant มีการเพิ่ม point ขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 July 2018 


ไม่ว่าจะเป็นวีซ่า subclass 190, subclass 189, และก็ subclass 489 

ซึ่งมันก็มีการเพิ่มมา 5 point 

อย่างวีซ่า subclass 189 แต่ก่อนมันต้อง requirement แค่ 60 point ตอนนี้มันก็ขึ้นมาเป็น 65 

แล้วก็วีซ่า subclass 190 ของแต่ละรัฐ
มันก็ขึ้นมาจาก 55 มาเป็น 60 

แล้วก็ subclass 489 มันก็ขึ้นมาจาก 50 มาเป็น 55 

ดังนั้น ถ้าเผื่อเราวางแผนชีวิตและก็ทำ strategy อะไรให้มันดี ๆ 
เราก็สามารถได้ extra point เนี่ย ไม่ยากเท่าไหร่นะครับ 

หนึ่ง
อย่างเช่น ถ้าเผื่อเราจะลงทะเบียนเรียน
ก็ลองออกไปเรียน 2 ปีที่ regional area ดูนะครับ

ไม่ว่าจะเป็นที่ Tasmania 
เมืองรอบนอกของ Melbourne 
และก็ เมืองรอบนอกของพวก Brisbane อะไรก็ว่าไป หรือว่า Canberra อะไรประมาณนี้ 

ถ้าเผื่อเป็น New South Wales ก็พวก Wagga Wagga พวก Orange พวกอะไรก็ว่าไป เพราะว่ามันก็มีพวกมหาวิทยาลัย หรือว่ามี college อยู่ 

สำหรับคนที่เรียนอยู่ที่ Sydney, you ไม่ได้ extra point 
บางที college บาง college เนี่ยมันห่างจาก Sydney แค่ 45 นาทีเองนะ อย่างเช่นที่ Blacktown เนี่ยมันก็มีพวก college อยู่นะ 

ก็ถ้าเผื่อไปเรียนพวก college เมืองรอบนอกแบบนั้น 2 ปี you ก็ได้ point เพิ่มอีก 5 point อะไรประมาณนี้ 

วิธีแรกก็คือ เรียนที่ regional area 2 ปี ได้ 5 bonus point นะครับ 

สอง
หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ ถ้าผื่อเรามีแฟน เพราะว่ามีน้องบางคนก็ถามมาว่า “เฮ้ยพี่ เนี่ย ถ้าเผื่อแบบว่าแฟนอยู่ด้วยกันเนี่ย ได้ point เพิ่ม 5 point เลยไหม” อะไรประมาณนี้ คือแฟนและอยู่ด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้ point เพิ่ม 5 point นะครับ 

- แฟนจะต้องเรียนในสาขาเดียวกันกับเราด้วย 
- แฟนคนนั้นจะต้องทำ skills assessment ในสาขาเดียวกันกับเราด้วย แล้ว skills assessment ของเขาก็ต้องผ่าน ถ้าเผื่อเรียนสาขาเดียวกันแล้วทำ skills assessment ไม่ผ่านก็ไม่ได้ 5 point เพิ่ม ดังนั้น เอาชื่อมาอยู่ด้วยกันหรือว่ามาเป็นแฟนกัน นั่น นี่ โน่น เนี่ย ไม่ได้ point เพิ่มนะครับ 

สาม
อีกวิธีหนึ่งก็คือ ในสาขาบางอาชีพอย่างเช่น accounting หรือว่า IT เนี่ย มันจะมีพวก professional year ถ้าเผื่อ you ไปเรียนเพิ่ม professional year อีก 1 ปี you ก็จะได้ point เพิ่มอีก 5 point นั่นคือวิธีที่สาม 

แต่มันก็ใช้ได้แค่บางสาขาอาชีพแค่นั้นนะครับ 

สี่
ส่วนวิธีที่สี่ก็คือ ไปสอบ NAATI 
NAATI คือ ของคนที่ทำ Skilled Migrant เนี่ยคือ ยังไงเสีย IELTS you ก็ต้องได้ 6 อยู่แล้ว พูด อ่าน เขียน ฟัง general 

ดังนั้นถ้าเผื่อ you ไปลองสอบ NAATI ตรง level ของ Paraprofessional เนี่ย you ก็จะได้ point เพิ่ม 5 point เพียงแต่ว่าของ 

ก็คือลอง search เข้าไปในอินเตอร์เน็ตนะครับ ก็ไปสอบดู เราไม่รู้เรื่องค่าใช้จ่าย และก็เราไม่รู้ตารางสอบด้วย ก็ต้องไปติดต่อที่ NAATI เอาเอง ก็

สรุปก็คือ มันก็มีวิธีที่จะได้ bonus point เพิ่มนะครับ เพราะว่า ตอนนี้ skilled migrant มัน requirement point เพิ่มขึ้นมาสูงใช่ไหม เราก็ต้องหาวิธีที่จะเอา point เพิ่มขึ้น 

ห้า
หรือไม่ก็มีอีกวิธีหนึ่งก็คือไปสอบ IELTS ให้ได้คะแนนเยอะ ๆ อย่างเช่นถ้าเผื่อสอบ IELTS 7 อะไรประมาณนี้ you ก็ได้ 10 point 7 นี่คือ general ก็พอนะ each band พูด อ่าน เขียน ฟัง หรือถ้าเผื่อได้ IELTS 8 เนี่ย you ก็ได้ 20 point แล้ว

Saturday, July 14, 2018

อีก 1 case และความภาคภูมใจของ J Migration Team; subclass 457 chef


อีก 1 case และความภาคภูมใจของ J Migration Team; subclass 457 chef

ทำไมต้องภาคภูมิใจด้วยละ

ก็ภูมิใจเพราะกฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
จากบางคนที่คิดจะขอวีซ่าด้วยตำแหน่ง Restaurant Manager ก็อาจจะต้องเปลี่ยนและหันเหมาทำวีซ่าทำงานโดยที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ subclass 457 ในตำแหน่งอื่น ตำแหน่ง Chef แทน

เพราะ Chef อยู่ในสาขาอาชีพ long-term สามารถขอ PR ได้

หรือบางคนก็อาจเปลี่ยนร้านในการทำงาน มาเป็นร้านที่ 3 แล้ว
จะด้วยเหตุผลประการใดก็ตามแต่

บางทีคนเราคลื่นความถี่มันไม่ตรงกัน
เราก็ไม่ต้องทนที่จะอยู่ ถูกป๊ะหละ

นายจ้างกับลูกจ้างก็เหมือนกัน
มันเป็นฟันเฟืองที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้จ๊ะ
ถ้าคลื่นความถี่อะไรหลาย ๆ อย่างไม่ตรงกัน มันก็ต้องเปลี่ยนแปลง เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทนอยู่

เอ๊ะ... สร้างความร้าวฉาน คืองานของ J หรือเปล่า
ทำให้ใครปวดร้าว J คงเป็นสุขใช่มั้ย

เอาเป็นว่า ก็มีบ้างที่ลูกค้าเรามีการเปลี่ยนจากนายจ้างนี้ มาเป็นนายจ้างโน้น 3 นายจ้างด้วยกัน

มันเป็นเรื่องปรกติของชีวิตจ๊ะ

แต่เราก็ไม่มีการคิดค่าบริการเพิ่มเลยนะ ไม่ว่าจะ check เอกสารร้านนี้แล้ว แล้วต้องไป check เอกสารร้านโน้นอีก
ไม่ว่าจะยื่นไปแล้ว แล้วต้องถอนเรื่องออกมา
ทั้ง ๆ ที่น้องก็บอกว่า "คิดค่าบริการเพิ่มได้นะคะ"

ไม่จ๊ะ
เรางก แต่ไม่ได้งกมากขนาดนั้น (คิดเอง เออเอง)

ตายละ พระเอกอีกแล้วใช่มั๊ย...

เอาเป็นว่าถ้าคนเรามันได้ลงเรือรำเดียวกันแล้ว
ถ้าคลื่นความถี่เราตรงกัน เราไม่ทิ้งใครแน่นอน

มนุษย์เราสื่อสารกันด้วย ความคิด ความรู้สึก
เธอดีแต่ฉัน ฉันก็ดีก็เธอ ก็แค่นั้นเอง

Anyway.. กลับเข้าเรื่อง วีซ่า subclass 457 ตำแหน่ง Chef กันต่อ

กับร้านที่ 3 ที่น้องทำเรื่องด้วย
ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

Stage 2 Nomination; ไม่มีการขอเอกสารเพิ่ม

เนี๊ยะ ถ้า stage 2 nomination ไม่ขอเอกสารอะไรเพิ่ม ในเรื่องของ genuine position เนี๊ยะเราก็ถือว่าหรูแล้วนะ เพราะที่วีซ่าไม่ผ่านกันของวีซ่า subclass 457 (482 TSS) ก็จะเป็น stage 2 ที่แหละ เพราะ stage 2 nomination เป็น stage ที่ต้องอธิบายความจำเป็นว่าทางร้านต้องมีการจ้างพนักงานในตำแหน่งนี้ และต้องเป็นคน ๆ นี้ ยอดขายของร้านถึง นั่น นี่ โน่น ร้อยแปด พันเก้า สาระพัดเหตุผลที่เขาจะหาเหตุผลมาปฏิเสธ

ดังนั้นถ้า subclass 457 (482 TSS) ถ้าสามารถผ่าน stage 2 ไปได้ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา

ตอนที่เราได้รับ email จากอิมมิเกรชั่นว่า stage 2  ผ่านโดยที่ไม่ขออะไรเพิ่มเติมเลย เราก็ยิ้มสิจ๊ะ

ส่วน stage 3 ทาง case officer ก็ขอเอกสาร "xyz" เพิ่มมา
แต่เราคิดว่าเป็นอะไรที่ไม่น่าขอจะเพิ่ม
เราก็เลย email ไปหา case officer ว่า เอกสาร "xyz" ที่ you ขอมา เราคิดว่ามันทำไม่ได้นะ และคนอื่นก็ไม่เคยโดนขอมาก่อน

หลังจากนั้น 1-2 วันวีซ่าก็ออก

oh...another things to take note ก็คือ
น้องไม่ได้ใช้ผลการการสอบ IELTS จ๊ะ
น้องใช้ผลการเรียน 5 ปีแทน

ใครบอกว่าผลการเรียน 5 ปีใช้ทำวีซ่า subclass 457, subclass 482 TSS และ subclass 186 ENS (Transitional Stream) & subclass 187 RSMS (Transitional Stream) ไม่ได้ อยากจะให้คิดกันใหม่นะครับ คิดใหม่ แก้ตัวใหม่ สังคมยังให้อภัย

ขอบคุณน้อง "***" ที่เลือกใช้บริการเรา
ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ต่างรัฐกัน แต่ J Migration Team ก็สามารถประสานงานกันกับลูกค้าได้ทั่วทุกสารทิศจ๊ะ

เอกสารทุกอย่างส่งทาง email
เราก็ยื่น online ให้ ก็แค่นั้นเอง
ไม่จำเป็นต้อง make appointment เข้ามาเจอตัวจ๊ะ เพราะบางทีเวลาเราอาจจะไม่ตรงกัน

เรารู้ดีว่าลูกค้าแต่ละคน เวลาทำงานไม่เหมือนกัน
shift work บ้าง
เลิกดึกบ้าง นั่น นี่ โน่น เราไม่ว่ากันครับ

เราก็ดีใจด้วยกับทุก ๆ case ที่ผ่านกันอาทิตย์นี้นะครับ
ดูเหมือนว่า case officer เริ่ม ๆ clear  case กันแล้ว

ขอบคุณที่น้อง "***" ไม่ได้ email หรือส่งข้อความมาตามจิก
เพราะตามจิกไปก็เท่านั้นหนะจ๊ะ
เชื่อเราสิว่า ถ้ายื่นเรื่องเข้าไปแล้ว สิ่งที่ทุกคนพึงจะทำได้ก็คือ "รอ"

"รอ" เท่านั้นจริง ๆ 

เพราะคนที่จะตัดสินใจได้
make decision ได้ ก็คือ case officer จ๊ะ
เราไม่ใช่ case officer
และเราก็ไม่มี crystal ball ที่จะบอกทุกคนได้ว่า ผลวีซ่าจะออกเมื่อไหร่

ถ้ามี crytal ball ป่านนี้ก็คงจะเอามาเดาเลข Lotto กันแล้วหละ
จะได้ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งทำงานกันแบบนี้

เอ๊ะ...  ยังไง

Anyway... ดีใจด้วยกับน้อง "***" ที่ได้วีซ่า subclass 457  ตำแหน่ง Chef นะครับ

เพราะ Chef ยังสามารถขอ PR ได้
ไม่ว่าจะเป็นกฎเก่า หรือกฎใหม่
ไม่ว่าจะเป็นวีซ่า subclass 457 หรือ subclass 482

ดีใจที่เราได้ร่วมงานกันกับน้อง "***"
สินค้าดี ใช้แล้วต้องบอกต่อนะครับ


LINE: @JMigrationTeam (มี @ ข้างหน้าด้วย)
IG: @JMigrationTeam
Snapchat: @JMigrationTeam
YouTube: www.youtube.com/c/JMigration
Website: www.jmigrationteam.com
Podcast: Spotify, iTune และ platform ต่าง ๆ
SMS: +61 412470969

success story to be shared; subclass 457 สาขาอาชีพ chef


Another success stories to be shared; subclass 457, chef

น้อง “T” ติดต่อ P’ J มาทาง inbox

น้องเรียนจบ Diploma of Hospitality มา

เรายื่น visa subclass 457 ให้น้อง ก่อนที่กฎจะเปลี่ยนเป็น subclass 482 TSS (Temporary Skill Shortage)

น้องส่งเอกสารทางร้านให้ P' J ไปมา พี่จอห์น check เอกสารแล้ว

P’ J เห็นว่าตัวเลขในบัญชีของร้านไม่ดีเท่าไหร่

พี่บอกให้น้อง ไปแจ้งเจ้าของร้าน ให้เดินบัญชีปรับตัวเลขให้ดูดีกว่านี้ก่อน

น้องหายไปหลายเดือน เพราะการปรับตัวเลข
การปรับยอดขาย มันไม่ได้ทำกันปุ๊บปั๊บเลย

หลังจากบัญชีของร้านได้ตัวเลขตามที่ P’ J ต้องการแล้ว
เราก็ทำเรื่องยื่นวีซ่า subclass 457 ให้น้อง

Stage 1; SBS Standard Business Sponsor ผ่าน โดยที่ไม่มีการขอเอกสารอะไรเพิ่มเติมเลย

Stage 2; Nomination ผ่าน โดยที่ไม่มีการขอเอกสารอะไรเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน เพราะ stage 2 จะโดนเรื่อง genuine position กันมาก

Stage 3: ก็ผ่านโดยที่ไม่ได้ขออะไรเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน

จาก case นี้ มันอีก 1 case ในการยืนยันว่า เราขอ check ดูเอกสารก่อน
ถ้าเราคิดว่าไม่น่าจะยื่น และให้กลับไปปรับปรุงเอกสารก่อน
เราอยากให้ลูกค้าเชื่อเราจ๊ะ

เพราะถ้า profile ร้าน หรือคนสมัครไม่ดี
เราก็ไม่ยื่นให้อยู่แล้ว
ถ้ายื่นไปแล้วไม่ผ่าน มันก็เสียความรู้สึกด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย

ดังนั้นก็อยากจะให้หลาย ๆ คนเข้าใจด้วยว่า ทำไมเราถึงเลือก
เลือกที่จะทำ case บาง case และเลือกที่จะไม่ทำ case บาง case

เราก็ดีใจที่ได้ร่วมงานกันกับน้อง “T” นะครับ

ขอพระเจ้าอวยพรน้องทั้ง 2 นะครับ

สินค้าดี ใช้แล้วต้องบอกต่อนะครับ

LINE: @JMigrationTeam (มี @ ข้างหน้าด้วย)
IG: @JMigrationTeam
Snapchat: @JMigrationTeam
YouTube: www.youtube.com/c/JMigration
Website: www.jmigrationteam.com
Podcast: Spotify, iTune และ platform อื่น ๆ
SMS: +61 412470969