Thursday, June 1, 2017

Australian citizen part 1



กฎที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่สำหรับ citizen เขาจะนับจากวันที่เรา submit หรือวันที่เรา apply 

ดังนั้นก็คือ เราจะนับเอาวันที่ 20 เมษายนสำหรับปีนี้ 

หากใคร Apply ก่อนวันที่ 20 เมษายน จะยังคงใช้กฎเก่าอยู่ ดังนั้นจะยังไม่มีผลในเรื่องของกฎใหม่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าหาก apply ไปแล้ว ก่อนวันที่ 20 กลัวว่าจะโดนข้อสอบหรือกลัวว่าจะโดนเรียกผลสอบ IELTS 

ก็คือจะไม่โดนนะครับหากคุณ apply ก่อนวันที่ 20 แต่กฎใหม่ที่เขาประกาศออกมาจะส่งผลกระทบต่อคนที่สมัครจากวันที่ 20 เป็นต้นไป 

สรุปก็คือคนที่สมัครก่อนวันที่ 20 จะไม่มีปัญหา แต่จะมีปัญหาหากสมัครจากวันที่ 20 April 2017

หลาย ๆ คนอาจจะมีคำภามว่ากฎนี้ยังไม่ผ่านสภา แต่ผ่านหรือไม่ผ่าน บอกได้เลยว่าเท่าที่เราดูเนี่ย โอกาสที่จะผ่านมีเยอะมาก เพราะว่าจากการที่เราอ่านรายละเอียดแล้วก็คือ โดยส่วนตัวแล้วหลังจากที่อ่าน requirement แล้วเราว่ามัน make sense สำหรับการขอ citizen 

บางคนอาจจะบอกว่าทำไมมันยากขึ้น ก็บางทีคนเราก็ต้องเปิดใจให้กว้างด้วย และพยายามมองโลกในอีกแง่มุมหนึ่ง และในอีกหลาย ๆ แง่มุมของคนอื่น ๆ ด้วย 

คือไม่ใช่คิดเอาเฉพาะแง่มุมของตัวเอง ด้วยความที่ว่าสถานการณ์โลกตอนนี้ คือที่ไหนก็มีการ bomb กันตลอดเลย ไม่ว่าจะ bomb ที่ Paris ไม่ว่าจะ bomb ที่ London มันเป็นปกติอยู่แล้วที่ทางรัฐบาลจะต้องกังวลและปกป้องประชากรของเขา ดังนั้นปัญหา ณ ตอนนี้คือปัญหาพวกการก่อการร้าย รัฐบาลเลยพยายามที่จะปิดประตูสำหรับคนที่จะมาเป็น citizen 

เราต้องขอใช้คำว่าปิดประตูจริง ๆ เพราะอ่านดูแล้วเหมือนเค้าต้องการปิดประตูจริง ๆ ใครที่คิดจะขอ citizen อย่างแรกเลยก็คือ ยังไม่ต้องไปกังวลในเรื่องของภาษาอังกฤษ IELTS สิ่งแรกที่เราคนไทยต้องทำก่อนอันดับแรกคือทำ police check 

เพราะหากคุณทำ police check ออกมาแล้วมันไม่โปร่งใส หรือมีประวัติ นั่น นี่ โน่น ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงิน ไม่ต้องเสียเวลาสมัคร เพราะว่าตอนนี้ถ้า police check ของคุณไม่เคลียร์ ไม่สะอาดโปร่งใส ให้ลืมไปได้เลย สักประมาณ 5-10 ปี แล้วค่อยกลับมาสมัครใหม่ 

การรอ 5-10 ปีก็เพื่อพิสูจน์ว่าหลังจากมีประวัติ 5-10 ปีนั้น เราไม่ได้มีประวัติอะไรอีก และหากใครมีคดีร้ายแรงกว่านี้ อย่างเช่น อาจจะเป็นคดีลักขโมย หรือว่าเคยเข้าคุก เราพูดถึงประวัติหรือคดีง่ายๆ อย่างเช่นคดีขับรถฝ่าไฟแดง ยังขอ citizen ไม่ได้ 

ดังนั้นเราก็ต้องคิดด้วยว่า ถ้าเผื่อคุณมีประวัติในการลักขโมย หรือว่าขับรถแล้วในรถมีอาวุธ มีปืน มันจะมีผลกระทบมากขนาดไหน ก็ให้เก็บเอาไปคิดเอาแล้วกัน อย่างแรกก็ต้องทำ police check ก่อนเลย

ทีนี้แล้วค่อยมาดู requirement ตัวอื่นๆ ถ้าเผื่อ police check เคลียร์แล้ว ก็ค่อยมาดูว่า IELTS ผ่านไหม ตอนนี้ IELTS ต้องเป็น General และพูด อ่าน เขียน ฟัง ทุกอย่างต้องอย่างต่ำ 6 

แต่ว่าถ้าเผื่อไม่อยากสอบ IELTS ก็ไปสอบพวก PTE Academic มันก็มีตัวสอบให้เลือกอยู่ requirement อย่างอื่นก็ต้องอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย 4 ปีหลังจากที่ได้ PR ซึ่งเราต้องโชว์หากเราอยากเป็น citizen และอยากเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้ เราก็ต้องพิสูจน์ว่าเราอยู่ที่นี่จริง ๆ ไม่ใช่ว่าได้ PR มา แต่ตัวเป็น ๆ ก็ยังยู่ที่ประเทศไทย หรืออยู่ที่ประเทศอื่น แสดงว่าคุณไม่มี commitment สำหรับประเทศนี้ 

บางคนอาจจะถามว่าทำไม IELTS มันต้องสูงเยอะขนาดนั้น ก็ลองจินตนาการว่าคุณไปเดิน Sydney แถว Chinatown แล้วทุกคนก็พูดแต่ภาษาจีน หรือไปเดินที่ Cabramatta ก็มีแต่พูดเวียดนาม เขมร ลาว ญวน มันก็ทำให้ประเทศไม่ค่อยเหนียวแน่นเท่าไหร่ 

ถามว่าพูดภาษาที่สองผิดไหม? 
ไม่ผิดนะครับ 

เพียงแต่ว่า IELTS ของเราก็คือต้องได้มาตรฐานด้วย คือต้องพูดอ่านเขียนฟังได้ เพราะหากพูดอ่านเขียนฟังไม่ได้ดีเนี่ย คุณก็จะถูกเอารัดเอาเปรียบ อย่างพวกที่มีปัญหาในเรื่องของวีซ่า subclass 457 นั่น นี่ โน้น ที่พนักงานอ่าน contract of employment ไม่เป็น ซึ่งมันทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง ดังนั้น requirement หรืออะไรทุกสิ่งทุกอย่างเนี่ยมันมีที่มาที่ไป อยากจะให้ทุกคนมองไกล ๆ มองลงไปให้ลึกถึงเหตุผลที่รัฐบาลต้องออกมามีการเปลี่ยนแปลง 

จากที่กล่าวมา requirement ก็คือ:

1. มั่นใจว่า police check ของตัวเองต้องเคลียร์ 

2. IELTS ต้องได้ พูดอ่านเขียนฟัง IELTS General 6 หรือเทียบเท่านะครับ แล้วก็ 

3. Resident requirement ต้องอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจากที่ได้ PR อย่างต่ำ 4 ปี และอีกอันหนึ่งที่สำคัญก็คือ 

4. ต้องโชว์ด้วยว่าคุณมีศักยภาพ เป็นคนมีคุณภาพ มีงานทำ เสียภาษี มี contribute back to the country เพราะถ้าหากคุณไม่เสียภาษี คุณต้องคิดด้วยว่าอย่างคนที่เป็น PR หรือบางคนที่ยังไม่เป็น PR แต่แค่สมัคร PR ไปแล้วได้ mediccare card นั่น นี่ นู่น medicare เนี่ย เราไปหาหมอฟรีนะ คือเราไม่ได้จ่ายตังค์ แล้วก็ถ้าเผื่อเราไปโรงพยาบาลของรัฐบาลเราก็ไม่ต้องจ่ายตังค์ด้วย หรือบางทีไปเอกชน บางอย่างก็ไม่จ่าย ซึ่งบางคนก็บอกดีจังเลย ไปหาหมอก็ฟรี ไปโรงพยาบาลก็ฟรี แต่คำว่าฟรีเนี่ยคือคุณไม่ได้จ่ายเงินในรูปของค่าบริการ ณ ตอนนั้น แต่อย่าลืมว่ารัฐบาลก็ต้องจ้าง พยาบาล หมอ ดังนั้น เงินมันมาจากภาษี คนที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียมานาน ๆ จะเห็นนะครับว่าทุกครั้งที่คุณทำเรื่องเสียภาษี จะมีส่วนของภาษี medicare levy ซึ่งทุกคนก็ต้องจ่าย และในขณะเดียวกันคนที่เป็น citizen ลูกของเขาก็จะเรียนฟรีตั้งแต่อนุบาลไปจนถึง year12 หรือ ม.6 ถ้าเข้าโรงเรียนของรัฐบาลนะ ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่เราสามารถประหยัดเงินไปได้เยอะมากถ้าลูกของคุณเรียนฟรี พอเรียนปริญญาตรีหรือปริญญาโท ก็สามารถใช้ HECS หรือยืมตังค์เรียนได้ อะไรประมาณนี้ ซึ่งเงินพวกนี้มันก็ต้องมาจากเงินภาษี และเงินภาษีมาจากไหน? เงินภาษีก็ต้องมาจากคนที่ทำงาน ดังนั้นถ้าหากคุณไม่ทำงาน นั่งอยู่บ้านเฉยๆ วันๆ เอาแต่นั่งตบตู้และขอเงินจาก CentreLink มันก็ไม่ fair ดังนั้นก็ลองคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง ชีวิตคนเราต้องเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ 

ใจความสำคัญของ blog หรือ Video clip (Facebook LIVE) นี้ คือ ถ้าคุณสมัคร citizen ก่อนวันที่ 20 April 2017 คุณจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากที่เขาจะ  implement กัน 

ต่อให้มันยังไม่ผ่านที่สภา ถ้าเผื่อผ่านปุ๊บเนี่ย รัฐบาลก็สามารถ back date ได้ว่าให้ apply the new law จากวันที่เท่าไหร่ถึงวันที่เท่าไหร่ แต่เท่าที่ดูก็อยากจะบอกว่าดูแล้ว ก็น่าจะผ่านสภา ทั้งสภาล่างและสภาบน 

No comments:

Post a Comment