คนเรานะตอนที่รักกันก็รักกันหวานชื่น ดูดดื่มอุรา ตัดสินใจทำ Partner Visa ให้กับคู่รักตัวเอง คู่ใหนที่รักกันหวานชื่นก็ดีไป เราก็ขอแสดงยินดีด้วย
แต่ก็อย่าลืมว่าชีวิตคู่ของหลายๆคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางคนที่ทำเรื่องสปอนเซอร์คู่รักตัวเองก็ชอบทำตัวกร่างไปเรื่อย คิดว่าตัวเองเจ๋งสามารถบอกเลิก หรือยกเลิกการสปอนเซอร์ได้ตลอดเวลา ซึ่งในความเป็นจริงมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คือคนที่สปอนเซอร์เราสามารถยกเลิกการสปอนเซอร์ได้ตลอดเวลา
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องตกเป็นเบี้ยล่างของอีกฝ่ายหนึ่งตลอดไป เพราะกฎหมายอิมมิเกรชั่นก็ได้มีปกป้องสิทธิความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายเอาไว้เช่นกันว่า ถ้าหากความสัมพันธ์เกิดมีการกดขี่ข่มเหง มีการทำร้าย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ของอีกฝ่ายหนึ่ง นั่นก็ถือว่าเป็น domestic violence ส่วนการทำร้ายทางด้านจิตใจก็เหมือนการข่มขู่เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งตกเป็นเบี้ยล่าง หรือมีการกักขังหน่วงเหนี่ยวและกดขี่ข่มเหงในเรื่องของการเงินด้วย คนที่ขอวีซ่าไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับชีวิตคู่แบบข้าทาสแบบนั้น คนที่ขอวีซ่าก็สามารถแจ้งเรื่องไปที่อิมมิเกรชั่น แล้วก็จะได้ PR ในทันทีครับ ไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับชีวิตคู่แบบข้าทาสไปถึง 2 ปี
หลายๆคนจะรู้จัก domestic violence กันแค่เรื่องของการทำร้ายร่างกาย แต่จริงๆแล้ว domestic violence รวมไปถึงการทำร้ายหรือกดขี่ทางด้านจิตใจด้วยครับ อาจจะกดขี่ให้เรื่องของการเงิน หรืออาจข่มขู่เช้า ข่มขู่เย็น เล่นสงครามประสาทกับเราว่าถ้าเราไม่ทำอะไรตามที่เค๊าบอก เค๊าจะไปยกเลิกวีซ่าเราทันทีอะไรประมาณนี้ พวกนี้ถือว่าเข้าข่าย domestic violence ทางด้านจิตใจด้วยเช่นเดียวกันครับ แต่มันก็อาจจะไม่เด่นชัดเหมือน domestic violence แบบการทำร้ายร่างกาย
อยากจะบอกทุกคนเพื่อเป็นความรู้เหลือเกินว่า ถ้าหากเกิด domestic violence ภายในชีวิตคู่ของเรา เราไม่จำเป็นต้องทนอยู่ ตกเป็นเบี้ยล่างหรือข้าทาสของอีกฝ่ายหนึ่งนะครับ บางคนที่ไม่รู้ ก็ทนอยู่กับชีวิตคู่แบบนั้นเพราะว่าอยากจะได้ PR
ถ้าหากชีวิตคู่ท่านใหนเกิดมีการทำร้ายร่างกาย ตบตีกัน เราก็แนะนำให้ทำดังต่อไปนี้ครับ
- ถ่ายรูปส่วนที่โดนทำร้าย ถ้าอัดเทปหรือ video clip ได้ก็อัดเอาไว้
- ไปแจ้งตำรวจแล้วตำรวจจะให้ reference number การแจ้งความมา
- ไปหาหมอ GP ทั่วๆไปก่อนแล้วเก็บ record การไปหาหมอของเราเอาไว้ด้วย เสร็จแล้วก็ให้หมอ GP เขียนเรื่องส่งต่อ referral ไปให้หมอจิตแพทย์ (ไม่ได้แปลว่าเราบ้านะ แค่ stress หรือเครียดเท่านั้นเอง)
- เล่าเรื่องให้หมอจิตแพทย์ฟัง แล้วหมอจะออกหนังสือให้ว่าเรา stress หรือเครียด นั่น นี่ โน่น อะไรก็ว่าไป
- เสร็จแล้วแจ้งไปที่อิมมิเกรชั่น หรือติดต่อทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์
- อิมมิเกรชั่นจะมีฟอร์มให้กรอก ในฟอร์มนี้ก็จะมีช่องให้หมอหรือพยาบาลเซ็น เราก็กลับไปหา GP และหมอจิตแพทย์ของเรานั่นแหละ เราต้องหาคนเซ็น 3 คน ถ้าได้ GP และหมอจิตแพทย์เซ็นแล้วก็อาจจะให้พยาบาล หรือพนักของรัฐที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเรื่อง domestic violence ให้เค๊าเซ็นเพิ่มอีกหนึ่งคน หรือกลับไปหาตำรวจคนเดิมตอนที่เราแจ้งความ
- ถ้าเราได้เอกสารครบ เราก็ส่งกลับไปที่อิมมิเกรชั่น ถ้าทางอิมมิเกรชั่นดูเอกสารแล้ว ถ้าเห็นว่าเกิด domestic violence จริง ทางอิมมิเกรชั่นก็จะให้ PR เราทันทีครับ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราอยากได้ PR มากจนตัวสั่น ชวนแฟนทะเลาะทุกวัน แบบนั้นก็ไม่ไหวนะ
Domestic violence สามารถเกิดได้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง
ดังนั้น ถ้าหากชีวิตคู่ใคร หรือชีวิตคู่ของเพื่อนคนใหนเจอปัญหาเรื่อง domestic violence ก็อย่านิ่งดูดาย อย่าอยู่แบบเป็นเบี้ยล่างหรือข้าทาสเพียงเพื่อจะได้วีซ่านะครับ กฎหมายมีทางออกให้ครับ เราต้องมีความรู้เรื่องกฎหมายเพื่อที่อยู่รอดในสังคมนี้ได้
No comments:
Post a Comment