เป็นผี วีซ่าขาด ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ไม่ต้องอยู่เป็นเบี้ยล่างของใคร ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาข่มขู่ รีดไถ หรือทำให้ความเป็นมนุษย์ของเรามันถดถอยน้อยลงไป
แนะนำให้คนที่เป็นผี พวกวีซ่าขาด ให้ดำเนินชีวิตไปตามปกติเหมือนคนอื่นๆโดยทั่วไป เพียงแต่ว่าเราทำงานไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง... ตรงนี้มันไม่มีทางเลือกจริงๆ
สาเหตุที่เราบอกว่าคนที่เป็นผี วีซ่าขาด ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหวาดระแวงนั้นก็เพราะว่า
- ช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีการถดถอย Global Financial Crisis (GFC) ในช่วงรัฐบาลของ Kevin Rudd, รัฐบาลชุดนั้นได้มีการลดค่าใช้จ่ายด้วยการลดจำนวนพนักงานข้าราชการของกระทรวงอิมมิเกรชั่นไป 10% ซึ่งก็ถือว่าเยอะมาก หลังจากนั้นเป็นต้นมา การที่อิมมิเกรชั่นจะออกไปตรวจจับคนที่วีซ่าขาดนั้นแทบจะไม่มีเลย เพราะว่าทางอิมมิเกรชั่นเองก็ขาดบุคากรทางด้านนี้
- ทางอิมมิเกรชั่นเองตอนนี้ จะออกจับกุมพวกที่เป็นผี วีซ่าขาด ก็ต่อเมื่อมีคนแจ้งข้อมูลเข้ามาเท่านั้น อิมมิเกรชั่น จะไม่แบบว่า จู่ๆก็มาเคาะประตูหน้าบ้านเรา ไม่ใช่นะครับ คือต้องมีคนแจ้งข้อมูลเข้าไป
- ดังนั้นถ้าเราใช้ชีวิตไปตามปกติ เราไม่ได้ไปเหยียบหางใคร คิดว่าคงจะไม่มีใครมาคิดร้ายอะไรกับเรา เราก็ไม่ควรที่จะตื่นเต้น หรือนอนหวาดผวาไปสะทุกคืน เดี๋ยวจะกลายเป็นโรคจิตกันพอดี (เอ๊ะ..... หรือว่าเป็นไปแล้ว!!!)
ทนายความหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์ทุกคน มีหน้าที่ที่จะให้ความช่วยเหลือและปกป้องทุกคนที่เข้ามาปรึกษา เพราะว่านั่นมันเป็น code of conduct ที่พวกเราต้องทำตาม เพราะถ้าไม่ทำตาม นั่นก็หมายถึงว่าใบประกอบวิชาชีพ license เราอาจจะโดนยึดได้ ดังนั้นการที่คนเราเป็นผี วีซ่าขาดนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหวาดผวาหรือกลัวว่า เวลาไปปรึกษาทนายความหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์แล้ว เราจะมีการแจ้งจับ
ผิดครับ ตรงกันข้าม เราปกป้อง ให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือต่างหากหละ
เราเองก็ขอประณามคนที่คอยกดขี่ข่มเหงคนที่เป็นผี วีซ่าขาด
การกดกี่ข่มขู่ และเอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทำอะไรต่อไปในชีวิตก็คงไม่เจริญหรอก
คิดใหม่ กลับตัว กลับใจ สังคมจะให้อภัยมั๊ย เราไม่รู้ แต่เราหนะคงไม่ เพราะเราไม่ชอบ...
สถานการณ์ชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ให้โอกาสกับคนอื่นบ้าง ให้ที่กับคนอื่น ที่ให้เขาได้ยืน ได้หายใจบ้าง ถ้าคนเรามันเลือกได้ เราก็คิดว่าเขาคงไม่อยากมาเป็นผี วีซ่าขาด กันหรอก
ปัญหาทุกอย่างมันต้องมีทางออกสิ... ขอให้เรารู้เรื่องกฏหมายบ้าง รู้การเปลี่ยนแปลง และการผลันเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาล
ถ้ามัวแต่จับกลุ่มคุยกันแบบแม่บ้านๆ คำตอบที่ได้ก็จะได้แบบแม่บ้านๆ
เอ๊ะ.... เป็นแม่บ้านแล้วมันผิดตรงใหน
ไม่ผิดจ๊ะ แต่ก็คุยกันเรื่องแม่บ้านๆ หนะดีแล้ว แบบว่า ไปกินข้าวที่ใหน ดูทีวีรายการอะไร จะบินแล้วนะค่ะ เที่ยวบินใหน ทักมาได้ อะไรประมาณนี้ ไม่ต้องคุยเรื่องกฎหมาย!!!
No comments:
Post a Comment