Saturday, April 29, 2017

รัฐบาล goes backdoor to implement Medium and Long-term Strategic Skills List (MLTSSL) และ Short-term Skilled Occupation List (STSOL)


หลังจากที่รัฐบาล release legislation ตัวใหม่; F2017L00450

Medium and Long-term Strategic Skills List (MLTSSL) และ Short-term Skilled Occupation List (STSOL) ออกมา แต่ไม่ take affect

คือ no longer in force

แต่รัฐบาลก็แก้เกมส์ด้วยการ ไปเปลี่ยน legislation ตัวเก่า จากที่ไม่เคยมี MLTSSL & STSOL มาเป็น ให้มี MLTSSL & STSOL เข้าไปแทน

รัฐบาลเปลี่ยน legislation เงียบๆ ไม่มีการออกมาประกาศว่าทำไม legislation ตัวใหม่ ถึง no longer in force

แต่นั่นเราไม่สน ในฐานะของสามัญชนทั่วไป มันหมายถึง MLTSSL & STSOL กลับมา take effect เหมือนเดิม

แต่มาแบบ backdoor

คือ ประกาศอันใหม่ ใช้ไม่ได้
ก็เลยไป "เปลี่ยน" อันเก่า

สรุป หลายคน ตื่นเต้น for nothing

สรุปคือ cook, restaurant manager และ massage therapist ก็อยู่ใน STSOL กันต่อไป (ขอ PR ไม่ได้)

chef  อยู่ใน MLTSSL (ขอ PR ได้)

เดี๋ยวเราก็มาดูการ review ครั้งต่อไปละกัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ว่าจะมีการโยกย้ายสาขาอาชีพไปมาหรือเปล่า

Friday, April 28, 2017

ยกเลิก Medium and Long-term Strategic Skills List (MLTSSL) และ Short-term Skilled Occupation List (STSOL) กลับมาใช้ CSOL เหมือนเดิม


หลังจากที่ทางรัฐบาลได้มีการประกาศ ใช้ Medium and Long-term Strategic Skills List (MLTSSL) และ Short-term Skilled Occupation List (STSOL)

ไปเมื่อวันที่ 18 Apr 2017

Cook, Restaurant Manager, และ Massage Therapist
ไม่มีอยู่ใน MLTSSL, แต่มีอยู่ใน Short-term Skilled Occupation List (STSOL) เท่านั้น


ตอนนี้ทางรัฐบาลได้มีการยกเลิก Medium and Long-term Strategic Skills List (MLTSSL) และ Short-term Skilled Occupation List (STSOL) ไปแล้วเรียบร้อยนะครับ

ยกเลิกแบบเงียบๆ ไม่มีการประกาศออกข่าว หรือแถลงข่าวเหมือนที่ออกมาเปลี่ยนแปลงตอนวันที่ 18 Apr 2017

ณ วันนี้ วันที่ 27 Apr 2017 (วันที่เขียน blog & ส่ง email ไปหาลูกค้าทุกคน.... แต่จะ post ให้คนทั่วไปอ่านวันใหนหนะ อีกเรื่องหนึง), website ของอิมมิเกรชั่นเองก็ไม่มีการ update ใดๆทั้งสิ้น

J Migration Team เรา update ไวกว่า

สรุปตอนนี้

กลับมาใช้ SCOL เหมือนเดิมแล้วครับ


Cook, Restaurant Manager, และ Massage Therapist มีอยู่ใน CSOL

CSOL: https://goo.gl/rA05pR

แต่ตอนนี้ทุกอย่างตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน

หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีก

ลูกค้าของ J Migration Team จะได้รับการ update ทาง email อยู่เรื่อยๆนะครับ ไม่ต้อง panic

Be informed, be in the loop, be with J Migration Team

Tuesday, April 25, 2017

Australian Citizenship from 20 Apr 2017


เมื่อวันที่ 20 Apr 2017 ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้มีการประกาศแบบสายฟ้าแลบ

หลายๆคนยังคิดว่า กฎใหม่ requirement ของการขอ citizen

จะมีการเริ่มบังคับใช้ สิ้นปี นั่น นี่ โน่น

บางคนก็บอกว่า 01 Jul 2017

ไม่ครับไม่

บังคับแบบมัดมือชกเลย เริ่มบังคับใช้ทันที่ วันที่ 20 Apr 2017

ทางอิมมิเกรชั่นจะมีจดหมายหรือ email ไปขอข้อมูลเพิ่มเติม นั่น นี่ โน่น สำหรับคนที่ยื่นจากวันที่ 20 Apr 2017 เป็นต้นมา

จริงอยู่เรื่องยังไม่ผ่านสภา แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ของโลกตอนนี้ ที่มีแต่ข่าวผู้ก่อการร้าย terrorist attack ที่ นั่น นี่ โน่น จึงไม่เป็นการแปลกที่ทางรัฐบาลมีการประกาศเปลี่ยนกฎแบบสายฟ้าแลบแบบนี้


รัฐบาลเปิดโอกาสให้คนสามารถ submit พวก feedback อะไรต่างๆ นาๆได้ จนถึงวันที่ 01 Jun 2017

ก็ email กันได้นะครับที่ citizenship.submissions@border.gov.au

โปรด check grammar, check spelling, check your punctuation ก่อน submit นะครับ

รัฐบาลจะนำเรื่องเข้าสภาตอนปลายปี แต่จะมีผลย้อนหลัง เริ่มจาก 20 Apr 2017 นะครับ กฎหมายสามารถทำได้

สิ่งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงก็คือ:
  • คนสมัครต้องเป็น PR (Permanent Resident) อย่างต่ำ 4  ปี
  • คนสมัครต้องมีผลสอบภาษาอังกฤษ IELTS general ทุกอย่าง อย่างต่ำ 6 (6 each band) หรือเทียบเท่า (เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี หรือผู้สูงอายุ อายุเกิน 60 ไม่ต้องสอบภาษาอังกฤษ)
  • ข้อสอบ สามารถสอบได้ 3 ครั้งเท่านั้น ถ้าสอบ 3 ครั้งไม่ผ่าน ก็ต้องรออีก 2 ปีถึงจะสามารถสมัครได้อีกรอบ
  • ต้องทำ police check, make sure ว่าประวัติขาว สดใส สะอาด ปราศจากประวัติ แม้แต่ รถขับฝ่าไฟแดง ก็ต้องระวัง (มีวิธีแก้ แต่เอาไว้โอกาสหน้า ก็แล้วกัน)
  • ต้องโชว์ว่าเรามีงานทำ มีการจ่ายภาษี คืนกำไรให้กับสังคม หรือไม่ก็โชว์ว่าพยายาแล้ว พยามยามที่จะหางาน หรือ upgrade skill ของตัวเองแล้ว ไม่ใช่วันๆเล่นแต่ตบตู้กัน (ไม่สักแต่จะเอาแต่ได้ ทำงานเยอะแยะมากมาย แต่ยังขอเงิน CentreLink, คิดใหม่ แก้ตัวใหม่นะจ๊ะ สังคมยังให้อภัย)

นโยบายของรัฐลบาลตอนนี้คือ จะไม่ให้ใครอะไรง่ายๆ

เพราะสิ่งที่ได้มาง่ายๆ คนก็ไม่เห็นคุณค่ากัน
เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็สุดแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน


Friday, April 21, 2017

Subclass 186 ENS & Subclass 187 RSMS


นอกจากการเปลี่ยนแปลงของวีซ่า subclass 457 ที่มีการประกาศออกมาเมื่อวันที่ 18 Apr 2017 แล้ว 

มันก็มีผลต่อเนื่องมาที่ subclass 186 ENS และ subclass 187 RSMS ด้วย ผลการเปลี่ยนแปลงมีการบังคับใช้ทันที ตั้งแต่วันที่ 19 Apr 2017 ไป

ผลการบังคับใช้คร่าวๆ มีดังต่อไปนี้

ที่บอกคร่าวๆ เพราะทางอิมมิเกรชั่นเองมีการประกาศแบบสายฟ้าแลบ ทางฝ่ายทนายและอิมมิเกรชั่นเอง ไม่ได้รับข้อมูลก่อน เป็นอะไรที่ไม่ปลื้มเท่าไหร่ เรารู้แหละว่ามันกำลังจะเกิด แต่ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ ทางเราเองก็กำลังศึกษาตัวกฎหมายอะไรอยู่เหมือนกัน แต่ที่เขียน blog วันนี้ก็เอาแบบคร่าวๆก่อน inbox, LINE และ email จะได้ไม่ถล่ม

จาก 01 Jul 2017:
  • ผลสอบ IELTS (general) หรือเทียบเท่า จะต้องได้อย่างต่ำ 6 ทุก part
  • อายุ ถ้าจะสมัคร Direct Entry อายุคนสมัครจะต้องไม่เกิน 45 ปี  หรือถ้าจะสมัครแบบ Transitional Stream ต่อจากวีซ่า subclass 457,  อายุคนสมัครจะต้องไม่เกิน 50 ปี  หากมีข้อยกเว้นอะไร ทาง  J Migration Team จะแจ้งให้ทราบอีกที เพราะกฎเก่ามีข้อยกเว้น

จาก 31 Dec 2017:
  • ทุกคนต้องแจ้งหมายเลข Tax File Number ให้กับอิมมิเกรชั่น แล้วอิมมิเกรชั่นจะมีการ check ข้อมูลกับ ATO ว่าเรามีการได้รับค่าแรงและมีการจ่ายภาษีตามที่แจ้งไว้หรือเปล่า
  • หากนายจ้างหรือธุรกิจใหน มีการทำผิดกฎหมายของอิมมิเกรชั่น ทางอิมมิเกรชั่นจะมีการประกาศรายชื่อของนายจ้างหรือธุรกิจ เพื่อให้ public ได้รับรู้ (อีกชื่อหนึ่งก็คือ "name and shame" นั่นเอง)

จาก 18 March 2018:
  • ทั้ง ENS และ RSMS, สาขาอาชีพต้องมาจาก MLTSSL เท่านั้น, สาขาอาชีพที่สามารถขอ RSMS ได้จะมีมากกว่าของ ENS
  • ค่าแรงขั้นต่ำของ EMS & RSMS ต้องอยู่ที่ $53,900/ปี (แต่ก่อนบังคับใช้เฉพาะ 457)
  • ต้องทำงานกับนายจ้างปัจจุบันอย่างต่ำ 3 ปี ก่อนสมัคร
  • ประสบการณ์ในการทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้อง อย่างต่ำ 3 ปี
  • อายุผู้สมัครไม่เกิน 45 ปี หากมีข้อยกเว้นอะไร ทาง J Migration Team จะแจ้งให้ทราบอีกที เพราะกฎเก่ามีข้อยกเว้น

Subclass 457 timeline; 19 Apr 2017 - 31 Dec 207


จากการประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงของวีซ่า subclass 457 เมื่อวันที่ 18 Apr 2017 ที่ผ่านมา

วีซ่า subclass 457 เองก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปทีละ phase:

- 31 December 2017
- 18 March 2018 (TSS: Temporary Skill Shortage)

เราได้เขียน blog ไปแล้วถึงการเปลี่ยนแปลงจากวันที่ 19 Apr 2017

และการเปลี่ยนแปลงจากวันที่ 01 Jul 2017 ไปบ้างแล้ว

blog นี้เราจะเขียน update ข้อมูลเพิ่มเติมของการเปลี่ยนแปลง timeline จากวันที่ 01 Jul 2017 & 31 Dec 2017

การเปลี่ยนแปลงเริ่มจาก 01 Jul 2017:
  • สาขาอาชีพที่อยู่ใน STSOL จะมีการ review ทุกๆ 6 เดือน
  • ยกเลิกการขอยกเว้นในส่วนของ requirement ของภาษาอังกฤษ ต่อจากนี้ไป เราไม่สามารถขอยกเว้น ไม่สอบภาษาอังกฤษ เพราะมีการจ้างในค่าแรงที่สูงอีกต่อไป; $96,400.00 สรุปคือ ทุกคนต้องผ่าน requirement ของ ภาษาอังกฤษ
  • ทุกคนต้องขอ police check (แต่ก่อน ต้องรอ case officer เรียก)

การเปลี่ยนแปลงเริ่มจาก 31 Dec 2017:
  • ทุกคนที่ถือวีซ่า subclass 457 ต้องแจ้งหมายเลข Tax File Number ให้กับอิมมิเกรชั่น แล้วอิมมิเกรชั่นจะมีการ check ข้อมูลกับ ATO ว่าเรามีการได้รับค่าแรงและมีการจ่ายภาษีตามที่แจ้งไว้ใน contract ของ stage 2; Nomination หรือเปล่า
  • หากนายจ้างหรือธุรกิจใหน มีการทำผิดกฎหมายของอิมมิเกรชั่น ทางอิมมิเกรชั่นจะมีการประกาศรายชื่อของนายจ้างหรือธุรกิจ เพื่อให้ public ได้รับรู้ (อีกชื่อหนึ่งก็คือ "name and shame" นั่นเอง)

Subclass 457, จากวันที่ 19 Apr 2017


จากการประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงของวีซ่า subclass 457 เมื่อวันที่ 18 Apr 2017 ที่ผ่านมา

case ของหลายๆคนโดนกระทบแบบทันที immediately

เพราะทุก case ถึงแม้ว่ายื่นไปก่อนหน้านั้นก็ตาม
ถ้า case ใหน approve จากวันที่หรือหลังวันที่ 19 Apr 2017 เป็นต้นมา

ถ้าสาขาอาชีพไม่ได้อยู่ใน Medium and Long-term Strategic Skills List (MLTSSL)

เราจะได้วีซ่าแค่ 2 ปีเท่านั้น แล้วก็จะสามาถต่อ renew onshore ได้แค่ครั้งเดียว และครั้งเดียวเท่านั้น

และคนที่ได้วีซ่าจากวันที่หรือหลังวันที่ 19 Apr 2017, จะสามารถขอ PR ได้ก็ต่อเมื่อ สาขาอาชีพอยู่ใน Medium and Long-term Strategic Skills List (MLTSSL)

https://www.border.gov.au/Trav/Work/Work/Skills-assessment-and-assessing-authorities/skilled-occupations-lists/mltssl

Cook,
Restaurant Manager, และ
Massage Therapist

ไม่มีอยู่ใน MLTSSL, แต่มีอยู่ใน Short-term Skilled Occupation List (STSOL)


https://www.border.gov.au/Trav/Work/Work/Skills-assessment-and-assessing-authorities/skilled-occupations-lists/combined-stsol-mltssl

ดังนั้น Cook, Restaurant Manager, และ Massage Therapist จะได้วีซาแค่ 2 ปีต่อครั้ง ดังที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้น เท่านั้น


ถ้าสาขาอาชีพที่อยู่ใน MLTSSL ก็ยังได้วีซ่าถึง 4 ปีตามปกติ

Chef เป็นสาขาอาชีพใน MLTSSL แต่ Cook, Restaurant Manager, และ Massage Therapist ไม่ใช่สาขาอาชีพใน MLTSSL

เราแนะนำให้หลายๆคน เตรียม plan A, plan B ไว้ด้วยนะครับ

ให้ลองมองๆ สาขาอาชีพใน MLTSSL ว่ามีตัวใหนที่เราพอจะสมัครได้บ้างในอนาคต

ถึงแม้ว่าสาขาอาชีพบางอาชีพ เราจะได้วีซ่าแค่ 2 ครั้งละ 2 ปี

ถ้าเรามีแฟนหรือคนติดตาม แล้วเราให้แฟนเราหรือคนติดตามไปเรียนอะไร เพิ่มเติมในสาขาอาชีพที่มีอยู่ใน MLTSSL เราก็สามารถพลิกผันสถานการณ์ได้นะครับ

ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไปนะครับ

แต่ถ้าใครเหนื่อยแล้ว เบื่อแล้ว เราเข้าใจ
ทุกเส้นทางของชีวิต เราเป็นกำหนด เราเลือกได้

ใครละเลือกเดินไปทางใหน เลือกเอานะครับ

เลือก คิด และ ทำ ในสิ่งที่เราชอบ และคิดว่าดีที่สุดแล้วสำหรับชีวิตเรา

Wednesday, April 19, 2017

Visa subclass 457, 01 July 2017


Temporary Skill Shortage Visa; TSS จะเริ่มประกาศใช้วันที่ 18 Mar 2018

ดังนั้น visa subclass 457 ตัวเดิม ก็ยังคงสามารถยื่นได้จนถึง เที่ยงคืน 17 Mar 2018

(แต่สาขาอาชีพมีการเปลี่ยนแปลง บ้างเล็กน้อย เดี๋ยวจะมากระซิบข้างๆหู ให้ฟัง)

อีกตั้ง 11 เดือน

กระโตกระตากได้
ขอแต่พองามละกัน

TSS ยังอยู่อีกไกล มา worries เรื่องวีซ่า subclass ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงวันที่ 1 July 2017 ก่อนจะดีกว่ามั๊ย

สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ วีซ่า subclass 457, 01 July 2017 มีดังต่อไปนี้:

• summary information about the business: เตรียมตัวเขียน business plan กันไว้เลยนะครับ

• business website/URL ถ้ามี

• ถ้าเป็น franchise ก็ต้องมีข้อมูล franchise

• ข้อมูลของ company secretary

• projection หรือ forecast ของ payroll ในอีก 12 เดือนข้างหน้า

• full details ว่าคนสมัครจะต้องทำอะไรมั่ง (position details) และจะต้องทำงานที่ใหน อะไรยังไง (ถ้ามีหลายสาขา)

• เตรียมพร้อมสำหรับทำการทำ skills assessment ไว้เลย

ข้อมูลของคนสมัครว่ามีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของธุรกิจ ยังไง เป็นญาติกันมั๊ย

• สถานะ visa status ของคนสมัคร

• หมายเลขประจำตัวประชาชน

• ข้อมูลพวก ID ต่างๆ พวกใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี) เตรียมเอาไว้เลยนะครับ แปลเอาไว้เลย

• ถ้ามีลูกติดตาม ข้อมูลสิทธิในการเลี้ยงดูเด็ก (child custody)

Thursday, April 13, 2017

วีซ่า subclass 457 อยู่อย่างคนไม่มีสิทธิ์


วีซ่า subclass 457 วีซ่าทำงานโดยที่มีนายจ้างสปอนเซอร์

เอกสารตัวแรกที่เราต้องการดูคือ BAS ในรอบ 12 เดือนนะครับ

BAS ทั้ง 4 quarters

และก็เงินในบัญชีร้าน (บัญชีร้านนะครับ ไม่ใชบัญชีส่วนตัว)

ถ้ายอดขายใน BAS ดูไม่ดี ยอดขายไม่ถึง เอกสารตัวอื่นก็ป่วยการที่จะส่งมา

เพราะเราคิดว่า มันคงทำไม่ผ่าน หรือโอกาสที่จะผ่านหนะยากมากกกกกกกกกกกกกกก

เพราะตอนนี้ stage 2 nomination ของ 457 เป็นอะไรที่ผ่านกันยากมากกกกกกกกกกกกกกก

ถ้ายอดขายไม่ถึง

เขาจะเน้นที่ financial stability และก็ genuine position ที่ fit into business scale

ร้านนวด ควรมียอดขายประมาณ $3,000 - $3,500/week ($36,000 - $42,000 ต่อ quarter)

ร้านอาหาร ควรมียอดขายประมาณ $7,000/week ($84,000 ต่อ quarter)

ถ้ายอดขายต่ำกว่านั้น เราไม่แนะนำให้ทำ 457 นะครับ

ปวดหัวเปล่าๆ

ใช่แล้วจ๊ะ ถ้ายอดขายไม่ถึง
ก็ต้องอยู่อย่างคนไม่มีสิทธิ์

It is a harsh reality นะครับ

ทุกสิ่งอย่างในชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ


ถ้าหากคิดจะเดินทางสาย 457 ก็ต้องเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ

ก็เพราะว่าทุกสิ่งอย่างในชีวิต คือการลงทุน

...รักนะ… ถึงบอก

Friday, April 7, 2017

Substantive Visa คืออะไร


Substantive visa คือวีซ่าทุกอย่างที่ไม่ใช่ Bridging Visas

ดังนั้นบางที เราก็ต้องตอบคำภาม หรือ tick คำตอบให้ถูกช่อง

เพราะถ้า tick ผิด หรือตอบผิด application เราก็จะถือว่าเป็น invalid application ได้นะครับ

ถ้าบางคนโดนหนักหน่อย เจอข้อหา PIC4020 จงใจให้ข้อมูลเท็จแก่เจ้าหน้าที่ โดนแบน 3 ปีอีก ซวย

เล็กๆ น้อยๆ อย่ามองข้าม

เพราะคำตอบทุกอย่าง เอกสารทุกอย่างที่เรา submit เข้าไปที่กระทรวงอิมมิเกรชั่น ถือเอาเป็น legal document หรือเอกสารทางด้านกฎหมาย

Tuesday, April 4, 2017

Student Visa วีซ่านักเรียนทำงานได้ 20 ชั่วโมงต่อ week จริงเหรอ


วีซ่านักเรียนที่ออสเตรเลียก็เหมือนกับหลายๆวีซ่า ที่มีการเปลี่ยนแปลง และ evolve อยู่เรื่อยๆ

หลายๆคนยังติดอยู่กับภาพลักษณ์เก่าๆว่าวีซ่านักเรียนนั้นสามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมง/อาทิตย์ ในช่วงที่เรียน 

ไม่เกี่ยวกับช่วงปิดเทอมนะครับ เพราะช่วงปิดเทอมก็ทำได้ไม่จำกัดอยู่แล้ว

และก็คนติดตามนักเรียนที่เรียน ป.โท research stream หรือ PhD ก็สามารถทำงานได้ ไม่จำกัดอยู่แล้ว

เดี๋ยวเรามาดูวิวัฒนการของ work right ของวีซ่านักเรียนกันนะครับ

ณ กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว:
วีซ่านักเรียนจะไม่มี work right
ใครอยากจะทำงาน ต้องกรอกฟอร์มขออนุญาต ทำงาน
และต้องไปติด sticker ที่ passport ด้วย
และก็สามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมง/อาทิตย์ 

ณ กาลครั้งหนึ่ง ยังไม่นานเท่าไหร่:
วีซ่านักเรียน จะมี work right automatically คือสามารถทำงานได้เลย ไม่ต้องทำเรื่องขออนุญาตทำงาน
อิมมิเกรชั่นเองคงขี้เกียจทำเรื่องหรือคอยตามจับนักเรียน ที่แอบทำงาน โดยที่ไม่มี work right แหละ

สรุป อิมมิเกรชั่น ก็เลยให้ work right กับทุกคนไปเลย มันจะได้จบๆ

และก็สามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมง/อาทิตย์ 

ณ ปัจจุบัน:
เมื่อโลกเปลี่ยนไป
วีซ่านักเรียนก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วย
มีการ evolve บ้างเล็กน้อย
มีการเปลี่ยน work right จาก 20 ชั่วโมง/อาทิตย์ เป็น 40 ชั่วโมง/2 อาทิย์

เพราะที่ออสเตรเลีย หลายๆหน่วยงานที่มีการทำงานเป็น roster เขาจะ roster กันทุก 2 อาทิตย์ ทางอิมมิเกรชั่นเองก็เลยมีการเปลี่ยน work right สำหรับวีซ่านักเรียนเป็น 40 ชั่วโมง/2 อาทิตย์

ดังนั้น ถ้าเผื่อสมมุติว่า week นี้ เราทำงาน 30 ชั่วโมง
แล้ว week หน้า เราทำงานอีก 10 ชั่วโมง
แบบนี้ก็ไม่ผิดกฎหมาย นะครับ เพราะสมัยนี้ เราคิดกันเป็นทุกๆ 2 อาทิตย์แล้ว

ดังนั้น ถ้าอาทิตย์ใหนเราทำงานเกิน 20 ชั่วโมง ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ
เราก็ไปลด shift การทำงานอีกอาทิตย์ต่อไปได้

แต่ช่วงปิดเทอม เราก็ทำได้ ไม่จำกัดตามปกติ

และก็คนติดตามนักเรียนที่เรียน ป.โท research stream หรือ PhD ก็สามารถทำงานได้ ไม่จำกัดอยู่แล้ว


Sunday, April 2, 2017

บริจาคตังค์ที่ออสเตรเลีย ขอ receipt นำมาลดหย่อนภาษีได้


วันอาทิตย์ เบาๆ เอาอะไรมาฝาก

เมื่อวานเราไปสถานที่ “xyz” แห่งหนึ่ง
แล้วก็นำเงินที่ได้จากการทำ Online Course; Overstay ทั้งหมด
บวกกับเงินตัวเองบ้างเล็กน้อย ไม่มากเท่าไหร่

เงินที่ได้มาทั้งหมดจะมาจากคนที่ลงทะเบียนเรียนมากกว่าเงินส่วนตัวของเรา


เรานำเงินส่วนนี้ ไปบริจาค ไป donate กับสถานที่ “xyz” แห่งนี้

ก็อยากจะบอกเป็นเกร็ดความรู้ กับการใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลียนะครับ

ถ้าเผื่อเราบริจาค หรือ donate ตังค์ ให้กับสถานที่หรือองค์กรที่เป็นพวก non-profit organization

และถ้าเผื่อเราบริจาคตั้งแต่ $2 ขึ้นไป เราสามารถขอ receipt หรือใบเสร็จรับเงินได้

และเราก็สามารถใช้ receipt หรือใบเสร็จรับเงินตัวนี้มาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้

ซึ่งในความรู้สึกส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าการที่เรานำเงินไปบริจาคให้กับองค์กร non-profit organization หรือองค์กร charity ต่างๆ มันดีกว่าที่เราจะเสียภาษีให้กับรัฐบาล

เพราะเราเสียภาษีให้กับรัฐบาล เรา control ไม่ได้ว่ารัฐบาลจะเอาเงินส่วนนั้นของเราไปทำอะไร ส่วนมากแล้วรัฐบาลก็จะเอาเงินภาษีของเราไปจ่ายให้กับพวก social welfare หรือ CentreLink

ซึ่งจะตรงกันข้ามกับการที่เราบริจาคโดยตรงให้กับ หน่วยงานหรือองค์กรพวก non-profit organization หรือองค์กร charity ต่างๆ คือแบบว่าเราต้องการจะบริจาคให้ใครเราก็บริจาคให้กับหน่วยงานนั้นโดยตรง


ต่อไปถ้าเผื่อใครจะบริจาคอะไรยังไง

ก็ควรจะขอใบเสร็จรับเงินนะครับ

เพราะว่าเราสามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้

Saturday, April 1, 2017

วีซ่านักเรียน ทำยังไงถึงไม่ให้โดนหลอก


มีพี่ๆ น้องๆ คนไทยหลายคน ที่เมืองไทย โดนหลอกเสียตังค์เยอะแยะไปกับการรู้เท่าไม่ถึงการ ไปกับการขอวีซ่านักเรียน

หรือมีหลายๆ case ที่ไม่มีการขอวีซ่านักเรียน หรือว่าอะไรเลย

สรุป คือหลอกเอาเงินมา แล้วก็หายตัวไป

ก็แนะนำนะครับ ก่อนที่จะโอนเงินให้ใครในการขอวีซ่า สิ่งที่ควรจะทำหรือศึกษาก่อนคือ

  • บุคคลนั้น มีบริษัทหรือทะเบียนการค้าที่ถูกต้องหรือเปล่า สรุปตัวเขาหรือบริษัทต้องมี ABN ซึ่งเป็นหมายเลขทะเบียนการค้านะครับ
  • ถ้าเป็นบริษัทก็ต้องมี ACN ซึ่งเป็นกฎหมายบังคับว่าธุรกิจที่ถูกต้องที่ประเทศออสเตรเลีย ต้องมีการโชว์หมายเลข ABN และ ACN แก่ผู้บริโภค
  • ลองเข้าไปดู website ของทางบริษัทหรือหน่วยงานว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ใหน สมัยนี้ ถ้าบริษัทหรือหน่วยงานไม่มี website ไม่มีข้อมูล online, ถ้าเป็นเรา เราก็คงไม่กล้าที่จะ deal อะไรด้วยนะครับ เพราะดูลึกลับยังไงชอบกล สมัยนี้บริษัทและหน่วยงาน ต้องมีการโปร่งใส (ในความคิดเรานะ)
แต่ที่แน่ๆก็คือ ถ้าเรามีญาติหรือเพื่อนอยู่ที่ออสเตรเลีย ก็ควรจะใช้บริษัทหรือเอเจนท์ที่เพื่อนเราหรือญาติใช้จะดีกว่านะครับ

อย่างน้อยก็ช่วยลดความเสี่ยงลงไปบ้าง ดีกว่าจะไปใช้บริการของใครก็ไม่รู้ พวก no-name!!!

ไม่ใช่แบบว่า โอนเงินมาให้ใครก็ไม่รู้ หลายแสนบาทไทย แล้วเขาก็หายตัวไป

ถ้าเป็นบริษัทหรือหน่วยงานที่จดทะเบียนการค้าอย่างถูกต้อง เราก็สามารถเล่นงานเขาได้ง่าย

เราสามารถแจ้งเรื่องไปที่ Fair Trading (กระทรวงการพานิชย์) ได้

แต่ถ้าเป็นรายบุคคลที่นี่ เราทำอะไรเขายาก เพราะเขาสามารถหายเข้าไปในกลีบเมฆเลย

ยังไงก็ระวังกันด้วยนะครับ