Wednesday, July 5, 2017

Interesting case study, visa subclass 457; restaurant manager


Interesting case study, visa subclass 457; restaurant manager

ดีใจด้วยกับ “บักหำน้อย”

“บักหำน้อย” หรือ “บักหำใหญ่” เราไม่รู้ ต้องไปถามแฟนเขาเองแล้วหละ

<<รักดอก จึงหยอกเล่น>>

แต่เอาเป็นว่า วีซ่า เรื่องวุ่นๆ 457 ของน้อง “บักหำน้อย” จบลงด้วยดี

“บักหำน้อย” ทำวีซ่ากับนายจ้าง “xyz” แถวๆ Wollongong นี่แหละ

ไม่ได้ทำกับ P’ J ตั้งแต่แรกนะจ๊ะ

“บักหำน้อย” กับนายจ้างคนก่อน ทำเรื่องกับทนายความหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์ที่ Sydney

แต่ทำงานได้ไม่นาน “บักหำน้อย” ถูกลอยแพ
เจ้าของร้านเก่าบอกว่า “ไม่ต้องมาทำงานละ”

อะนะ แบบนี้ ตามกฎหมายแรงงานเราเรียกว่า unfair dismissal

ถ้า “บักหำน้อย” จะเอาเรื่องกับนายจ้างคนเก่า ก็สามารถทำได้นะครับ ก็แจ้งไปที่ Fairwork Ombudsman 

แต่ทำกันเองนะ P’ J ไม่ยุ่งด้วย
P’ J แก่แล้ว หัวเริ่มหงอก
หน้าเริ่มไม่เด้ง
ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากหาเหาใส่หัว

...เข้าเรื่องต่อ…

หลังจาก “บักหำน้อย” ถูกลอยแพจากนายจ้างคนเก่า
“บักหำน้อย” ก็เคว้งอยู่พักหนึ่ง

แล้วติดต่อมาหา P’ J จากการไหว้วานของน้อง M ACT ว่าน้องจะต้องทำอะไร ยังไงต่อไป

เดชะบุณยังพอมีอยู่ “บักหำน้อย” ได้นายจ้างคนใหม่ที่ยินดีจะทำเรื่องสปอนเซอร์ให้

Case แบบนี้ มีไม่เยอะ case ที่สามารถหานายจ้างได้ใหม่ ได้ทันเวลา

ต่อก่อนต้องหานายจ้างใหม่
Nomination ใหม่ภายใน 90 วัน
ตอนนี้เปลี่ยนเป็น 60 วันแล้วครับ

เอาเป็นว่า “บักหำน้อย” เป็นผู้ที่โชคดีมากๆละกัน

Ok… นะ ทำ stage 1 SBS; Standard Business Sponsorship ผ่านไปเรียบร้อย

Stage 2: Nomination ยื่นไปรอบแรกไม่ผ่าน เหตุผลเพียงเพราะค่าแรงต่ำเกินเกณฑ์ แต่เราก็ใช้ตัวเลขเดียวกันกับทุก case นะ ไม่เคยมีปัญหา

เอานะ ไม่เป็นไร ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไปใช่มั๊ย

เราเลือกที่จะไม่อุทรณ์ เพราะเรามั่นใจว่าสามารถแก้ไขสถานการณ์นนี้ได้ และตัว “บักหำน้อย” ก็ยังมีวีซ่า 457 ตัวเดิมจากนายจ้างคนเดิมอยู่

ถูกต้องจ๊ะ นายจ้างคนเดิมไม่ได้แจ้งอิมมิเกรชั่น
เราก็ต้องอยู่เงียบๆสิ ใช่ป๊ะ ไม่ต้องกระโตกกระตาก

ดีแล้วที่นายจ้างคนเดิมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร และคิดว่าทนายความของนายจ้างคนเก่าไม่ได้สานงานต่อ

ซึ่งก็เป็นการดีกับเราเป็นอย่างยิ่ง

แสดงว่า “บักหำน้อย” ยังพอมีบุญอยู่

หลังจากที่เราเลิกที่จะไม่อุทรณ์ เราก็ยื่น Nomination ใหม่ เป็นรอบที่ 2

ถูกต้องจ๊ะ เราสามารถยื่นใหม่ได้ จะเร็วกว่าอุทรณ์
เพราะ stage 2 Nomination ของ 457 มันก็แค่ $330 เอง

“บักหำน้อย” ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มนะครับ

เพราะยื่นรอบที่ 2 ทาง J Migration Team เราก็ absorb ค่าใช้จ่ายตรงนี้ให้อยู่แล้ว

จากการที่เรายื่น nomination รอบที่ 2 เราก็ทำการปิดรูรั่วอะไรต่างๆที่ case officer คอยจับ คอยจิกมา

คราวนี้ case officer ก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆอีก
จะอะไรกันนักกันหนานะ

คราวนี้ case officer ส่งมาถามเรื่อง genuine position
จริงๆแล้ว เราเคย post เรื่อง genuine position ของ 457 บ่อยแล้วนะ

ปกติแล้วเราเห็นจดหมาย หรือ email ของ case officer เรื่อง genuine position บ่อยอยู่แล้ว

จะเป็นอะไร เดิม ๆ same ๆ เพราะมาจาก template เดียวกัน

คำถามหรือพวก email เกี่ยวกับ genuine position ก็จะออกทำนองว่า
  • ทำไมทางร้านมีความจำเป็นที่ต้องจ้างคน ๆ นี้ มาทำงานในร้าน
  • ทำไมต้องตำแหน่งนี้
  • ทำไมต้องคนนี้
  • ใครเป็นหัวหน้างาน
  • คนนี้ต้องรายงานกับหัวหน้างานยังไง
  • มีการแบ่งงานระหว่างเขากับหัวหน้างาน แบ่งออกเป็นกี่เปอร์เซ็น
  • รายได้หรือยอดขายดูสมเหตุสมผลมั๊ย

อะไรประมาณเนี๊ยะ

เป็นคำถามที่จู้จี้จุกจิกขึ้นทุกวัน

คนที่ไม่ได้ทำงานโดยตรงทางด้านนี้ก็ไม่มีทางได้รู้ ว่ามันเป็นเนื้องานที่ละเอียดนะ

ไม่ได้ตอบอะไรส่งเดชเข้าไป

หลังจากตอบกลับเรื่อง genuine position

เราก็รอ
“บักหำน้อย” ก็รอ
ข้อดีของ “บักหำน้อย” คือน้องเขาไม่ได้คอยตามจิก เช้า สาย บ่าย เย็น

เพราะจริงๆแล้ว ก็ไม่รู้จะมาจิกทำไม
ยื่นไปแล้ว ก็ต้องรอ
มันก็ต้องอย่างนั้น

จิกไป ไม่ได้ทำให้งานมันเร็วขึ้นหรอก
หลาย ๆ คน ควรรู้

เอ๊ะ หรือว่าต่อไป เราจะ charge ราคาตามจำนวนครั้งที่ จิก ดีนะ

เราก็คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วนะ ในเรื่องของการตอบ genuine position

ก็เอาเป็นว่า case officer เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องมาจับผิด case ของ “บักหำน้อย” อีกต่อไป

เพราะอยากรู้อะไร เราก็ตอบไปหมดแล้ว สมเหตุ สมผล

ส่วนแฟนของ “บักหำน้อย”

“น้องหนูซู่ซ่า” ตอนที่ทำ case กับนายจ้างคนเก่า เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทนายความหรือิมมิเกรชั่นเอเจนท์คนเก่า เขาไม่ได้ submit ชื่อของ “น้องหนูซู่ซ่า” ไปเลยพร้อมกัน ทำให้เป็น secondary applicant

เพราะเวลาได้วีซ่า ก็จะได้พร้อมกันไปเลย

แต่ทนายความหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์คนเก่าบอกว่า ให้เสร็จเป็นคนๆไป จะได้ไม่มีปัญหา

โดยส่วนตัวแล้ว เราไม่เห็นด้วย

เราชอบอะไรที่ตรงกันข้ามคือ
เราจะยื่นของทุกคนพร้อมกันหมดเลย
“น้องหนูซู่ซ่า” จะได้วีซ่าไปพร้อมๆกัน จะได้ save money ในเรื่องของค่าเทอมของ student visa ด้วย

ก็เอาเป็นว่า เป็นความคิดเห็นที่แตกต่างก็แล้วกัน
เราเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง

แต่เราไม่เห็นด้วยก็แค่นั้นเอง

อาจจะเป็นเพรา “น้องหนูซู่ซ่า” ติด condition 8534 ไม่สามารถยื่นวีซ่า onshore ได้ แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย

ติด 8534 ก็บินออกไปข้างนอกสิ
จะไปใหนก็ไป (ไม่ได้ไล่นะ)

จะไป New Zealand, Fiji, Bali หรือเมืองไทย อะไรก็ว่าไป

สรุป เราก็ต้องทำเรื่องให้ “น้องหนูซู่ซ่า” แยก

“น้องหนูซู่ซ่า” ก็เลือกที่จะบินกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทย แต่ก็แวะเที่ยวที่สิงคโปร์

P’ J ก็ยื่นเรื่องให้ submit เรื่องให้ตอนที่ “น้องหนูซู่ซ่า” กับ “บักหำน้อย”

วิ่งไล่หยอกกัน เป็น ขวัญกับเรียม
วิ่งเล่นซ่อนหากับ Merlion อยู่ที่สิงคโปร์


“บักหำน้อย” กับ “น้องหนูซู่ซ่า” เฝ้ารอวีซ่าตัวนี้อย่างใจจดใจจ่อ

Visa subclass 457; restaurant manager

Ok นะ

ขอบคุณ ยาม 3 ตรา ที่ช่วยนำข่าวดีให้ “บักหำน้อย” กับ “น้องหนูซู่ซ่า”

ถึงแม้ว่าตอนนี้ Visa subclass 457 ตำแหน่ง restaurant manager มันเป็นอะไรที่ยังไม่แน่นอน

ไม่ long term สำหรับคนที่ได้วีซ่าหลังวันที่ 19 April 2017

ก็เอาเป็นว่า มีอะไร เราคว้าไว้ก่อนละกัน
ค่อยหาทาง หาวิธีแก้กันไปทีละเปราะ

เพราะ “บักหำน้อย” เอง ก็ถือวีซ่านักเรียนมาแล้ว 7-8 ปี
นานนะ 7-8 ปี ถ้าจะต่ออีก ก็ต้องเป็นอะไรที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
เอาเป็นว่า ยากนะ

เราเคย post เรื่องนี้ไปแล้วว่า
วีซ่านักเรียน มันไม่ได้ต่อได้เรื่อยๆ

ดีใจกับ “บักหำน้อย” กับ “น้องหนูซู่ซ่า” ที่ผ่านมรสุม 457 มาได้อีกคู่

แล้วเราค่อยมาหาทางกันต่อไป ว่าจะไปซ้าย ไปขวา เดินหน้า หรือถอยหลัง 1 ก้าว

ทุกชีวิต เกิดมาแล้ว
มันก็ต้องสู้กันต่อไป

หากลมหายใจยังไม่สิ้น
ก็คงต้องดิ้นกันต่อไป

เหนื่อย ก็ พัก
ชีวิตมันก็มีแค่นี้แหละ

อย่าไปเอาอะไรกับมันมากเลย

…รักนะ…
...ไม่เคยเปลี่ยน (หรือเปล่านะ)...

No comments:

Post a Comment