เมื่อไม่นานมานี้ น้อง P ติดต่อเข้ามาเพื่อที่จะทำวีซ่า subclass 457
ทีแรกเราก็ plan กันเอาไว้แล้วว่าจะยื่นเดือนโน้นเดือนนี้ แต่อยู่มาได้ไม่นาน น้องก็โทรมาบอกว่า เนื่องด้วยน้อง B คุณสามีถือวีซ่า subclass 573 ที่ต้องเรียนมหาลัย แต่คุณน้องดันไปเรียนพวก college ซึ่งเป็น subclass 572 และอิมมิเกรชั่นส่งจดหมายมา intention of cancellation คือแบบว่าจะ cancel วีซ่า ให้อธิบายว่าทำไมน้องถึงไปเรียนผิด subclass อะไรประมาณนี้
เกิดเรื่องแล้วหละสิ เพราะคิดว่าน้องคงต้องโดน cancel วีซ่าแน่ๆเพราะน้องทำผิดจริง คือเรียนผิด subclass ผิด condition แต่พี่ J ก็ไม่ได้ไปวุ่นวายตรงจุดนั้น ก็ปล่อยให้เอเจนท์นักเรียนเขาเขียนจดหมายแก้ต่างอะไรของเขาไป แต่เราก็ต้องรีบทำเรื่องและสมัครวีซ่า subclass 457 ให้น้องเขา จำได้ว่า น้องติดต่อมาวันพฤหัส เราก็ต้อง drop everything ที่กำลังทำอยู่เลย เพราะกลัวว่าวีซ่าน้องจะโดน cancel คือเอาเป็นว่า ต้องรีบ submit เรื่องเข้าไปก่อน อย่างน้อยให้ได้ Bridging Visa A มาก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน เอกสารค่อยทยอย upload เข้าไปทีหลัง
ช่วงนั้นเราก็เลยทำงานกันสายฟ้าแลบ LINE กันไปLINE กันเอา เอาเอกสาร เอาข้อมูล โทรด้วย email ด้วย เสร็จยื่นทั้ง 3 stages ภายใน 2 วัน เพราะเราไม่ชอบทำงานแบบพวก "เอิงเอย"
ถามว่ายื่นวีซ่า subclass 457 ภายใน 1-2 วันทำได้มั๊ย ทำได้นะ แต่จะไม่ขอทำอีก เพราะเป็นอะไรที่ stressful มาก แต่ที่ทำก็เพราะต้องการช่วยน้องก็แค่นั้นเอง และเราก็ทำกันช่วง weekend ด้วย
และแล้ววีซ่านักเรียนของน้องก็โดน cancel ไปตามความคาดหมาย แต่นั่นมันคือปัญหาของเอเจนท์นักเรียนที่ชอบเอานักเรียนมาเรียนผิด subclass กัน เราเคย blog เตือนกันไปแล้วหลายรอบ เอาเป็นว่า วันนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องการพูดก็แล้วกัน
หลังจากที่วีซ่าน้องโดน cancel เราก็จัดการทำเรื่อง Bridging Visa E ให้ครอบครัวน้องเขา เพื่อที่จะอยู่รอวีซ่าที่นี่ได้
ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ครับครัวน้องได้วีซ่า subclass 457 แล้ว
oh...BTW, น้องเขาเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยจ๊ะ สรุปคือทำพวก self-sponsorship
ใครบอกว่า self-sponsorship ทำไม่ได้เหรอ
ไม่จริงนะ ทำได้ แต่เอกสารจะเยอะมากขึ้นตอนทำ stage 2 Nomination
ถ้าเป็นคนชอบเขียน เป็นคนชอบอธิบาย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องของการเขียนและอธิบายการทำ self-sponship ว่า position หนะ geunine ยังไง มีความจำเป็นยังไง ซึ่งเราก็ได้เขียน blog เอาไว้แล้วก่อนหน้านี้
ก็เอาเป็นว่า นี่ก็เป็นอีก another success story ก็แล้วกัน
ก็ให้เป็นอุทาหรณ์ว่า
- อย่าเรียนอะไรผิด subclass
- มีอะไร ให้เตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่น เพราะคิดว่ามีน้อยนักที่ทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์จะรับ case emergency แบบนี้ อาจจะรับได้ แต่ต้องโดนฟันแพงๆๆ
No comments:
Post a Comment