วีซ่า subclass 457, ผลสอบภาษาอังกฤษต้องเป็น IELTS general overall 5, ทุกอย่างอย่างต่ำ 4.5 นะครับ; พูด อ่าน เขียน ฟัง
ถ้าไม่อยากสอบ IELTS ก็สามารถสอบภาษาอังกฤษของตัวอื่นได้นะครับ ที่เทียบเท่า
เนื่องด้วยลูกค้าท่านนี้ผลสอบทางด้านภาษาอังกฤษยังไม่ดีพอ เขาก็เลยทำการยกเว้นในเรื่องของภาษาด้วยการใช้การว่าจ้างในตำแหน่งที่สูง $96,400 ต่อปี
ผลกระทบที่มีตามมาก็คือ ลูกค้าท่านนี้ก็ต้องจ่ายภาษีรายได้ส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก และนายจ้างเองก็ต้องจ่าย superannuation contribution เป็นจำนวนมากเช่นกัน ทุกๆ 3 เดือน
แต่พอทำงานไปไม่กี่เดือน ลูกค้าท่านนี้ก็ไปสอบ IELTS อีกรอบ ปรากฏว่าผล IELTS คราวนี้ผ่าน และเขาเองก็ไม่อยากที่ต้องเสียภาษีใน rate ที่สูงๆอีกต่อไป ส่วนนายจ้างเองก็อยากจะลดการจ่าย superannuation contribution เช่นเดียวกัน
การที่จะลดรายจ่ายของภาษีและ superannuation contribution นั้นทำได้ง่ายมากครับ ถ้าธุรกิจเคยทำ Stage 1 Standard Business Sponsorship (SBS) มาแล้ว เราก็สามารถใช้ SBS ตัวเก่าได้ แต่ว่าต้องทำ Stage 2 Nomination ใหม่ เพราะ Stage 2 Nomination นี้ จะเป็นตัวกำหนดค่าแรงและการว่าจ้าง พวก contract of employment อะไรต่างๆ
ดังนั้นเราก็ต้องทำ Stage 2 Nomination กันใหม่ เพื่อที่จะเป็นการลดการว่าจ้างจาก $96,400 ต่อปี ให้เหลือแค่ $53,000 (market rate ของ สาขาอาชีพในระแวกเมืองนั้น)
แค่เราเห็นตัวเลข เราก็หนักใจแล้ว เพราะถ้าจะให้ลดค่าแรงจาก $96,400 มาเป็น $53,000 นี่มันลดไปแบบครึ่งต่อครึ่งเลย เราก็หนักใจว่าจะไปอธิบายเรื่อง genuine position กับทางอิมมิเกรชั่นยังไง แต่เราก็เขียน case เข้าไป อธิบายน้ำท่วมทุ่ง ยกแม่น้ำทั้ง 5 และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
Stage 2 Nomination ของลูกค้าท่านนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ก็เป็นลดค่าใช้จ่ายของเขาที่ต้องเสียภาษี และตัวนายจ้างเองก็ไม่ต้องจ่าย superannuation contribution ในราคาที่สูงๆอีกต่อไป เป็นการประหยัดและ save money ด้วยกันไปหมดทุกคน
เรามั่นใจว่า case แบบนี้มีน้อยมาก จู่ๆคนเราค่าแรงเปลี่ยนจาก $96,400 มาเป็น $53,000
เรามั่นใจว่า ทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์คนอื่นๆ ถ้าเจอ case แบบนี้ ก็คงไม่ค่อยอยากจะทำ เพราะมีอย่างที่ใหนเหรอ จู่ๆคนเราค่าแรงเปลี่ยนจาก $96,400 มาเป็น $53,000 นั้นไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆนะครับ เราต้องสามารถอธิบายเหตุผล และที่มาที่ไป
หลายๆคนคิดว่า case แบบนี้ทำไปก็คงไม่ผ่าน แต่เราก็ดูแล้วมันก็มีโอกาสความน่าจะเป็น เพียงแต่ต้องเตรียมเอกสารกันเยอะ เพื่อมาโชว์ให้กับทางอิมมิเกรชั่น เอกสารอะไรทุกอย่างก็ต้องครบ
เราไม่ได้มอง case ทุก case ที่ปัญหานะครับ เรามองว่าเอ๊ะ case มันเป็นแบบนี้ มันมีวิธีใหนมั่งที่จะสามารถช่วยลูกค้าท่านนี้ได้บ้าง เพราะถ้าทำสำเร็จ มันก็เป็นอะไรที่ Win-Win ด้วยกันหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เรารู้และเข้าใจว่างานที่เราทำเกี่ยวข้องกับชีวิตใครหลายๆคนนะครับ
No comments:
Post a Comment