Partner Visa; รักกันชั่วฟ้าดินสลาย

หากใครบอกเราว่าจะรักเรา "ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย"

ดูพฤติกรรมของเขาด้วยนะครับว่าที่พูดกับที่กระทำนั้นมันสอดคล้องกันหรือเปล่า

อย่าปล่อยให้ตัวเองโดนหลอก

กับคำพูดหวาน ๆ กับลมปาก

เรากำลังโดนหลอกใช้หรือเปล่า

เรากำลังโดนปอกลอกหรือเปล่า

เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองนะครับ

อะไรที่มันไม่ใช่ มันก็คือ "ไม่ใช่"

อะไรที่มันทะแม่ง ๆ มันก็คือ "ทะแม่ง ๆ" จริง ๆ แหละ

อย่าหลอกตัวเอง

อย่าพยายามหาเหตุผลมาลบล้าง

คนที่ไม่ใช่ ก็คือ "ไม่ใช่"

ปัดตก เอาตัวออกมา แล้วหาสิ่งที่ดีกว่า คนที่เขารักเราจริง รักเราในแบบที่เราเป็นเรา

รักในแบบที่ไม่หวังหลอกใช้

หลอกยืมเงิน

หลอกให้ทำงานบ้าน

และอีกหลาย ๆ อย่างอีกมากมาย

รักตัวเองให้มาก

เมื่อไหร่ที่เรารักตัวเองมากพอ

เราก็จะรู้ว่าของสิ่งไหน หรือใครบางคนนั้นคู่ควรกับเราหรือเปล่า

อะไร ใด ๆ เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง

Partner Visa and emotional abuse

Partner Visa; คนเรารักกัน ต้องไม่มีการใช้คำหยาบหรือพูดด้อยค่าอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าโกรธหรือโมโหแค่ไหน 

หากสถานการณ์อะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น แล้วเรายังทนอยู่

อย่าโทษอีกฝ่ายนะครับ

โทษตัวเอง ที่เราคงรักตัวเองไม่มากพอ ที่เราปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งมาด้อยค่าเรา มาพูดจาหรือใช้คำหยาบคาย ใช้อารมณ์กับเรา

อย่าทนเพียงเพราะต้องการวีซ่า

"ความรัก" กินไม่ได้แต่เท่

แต่เราต้องรักตัวเราเองก่อน

บางคนอาจจะบอกว่า "แหม P' J โลกสวย" หรือ "แหมก็ P' J ไม่ใช่หนูหนิ"

ใช่ครับ... P' J ไม่ใช่หนู

เพราะถ้า P' J เป็นหนู พี่เลิกตั้งแต่มี "f-word" หรือ "s-word" แล้ว เพราะมันเป็นคำที่เราไม่พูดกับคนที่เรารัก ไม่ว่าจะโกรธมากน้อย หรือโมโหมากน้อยแค่ไหน

คนที่โกรธ คนที่โมโห เขาต้องไปจัดการกับอารมณ์ของเขาเองครับ

มันคือปัญหาของเขา

ไม่ใช่ปัญหาของเรา ที่เราต้องมารองรับ

ถ้าใครคนนั้นเขามีปัญหาเรื่องอารมณ์ เขาต้องไปหาหมอ หรือเข้า course เรื่องการจัดการ anger management ของเขา

ไม่ใช่เราที่ต้องมาลดค่าความเป็นคนของเรา เพื่อรองรับอารมณ์ของใคร

รักตัวเองให้มาก

เมื่อไหร่ที่เรารักตัวเองมากพอ เมื่อนั้นแหละคนที่เหมาะสมจะปรากฎ

เมื่อศีลเสมอ เราคงได้เจอเขา คน ๆ นั้นก็คู่ควรกับเรา

รักตัวเองให้มากนะครับ

แล้วเลิกเล่นบทเหยื่อ

Copyright: ถ้าจะแชร์ให้แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture

course เรียน ลด แลก แจก แถม

Course เรียน โปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ดูกันให้ดี ๆ นะครับ อะไรที่ too good to be true มันก็คือ "too good to be true" นั่นแหละ

มองกันให้รอบ ๆ ด้าน

เรียนแล้วคุ้มมั้ย

เรียนแล้วได้ PR จริงเหรอ

เอาอะไรมา guarantee

ข้าวต้มมัด ยังกลายไปเป็นขนมจากได้เลย

อย่าเชื่อไปหมดซะทุกอย่าง

อย่าเลือกลงเรียนเพียงเพราะราคาลดแลกแจกแถม

ยังไม่เคยเห็น Tesla ลดราคานะ

ที่ลดราคาหนะคือ Hyundai (เปล่า bully, เปรียบเทียบเมื่อให้มองเห็นภาพ)

ไม่ชอบให้เลื่อนผ่าน!!!

Partner Visa; พินัยกรรม

ชีวิตคนเรา บางทีมันก็ไม่ต่างจากละครนะครับ

ยิ่งครอบครัวสมัยนี้ ครอบครัวยุค 5G

modern family เอย

blended family เอย

ลูกเธอ ลูกฉัน มาตีลูกเรา

เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต

ยิ่งชีวิตต่างแดนด้วยแล้ว บางทีก็หัวเดียวกระเทียมลีบ 

การมีพินัยกรรมก็เป็นการช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนะครับ มีเอาไว้หน่อยก็ดี เกิดอะไรขึ้นมา ชีวิตเราจะได้ไม่ต้องวุ่นวายมากจนเกินไป

Aged Care; Labour Agreement ของ Subclass 482

เป็นห่วงเหลือเกินที่หลาย ๆ คนกำลังแห่กันลงเรียน Aged Care เพียงเพราะคิดว่าจะขอ PR ได้ด้วย Labour Agreement ของ Subclass 482

- หานายจ้างให้ได้ก่อนนะครับ

- หานายจ้างที่เขาอยากจะสปอนเซอร์ด้วยนะครับ

- นายจ้างที่อยู่ในเมือง ไม่ได้ขาดคนอะไรมาก ต้องโน่นแหละ เมืองรอบนอก จะไปหรือเปล่า??

มองอะไรให้มันรอบด้านกันนิสต์

โปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เหมือน print กระดาษ certificate แจกกันเลยทีเดียว

อาหาร fast food ไม่ healthy

อะไรที่ fast fast แบบนี้ก็เหมือนกัน เห็น spam กันเต็มสื่อออนไลน์

มองอะไรให้รอบด้าน

ไปลองทำงานดูก่อนนะครับ ว่าชอบมั้ย ไหวมั้ย

รวมถึงค่าแรงทาสอีก; $51,222 ต่อปี

ถ้าได้แค่นี้ต่อปี ยังไม่หัก tax อีก

หรือต้องไปรับ 2nd job, 3rd job อะไรอื่น ๆ เสาร์-อาทิตย์ถึงจะพอกิน

มาม่า 1 ซองหักกินแบ่งครึ่งวน ๆ ไป

Note: หัวใจเปราะบาง ไม่ชอบให้เลื่อนผ่าน

Partner Visa: ตัวอย่าง relationship detail แบบกรุบกริบ

Partner Visa: ตัวอย่าง relationship detail แบบกรุบกริบนะครับ

แต่ละคน แต่ละ case ไม่เหมือนกัน

ของเราไม่ต้องเหมือนใคร และไม่ต้องมีมีใครมาเหมือนของเรา 🙂

"วันที่ 32 ธันวาคม วันวาเลนไทน์ แห่งประเทศ J, ฉันกับเพื่อน ๆ กลุ่มหนึ่งจาก Gold Coast มาเที่ยวที่คลับที่ไทยทาวน์, Sydney ฉันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่ง วงแขนกล้ามเป็นมัด ๆ อุ้ยน่าจะกัดแขนเล่นเบา ๆ น่ากระซิบ เบียดกายกระแซะ แล้ววางมือแมะ ไว้บนหัวเข่า อยากกระซิบเบา ๆ ว่าตอนนี้เหงาใจจังเลย ฉันมองเขา เขามองฉัน เรามองซึ่งกันและกัน ฉันก็เลยรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเขาและชวนเขาไปเต้นรำที่ dance floor คืนนั้นเรากลึ่ม ๆ ด้วยกันทั้งคู่แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก คืนนั้นเรามีการแลกเบอร์โทรกัน เพราะวันรุ่งขึ้นฉันต้องเดินทางกลับมาที่ Gold Coast ก่อนขึ้นเครื่องฉันก็ได้รับข้อความจากเขาว่า หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ หลังจากนั้นเราก็ส่งข้อความหากันเรื่อยมา… etc…etc…."

Partner Visa; OK มั้ยถ้าสปอนเซอร์มีปัญหา mental health

Partner Visa; วีซ่าคู่รัก วีซ่าแต่งงาน หรือ de facto

ก่อนที่เราจะตกล่องปล่องชิ้นกับใคร ลองใช้ชีวิตด้วยกันก่อนก็ดีนะครับ โดยเฉพาะคนที่นี่ที่มีปัญหาเรื่อง mental ก็ค่อนข้างเยอะ

เรื่องปัญหา mental health ของคนสปอนเซอร์ ไม่ได้ปัญหาในการขอวีซ่าหรอกครับ

แต่เราต้องถามตัวเราเองด้วยว่า เราจะ "ทน" อยู่กับเขาได้มั้ย

คนที่เป็น mental วิธีการคิด หรือ logical thinking ของเขาก็จะแตกต่างจากคนทั่วไป

critical thinking ไม่ต้องพูดถึง

หลาย ๆ ครอบครัวที่นี่ put ปัญหานี้ under the carpet

ไม่มีการพูดถึง

แกล้งเป็นมองไม่เห็น เพราะมันเจ็บปวด

มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่บางทีก็ "เลือก" ที่จะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นปัญหาเหล่านี้

คนที่เป็น mental เองก็อาจจะไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาเป็น

หรือบางคนก็เป็น แต่ควบคุมไม่ได้

พ่อแม่หลาย ๆ คนก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูก พ่อแม่หลาย ๆ คนก็พยายาม protect ลูกของเขา เป็นไข่ในหิน หรือบางครอบครัวก็รู้ว่าลูกตัวเองไม่ปกติ ไม่กล้าปล่อยให้ออกไปใช้ชีวิตคนเดียว กลัวอะไรที่มิดีมิร้ายจะเกิดขึ้น

แล้วเรา OK หรือเปล่ากับการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มีปัญหาแบบนั้น อยู่บ้านหลังเดียวกันกับพ่อแม่ของเขา

สังคมที่นี่ ไม่ใช่สัมคมครอบครัวใหญ่แบบเมืองไทยนะครับ ค่อนข้างแตกต่าง

ถ้าบ้านไหนเป็นสังคมแบบครอบครัวใหญ่ แสดงว่ามันน่าจะมีอะไร something

ลองเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองดูบ้างนะครับ

ถ้าอะไรที่มันรู้สึกแปลก ๆ มันก็คง "แปลก" จริง ๆ แหละ

ถ้าอะไรที่มันรู้สึกว่าไม่ใช่ มันก็คง "ไม่ใช่" จริง ๆ แหละ

เรา OK มั้ยกับการรองรับอารมณ์ที่สามารถขึ้นลงได้ทุก ๆ 30 นาที

ไม่ใช่ 3 วันดี 4 วันไข้นะครับ

เอาทุก ๆ 30 นาทีเลย

เรา OK มั้ยกับการ emotionally abuse แทบทุกวัน

เรา OK มั้ยที่ต้องมี fifty shades of gray แทบทุกวัน

ในความคิดเห็นของ P' J นะครับ 

P' J คิดว่า emotionally abuse จะเป็นบาดแผลถาวรที่บาดลึกได้มากกว่า physically abuse นะครับ (อันนี้ P' J คิดเอง)

แผลกายยังพอหายได้

แต่แผลใจที่มันบาดลึกนะครับ

คิดให้ดี ๆ ว่าคุ้มมั้ย

ไม่ใช่อะไรก็ต้องยอมเป็นเบี้ยล่างเพียงเพื่อเพราะอยากได้ PR อยากได้วีซ่า

มันมีอีกตั้งหลายวิธีครับ

และมันอีกตั้งหลายคนที่เขาเหมาะสมกับเราจริง ๆ ที่เขาคู่ควรกับเราจริง ๆ 

ถ้าเราเห็นค่าในตัวเองมากพอ

ถ้าเรารักตัวเราเองมากพอ

เรารู้แหละว่าต้องจัดการยังไงกับชีวิต

แต่ต้องกล้าและตัดสินใจเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้น

หากใครคิดว่าตัวเองตกที่นั่งลำบาก

หาใครซักคนคุยด้วยนะครับ

LifeLine: 13 11 14

24 ชั่วโมง ขอล่ามได้นะครับ

หรือ Domestic Violence: 1800 737732 (1800 RESPECT)

24 ชั่วโมง ขอล่ามได้นะครับ

...รักตัวเองให้มากนะครับ...

Copyright: ถ้าจะแชร์ให้แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้นนะครับ, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture

ชีวิตมี "ค่า"

ไม่เกี่ยวกับวีซ่า

โอยยยยย ขอบ่นนิสต์

ชีวิตมี "ค่า" จริง ๆ ครับ

จู่ ๆ ก็มี invoice นั่น นี่ โน่น ถาโถมเข้ามาอะไรจะพร้อมกันขนาดนี้

เมื่อเราไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง

เราก็ต้องทำงานแบบลืมตายกันไปเลยทีเดียว

ไม่รู้ว่า "ค่า" อะไรกันนักกันหนา

บาง "ค่า" ก็คิดว่าเราจ่ายไปแล้วนะ

อ๋อ สรุป เขาให้จ่ายอีกรอบ หัวจะปวด

ทำไมชีวิตเราไม่สบายเหมือนคนทั่ว ๆ ไปใน tiktok หรือ YouTube หละ 

คุณหลอกดาว!!!!

วีซ่านักเรียนไปเป็น Subclass 482 หรือ Subclass 494

จากวีซ่านักเรียนไปเป็น Subclass 482 หรือ Subclass 494:

- Stage 1 ผ่าน: เรายังคงต้องเรียนหนังสืออยู่

- Stage 2 ผ่าน: เรายังคงต้องเรียนหนังสืออยู่

- Stage 3 ผ่าน: ไม่ต้องไปเรียนแล้ว ประหยัดค่าเทอม

จากวีซ่านักเรียนไปเป็น Subclass 186; ENS, Direct Entry

- Stage 1 ผ่าน: เรายังคงต้องเรียนหนังสืออยู่

- Stage 2 ผ่าน: ไม่ต้องไปเรียนแล้ว ประหยัดค่าเทอม และนี่ก็คือได้ PR เลย จะทำอะไรต่อกับชีวิตก็สามารถทำได้

Grandfathering rules; Subclass 457 to Subclass 187

สำหรับใครที่ยังถือ Subclass 457 นะครับ ที่ยังได้กฎเก่าอยู่ grandfathering rules ที่ยังสามารถขอ Subclass 187 ได้อยู่

อยากรู้ว่า Grandfathering rules คืออะไร ลองเข้าไปอ่านที่ https://jpp168immi.blogspot.com/ นะครับ

- Subclass 187 ใช้ผลการเรียน 5 ปีแทนการสอบภาษาอังกฤษได้

- Subclass 186 ใช้ผลการเรียน 5 ปีแทนการสอบภาษาอังกฤษไม่ได้

Subclass 186 นายจ้างอยู่ที่ไหนก็ได้ ทั่วประเทศออสเตรเลีย ไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง มีค่าเท่ากัน

Subclass 187 นายจ้างต้องอยู่เขตนอกเมืองเท่านั้น เขต regional area และคำนิยามของ regional area ก็ใช้ข้อมูล ณ ปัจจุบัน ณ วันที่ยื่น

สำหรับใครพยายามแล้วในการสอบภาษาอังกฤษ

คนที่สอบไม่ได้มันก็คือไม่ได้จริง ๆ นะครับ

No judgemental

เพราะบางคนก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ภาระก็มีทั้งที่เมืองไทยและที่นี่

ปากก็ต้องกัด ตีนก็ต้องถีบ

งานก็ต้องทำ เวลาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบก็ไม่ค่อยมี

พยายามแล้ว ไม่ใช่ไม่พยายาม

อีกหนึ่งทางเลือกนะครับ:

1. นายจ้างที่อยู่ในเมือง ไปเปิดอีกสาขาหนึ่งที่อยู่ที่เมืองรอบนอก (regional area)

2. Ensure ว่าใช้ ABN ตัวเดียวกันในการเปิด (ต้อง ABN ตัวเดียวกันเท่านั้น)

เปิดสาขาใหม่ที่เมืองรอบนอกปุ๊บ ยื่น Subclass 187 ได้เลยทันทีนะครับ เพราะ:

- ยอดขายและอะไรทุกสิ่งอย่าง เราใช้ข้อมูลของบริษัททั้งหมด ไม่ได้ใช้ข้อมูลแค่สาขาใดสาขาหนึ่ง ดังนั้นบริษัทที่เปิดตัวมาแล้ว ไม่ว่าจะมีสาขาอยู่ในเมืองหรือนอกเมือง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

อะไร ใด ๆ ก่อนที่จะเปิดสาขาอะไรที่เมืองรอบนอก ทำการบ้านให้ดีนะครับ SWOT analysis ต้องมา 

คุ้มทุนหรือเปล่า นั่น นี่ โน่น

ไม่ว่าใครจะตัดสินใจอะไร ยังไง

P' J กับทีมงานเอาใจช่วยเสมอ

We're here to help

Subclass 482, Subclass 494, Subclass 186: นายจ้างเคยสปอนเซอร์คนมาก่อน

"นายจ้างเคยสปอนเซอร์คนมาก่อน" ก็คือ "นายจ้างเคยสปอนเซอร์คนมาก่อน" แค่นั้นจริง ๆ ครับ ไม่ได้ความหมายอะไร ยังไง กับการสปอนเซอร์ครั้งต่อไป

นายจ้างจะสปอนเซอร์พนักงานได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ "Nomination" ครับ

"Nomination" คือการที่นายจ้าง Nominates หรือทำเรื่องเสนอเข้าไปที่อิมมิเกรชั่นว่า:

- นายจ้างมีความจำเป็นที่ต้องจ้างบุคคลคน ๆ ในตำแหน่งนี้

นายจ้างเองก็ต้องใช้เอกสารและข้อมูล ณ ปัจจุบัน

ดังนั้น ไม่ว่าจะสปอนเซอร์พนักงานมาก่อนหรือเปล่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการทำเรื่องสปอนเซอร์พนักงานในครั้งนี้เลยครับ

ข้อมูลของนายจ้างเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วอาจจะแตกต่างจากข้อมูล ณ ปัจจุบันก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น:

- ยอดขายเอย (ยอดขายนะครับ ไม่ไช่กำไร)

- จำนวนพนักงานที่เป็น PR หรือ citizen เอย

- เหตุผลที่หาพนักงานที่เป็น local ไม่ได้ อย่าลืมนะครับว่าการที่นายจ้างทำเรื่องพนักงานที่เป็นชาวต่างชาติ นั่นหมายความว่างานของคนที่ PR หรือ citizen ก็หายไปแล้ว 1 ตำแหน่ง

อย่างนี้เป็นต้นนะครับ

จะทำเรื่องสปอนเซอร์พนักงาน เราอิงข้อมูล ณ ปัจจุบัน

Tax Time; เมื่อเราเอาทุกอย่างเข้าระบบ

July ของทุก ๆ ปี ช่วง tax time ครับ

ถ้าเราเอาทุกอย่างเข้าในระบบ ทุกอย่างก็ง่ายครับ

จะขอวีซ่าก็ง่าย

จะกู้เงินซื้อบ้านก็ง่าย

จะกู้เงินซื้อรถก็ง่าย

ถึงเวลาที่นายจ้างทำ PAYG หรือ Income Statement เสร็จ เราก็จะได้ข้อความแบบนี้ใน MyGov inbox ของเรา

P' J เองก็ลงเป็นพนักงานเบี้ยน้อยหอยสังฆ์ของบริษัทตัวเองด้วย ก็พอได้ค่าขนมกรุบกริบอยู่บ้าง

อะไร ใด ๆ เอาทุกอย่างเข้าระบบนะครับทุกคน แล้วชีวิตจะง่าย

ชีวิตต้องง่ายนะครับ ถ้าไม่ง่ายแสดงว่าไม่ใช่

Resume: Subclass 482, Subclass 494, Subclass 186

"Subclass 482, Subclass 494, Subclass 186"

วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์

ไม่ต้องนัดปรึกษาครับ 

ส่ง resume เข้ามาที่ email เราเลย จะได้ไวขึ้น

email อยู่ที่หน้า page แล้ว

1. ขอ resume เป็น MS-Word, เราจะได้ edit ได้

2. ใน resume ขอแค่ 2 อย่างคือประวัติการศึกษา และประวัติการทำงาน

3. ประวัติการทำงาน ใส่ตำแหน่งมาด้วย ใส่วันที่ทำงานและวันที่ลาออกด้วย หรือถ้ายังทำอยู่ ก็แค่บอกว่าตำแหน่งนี้ บริษัทนี้ ยังทำอยู่ (อันไหนไม่ใส่ตำแหน่ง เราขอปัดตก)

4. วงเล็บมาด้วยนะครับ ว่าอันไหน part-time, อันไหน full-time

ประสบการณ์ทำงานทุกอย่างต้องมีเอกสารการอ้างอิงนะครับ ไม่ว่าจะเป็น payslip และจดหมายผ่านงาน

เฉพาะ 3 subclassess นี้นะครับ: Subclass 482, Subclass 494, Subclass 186 (Direct Entry)

คร่าว ๆ แค่นี้เองครับ

เราจะได้ assess ว่าคุณสมบัติคร่าว ๆ ครบมั้ย

จะไปต่อหรือพอแค่นี้

ไม่ต้องนัดโทร ไม่ต้องนัด consult 

Income Statements

"Income Statements"

จาก MyGov/ATO นะครับ

1. Click on "Employment"

2. Click on "Income Statements"

...เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว...

Subclass 482, Subclass 186 & Subclass 187: Medicare vs Health Insurance

Subclass 482: กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องมี health insurance นะครับ ไม่เหมือน Subclass 457

ดังนั้นเราจะมีหรือไม่มีก็ได้

ถ้าไม่มีก็ต้องเสี่ยงหรือจ่ายเยอะหน่อยนะครับ เวลาหาหมอ เจ็บไข้ได้ป่วย

เอาเป็นว่า แล้วแต่ตัวบุคคลละกัน

สำหรับใครที่ยื่น Subclass 186 หรือ Subclass 187: Stage 2

เราสามารถขอ Medicare ได้เลยทันทีนะครับ

ไม่ต้องรอ visa grant

ดังนั้นเมื่อเรามี Medicare แล้ว

สำหรับใครที่มี health insurance ตอนถือ Subclass 482

เมื่อเราได้ Medicare แล้ว ก็แล้วแต่ตัวบุคคลนะครับ ว่าจะยังจ่าย health insurance นั้นอยู่มั้ย หรือจะยกเลิก

ทุกคนต้องตัดสินใจเอง pros and cons

Consult: Subclass 482, Subclass 494, Subclass 186

"Subclass 482, Subclass 494, Subclass 186"

วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์
ไม่ต้องนัดปรึกษาครับ 

ส่ง resume เข้ามาที่ email เราเลย จะได้ไวขึ้น

email อยู่ที่หน้า page แล้ว

1. ขอ resume เป็น MS-Word, เราจะได้ edit ได้

2. ใน resume ขอแค่ 2 อย่างคือประวัติการศึกษา และประวัติการทำงาน

3. ประวัติการทำงาน ใส่ตำแหน่งมาด้วย ใส่วันที่ทำงานและวันที่ลาออกด้วย หรือถ้ายังทำอยู่ ก็แค่บอกว่าตำแหน่งนี้ บริษัทนี้ ยังทำอยู่ (อันไหนไม่ใส่ตำแหน่ง เราขอปัดตก)

เฉพาะ 3 subclassess นี้นะครับ; Subclass 482, Subclass 494, Subclass 186 (Direct Entry)

คร่าว ๆ แค่นี้เองครับ

เราจะได้ assess ว่าคุณสมบัติคร่าว ๆ ครบมั้ย

ไม่ต้องนัดโทร ไม่ต้องนัด consult 

Subclass 143: Parent Visa (contributory)

Subclass 143: Parent Visa (contributory)

- ยื่นได้ทั้งในและนอกประเทศ มีค่าเท่ากัน

- เป็นวีซ่า offshore ต่อให้ยื่นภายในประเทศก็จะไม่ได้ Bridging Visa

- waiting period; 4.5 - 5 ปี

- ค่าสมัคร $4,355

- Centrelink bond: $10K ได้คืน 10 ปี (ตอนได้ case officer)

- 2nd VAC: $43,600 จ่ายตอนจะได้ PR (4.5 - 5 ปี มีเวลาเก็บตังค์)

Migration Program Planning 2023/2024

Migration Program Planning 2023/2024:

2022/2023: 195,000 คน

2023/2024: 190,000 คน

ราคาบ้านต้องขึ้น

ค่าเช่าบ้านต้องขึ้น

ยังไงออสเตรเลียเองก็ไม่สามารถสร้างบ้าน สร้างที่อยู่สำหรับคนอยู่อาศัยที่จะเพิ่มขึ้น 190,000 คนได้แน่นอน

อันนี้คือ PR นะครับ

ไหนจะวีซ่าชั่วคราวอีกที่ไม่มีโควต้า

- วีซ่านักเรียน

- วีซ่าทำงาน; subclass 482, subclass 494 

- และวีซ่าชั่วคราวตัวอื่น ๆ อีก

ใครที่คิดซื้อบ้าน วางแผนแต่เนิ่น ๆ 

ราคาไม่ลงแน่นอน

มีแต่จะพุ่งและพุ่ง

ใครที่คิดจะกู้ home loan

ทำงานต้องมี payslip 

ทุกอย่างต้องเข้าระบบนะครับ

เมื่อทุกอย่างเข้าระบบ ชีวิตเราก็จะง่าย

อะไร ใด ๆ ตอนนี้ P' J ก็เน้นลงทุนในอสังหาครับ ติดตามกันได้ที่ "จากศูนย์ถึงหมื่นร้อยพัน" และ "John Paopeng เพราะฉะนั้น"