ให้คำปรึกษาและบริการทางด้านกฎหมายอิมมิเกรชั่น และวีซ่าออสเตรเลีย
Facebook page: J Migration Team วีซ่าออสเตรเลีย
John Paopeng จอห์น เผ่าเพ็ง
Registered Migration Agent (MARN: 0851174)
Wollongong, Sydney, Melbourne, Brisbane, Gold Coast, Adelaide, Canberra.
email: jpp168.immi@outlook.com
PO Box 5399, Wollongong, NSW 2520
Saturday, April 29, 2023
ณ กาลครั้งหนึ่ง; Melb girl called and hung up
Friday, April 28, 2023
Partner Visa; ค่าบริการเท่าไหร่
คำถามยอดฮิตใน email เราแทบจะวันเว้นวันคือ "Partner Visa; ค่าบริการเท่าไหร่"
ค่าบริการของ Partner Visa ของเราแต่ละ case ไม่เหมือนกันครับ ขึ้นอยู่กับความยากง่าย
โดยเฉพาะคดีและประวัติของสมัครและคนสปอนเซอร์
Case ที่มีมาถึงมือเรา หลาย ๆ case มีความแซ่บอยู่ในตัว ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร แต่ละคนผ่านชีวิตโชกโชนมาในช่วงวัยเด็ก
หลาย ๆ คนก็เคยก้าวพลาดมาในชีวิต ซึ่งก็ no judgemental เพราะนั่นมันคือชีวิตเขา ไม่ใช่ชีวิตเรา
หน้าที่เราแค่ทำ "วีซ่า" และส่งพวกเขาให้ถึงฝั่งครับ
หน้าที่คนทำงาน มันก็แค่นี้เองจริง ๆ
ก็ต้อง no emotional attach
สำหรับ Partner Visa; วีซ่าคู่รัก วีซ่าแต่งงาน subclass 820/801 หรือ subclass 309/100 ก่อนที่ให้เรา quote ราคา ช่วยส่ง police check ของทั้งคนสมัครแล้วคนสปอนเซอร์มาให้เราก่อนนะครับ เดี๋ยวเราจะ quote ราคากลับไปให้
ส่วนเรื่องการขอ police check นั่น นี่ โน่น
เดี๋ยวเราคุยกันใน email นะครับ
เพราะแต่ละ case ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเคยไปอยู่ที่ไหนมาบ้างที่เกิน 12 เดือน
ค่าบริการของ Partner Visa; subclass 820/801 หรือ subclass 309/100 ของเราดูแลจนถึง stage 2 นะครับ จนถึงขึ้น PR, ตอนยื่น PR ไม่มีค่าบริการอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
Case ทุก case ของเรา confidential
ข้อมูลของลูกค้าไม่เคยรั่วไหล ใครทำเรื่องให้ใคร เจ้าตัวกับคนสปอนเซอร์เท่านั้นที่รู้
วีซ่าท่องเที่ยว & visa cancellation
โยกย้ายและ student visa level 3
โยกย้ายได้นะครับ ไม่ผิด เพราะทุก ๆ คนก็คือ "Global Citizen" มีความลื่นไหลในการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิต
อยู่ภายในประเทศเดียว คนเรายังย้ายเมือง ย้ายจังหวัดได้เลย
นกไซบีเรียมันยังบินหนีหนาวได้เลย (ไม่ต้องขอวีซ่า ดีจัง)
อยู่บนโลกใบเดียวกัน เราก็ต้องย้ายประเทศได้ซิ
ย้ายได้นะครับ ถ้าคุณสมบัติเราครบ
เพราะแต่ละประเทศ แต่ละ jurisdiction มี requirement ที่แตกต่างกัน
ก่อนที่โยกย้ายเราก็ต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนจะมา หรือจะย้ายแบบไหน อะไร ยังไง
ไม่ใช่แค่ "สนใจครับ" "สนใจค่ะ"
เอกสารปลอมเอย
bank statement ปลอมเอย สุดท้ายก็โดน PIC4020 โดนแบน 3 ปี
ขอวีซ่าท่องเที่ยว แต่ขายธุรกิจ ขายร้านอะไรหมดแล้ว
มา "ท่องเที่ยว" แน่นะครับ??
มาแล้วไม่ overstay แน่นะครับ
มาแล้วไม่ขอวีซ่าลี้ภัย แล้วไปทำงานในฟาร์มแน่นะครับ
ขอวีซ่านักเรียน แต่ยกเลิก CoE (Certificate of Enrolment) กันรัว ๆ
ทุกอย่างมันฟ้องในระบบ PRISMS; Provider Registration and International Students Management System
ทุกสิ่งอย่างมันคือ factors
มันคือปัจจัย
มันคือ big data
เมื่อทุกคนอย่างเป็น "ตุ้ม" เดินถ่ายรูปสวย ๆ หลังเลิกงานที่เมืองนอก
เมื่อทุกคนอยากเป็นสาวน้อยร้อยอาชีพ
เมื่อทุกคนอยากขับ Uber ได้เงินเดือน ๆ ละ 200,000.00 บาทไทย
เมื่อทุกคนได้รับข่าวสาวข้อมูลเรื่องวีซ่าจากติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษ
ไม่รู้สึกแปลกบ้างเหรอ
เอาจริง ๆ นะครับทุกคนอยากมีรายได้ที่ดีกันทั้งนั้นแหละ ถ้าชีวิตสบายแล้วพวกเราก็คงไม่ดิ้นรนกันหรอก ถ้ามีอากาศที่บริสุทธิ์กันแล้ว ทุกคนก็คงไม่หนีปัญหา PM2.5 กันมาหรอก
เราไม่โทษใครทั้งสิ้น
ทุกคนก็อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นกันทั้งนั้นแหละ
แค่เอาเป็นว่า ถ้าจะมา ก็ทำอะไรให้มันถูกต้องนะครับ
ไม่ทำเอกสารปลอม
ไม่เช่า bank statement
มาวีซ่าท่องเที่ยวต้องไม่แอบทำงาน
มาวีซ่าผู้ปกครอง subclass 590 ต้องไม่แอบทำงาน
มาวีซ่านักเรียนก็ต้องเรียนหนังสือ ทำงานได้ แต่ก็ต้องไปเรียนด้วย พยายามอย่ายกเลิก CoE กัน
ตอนนี้วีซ่านักเรียนของประเทศไทยตกลงมาที่ level 3 ซึ่งเป็น level ต่ำสุด
แต่ถ้าคนสมัครหลังจากนี้ทำอะไรให้มันดี ๆ มันก็มีการปรับกันขึ้นมาใหม่ได้ครับ อิมมิเกรชั่นจะมีการปรับทุก ๆ 6 เดือน
หลาย ๆ คนบอกว่า "ต้นทุนไม่เท่ากัน"
ก็แล้วแต่มุมของแต่ละคนที่เลือกที่จะมอง
ทุกคนเกิดมามีต้นทุนเท่า ๆ กันนั่นคือ "ความเป็นมนุษย์" อันผิดกฎก็อย่าไปทำ... ก็แค่นั้นเองนะครับ
ชีวิตต้องง่ายนะครับ
ถ้าไม่ง่ายแสดงว่าไม่ใช่
ก็แค่ทำตามกฎของเขา ก็แค่นั้นเอง
Note: เราเขียนในพื้นที่ของเรา อาจจะถูกใจคนนั้นบ้างไม่ถูกใจคนนี้บ้าง บอกตามตรงนะครับว่าตัวเราเองรู้สึก "เฉย ๆ" จะเอาไปแขวน ไปทำอะไร ทำได้หมด... it doesn' t worry me... เวลาโดนฟ้องมาก็ดูสายป่านตัวเองด้วยนะครับ ยาวมากน้อยแค่ไหน!!! อวตารไม่กลัว กลัวไม่อวตาร อย่าลืมว่าเราจบ Master of IT Security (Digital Forensics) นะครับ... ฝากเอาไว้ให้คริสต์
Saturday, April 22, 2023
โยกย้ายแบบไม่ขายฝัน จากวันนั้น 03 Feb 2010 ถึงวันนี้
กับใคร someone เราก็รู้สึก feeling comfortable เป็นพิเศษ
ถึงแม้ไม่ใช่พี่ ไม่ใช้น้องกันจริง ๆ แต่เขาก็เป็น someone ที่คุยด้วยแล้วสบายใจ จากลูกค้า กลายมาเป็น... ตอนนี้อะไรก็ไม่รู้ มันไม่มีคำนิยาม เขาเป็นมากกว่าลูกค้า เขาเป็นมากกว่าพี่สาว (พี่สาวจริง ๆ จะกลัวเรา ไม่กล้าเอะ ไม่กล้าดุ เราดุจะดุพี่สาวแทนไง.... oops!!!)
แต่กับพี่คนนี้ น่าจะเป็นคนไทยในออสเตรเลีย น้อยกว่า 5 คนนะที่สามารถเตือนเราได้ พี่เค๊าก็จะมีวิธีพูดแหละ พูดในฐานะของคนนอก แต่พูดด้วยความหวังดี เตือนด้วยความหวังดี และส่วนมากเราก็จะรับฟังนะ ซึ่งน้อยคนมากที่เราจะรับฟัง เราเป็นคนค่อนข้าง strong อยู่แล้ว ไม่ค่อยแคร์สื่อ เราเติบโตที่ประเทศออสเตรเลียและประเทศสิงคโปร์ครับ มันก็จะเลยออกมาในแนวนี้ที่เป็นอยู่
เราก็ได้พี่คนนี้แหละ คอยตบ ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง เพราะเราต้อง dealing กับคนไทยอยู่ วัฒนธรรมบางอย่างเราก็ต้องรู้ว่ามันคืออะไร ยังไง ใน perspective ของคนไทย อะไรประมาณนี้ (เอาจริง ๆ เราจากเมืองไทยมานาน เกินที่จะแคร์แล้ว ทำได้แค่นี้คือดีมากแล้ว อย่ามาหวังอะไรมากไปกว่านี้เลย คงยากส์หนะ)
ทำไมเราถึงรู้สึก feeling comfortable กับพี่คนนี้เหรอ
เราเปิด "J Migration Team" มาตั้งแต่ 2008 ครับ แต่ก็เป็นมดตัวเล็ก ๆ อยู่ที่ Wollongong
สายตาส่วนมากที่ทุกคนมองในช่วงนั้น; 2008/2009 คือ:
- จะไปรอดเหรอ
- ใครจะมาใช้บริการ
- Wollongong ไกลกัน
สมัยก่อน แค่ได้ทำ case ละเดือนนี่คือหรูแล้ว (เราก็มีงานอย่างอื่นด้วยครับ รับราชการที่นี่)
แค่มีเงินจ่ายค่า MARN ของแต่ละปีก็พอ ที่เหลือคือกำไร เพราะทำเองทุกอย่าง ไม่มีทีมงาน
13 June 2015 เราเริ่มเปิด facebook page: "J Migration Team"
เอาจริง ๆ ไม่คิดที่จะทำจริงจังหรอก เพราะงานอื่นที่ทำอยู่ตอนนั้นก็ค่อนข้างมั่นคง
13 June 2015 เราเปิด facebook page เสร็จแล้วก็เอาลงไปลง website "Natui.com.au" ซึ่งลงฟรี เราก็ค่อย ๆ มีคนมา follow มากขึ้น สมัยก่อนมันไม่มี facebook group อะไรแบบนี้ และ facebook page ต่างๆ ก็ไม่เยอะ
2015 เราน่าจะเป็น MARN คนไทยคนเดียวที่มี facebook page
เอาจริง ๆ คือเราไม่มีเงินไปซื้อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยตอนนั้น และเราก็เน้นทำ page ที่เป็นภาษาอังกฤษ และลงโฆษณากับ GoogleAds ตอนนั้น
facebook page "J Migration Team" มันเริ่มมาจากความ "ไม่มี"
คือไม่มีเงินไปซื้อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยใน Sydney, เราก็ต้องเน้นสื่อ online นี่แหละ เพราะมันฟรี
เราก็ค่อย ๆ มีคน follow เยอะขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนั้นมีคน follow 200 คน เราดีมาก และก็มีความสุขกับการเขียน content เพราะน่าจะเป็นคนไทยคนเดียวในออสเตรเลียที่เขียน page อะไรแบบนี้ ตอนนั้น
กับ 200 คนแรกที่ follow page เราตอนนั้น
คุยกันกระน๊องกระแน๊งกันไป เพราะคนไม่เยอะ
พี่คนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนั้นพี่เค๊ามาติดตามเพราะวีซ่า subclass 457; วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์สมัยนั้น
อยู่มาวันหนึ่ง เรานั่งรอลูกค้าที่จะเข้ามาทำ face-to-face consultation ที่ Wollongong office
ลูกค้าจอดรถแล้ว
กำลังเดินมา
ไอ้เราก็นั่งรอ เลย อ๊ะ ลองทำ facebook LIVE ดูสิ
ตอนนั้น facebook LIVE เป็นอะไรที่ใหม่มากครับ ปี 2015/2016
นั่นเป็นครั้งแรกที่คนเห็นหน้าใน facebook live เพราะปกติจะมีแค่รูป profile ที่ใส่ชุดครุยของ UOW เท่านั้น (เป็นชุดรับปริญญาที่ใส่กางเกงยีนส์... คือถ้าเรามี 5-6 ใบแล้ว เราก็รู้สึกเฉย ๆ กับพิธิรับปริญญาแล้วหละ)
วันนั้นยังจำขึ้นใจ มือสั่น ปากสั่น พูดผิพพูดถูก
ก็ได้พี่คนนี้แหละ เข้ามาทักทายและก็กรี๊ดกร๊าด วี๊ดว๊าย กระตู้หู้
ขอบคุณมากเลยครับพี่ ที่อยู่ข้าง ๆ น้องคนนี้เสมอมา จากวันนั้น ถึงวันนี้ เราไม่เคยลืม พี่คนนี้ก็อยู่เคียงเรามาโดยตลอด พี่เป็นลูกค้าที่น่ารักมาก พี่เขาจะแนะนำเพื่อน ๆ และทุกคนที่แกรู้จัก แกจะแนะนำมาที่เราตลอด ซึ่งจริง ๆ แล้วพี่เขาไม่ต้องทำก็ได้
ทุกสิ่งอย่างที่เรามีวันนี้ food on the table, roof over my head... พี่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งแหละ พี่เขาแนะนำลูกค้ามาให้เราเยอะมาก และไม่เคยได้ค่า commission ไม่เคยได้อะไรจากเรา เพราะเราไม่มีระบบอะไรแบบนั้น
จากวันนั้น ถึงวันนี้ พี่เขาได้ citizen แล้วครับ และซื้อบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ซื้อช่วง COVID ราคาแพงหน่อย แต่ก็ได้ซื้อแล้ว มีอะไรเป็นของตัวเอง มี sense of belonging
Roadmap ของพี่เขาคือ:
วีซ่านักเรียน แล้วตามด้วย subclass 457 แล้วตามด้วย subclass 186 (PR) แล้วตามด้วย citizen แล้วตามด้วยบ้าน :)
แต่ทุกอย่างไม่ได้ได้มาง่าย ๆ ครับ
พี่เขาเดินทางมาที่ วันที่ 03 Feb 2010 (ไม่แน่ใจว่าเป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกหรือเปล่านะครับ)
ชีวิตพี่เขาผ่านอะไรมาเยอะมาก
ในปีนั้น Feb 2010, พี่เขาทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านมีที่พักให้ ประมาณว่าน่าจะนอนในห้องเก็บของ
ทำงาน 7 วัน ได้ค่าแรง: $10
อ่านไม่ผิดนะครับ ทำงาน 7 วันได้ค่าแรง $10
เพราะเจ้าของร้านบอกว่า ก็มีที่พักให้แล้วไง
และสมัยก่อนมันไม่มี social media อะไรแบบนี้ พี่แกไม่รู้หรอกว่า $10/week มันเหมาะสมหรือเปล่า อะไร นั่น นี่ โน่น
พออยู่ซักระยะ พอเริ่มไปเรียน ก็ทำให้รู้ว่า ค่าแรง $10/week มันคือค่าแรงทาสชัด
แกก็ต่อรองกับเจ้าของร้าน
ได้ขึ้นค่าแรง $50/week
นี่คือทำงาน 7 วันนะครับ เรียน Mon-Thu ก็ทำกะเย็น
ส่วนแฟนแกที่มาด้วยกัน ก็ช่วยงานที่ร้านเหมือนกัน แต่ไม่ได้ค่าแรง
อ่านไม่ผิดนะครับ "ไม่ได้ค่าแรง"
ก็มีที่พักให้แล้วไง!!!
แฟนแกก็เลยต้องออกไปหางานทำที่อื่น ซึ่งเจ้าของร้านก็เป็นเพื่อนกัน เพราะถ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ค่าแรง
แฟนแกไปทำอีกที่ ได้ $120/วัน แต่ทำคนเดียว เช้า-ดึก
แฟนแกก็ต้องไปทำอีกร้าน เพราะต้องหาเงินจ่ายค่าเรียน
อาหารที่ได้ไปกินที่โรงเรียน คืออาหารอะไรที่ได้ที่เขาทำผิดให้ลูกค้าในแต่ละวัน บางทีก็ได้ spring roll x 4 ชิ้นไปทานที่โรงเรียนมั่ง
เวลาไปซื้อของ grocery ก็ต้องเป็นถือของ เดินตามหลังเจ้าของร้าน เพราะเจ้าของร้านจะไม่ถืออะไรเลย
พักอยู่ที่บ้านเขาก็ต้องทำความสะอาดบ้าน ดูดฝุ่น ขัดห้องน้ำ ห้องส้วม
สุดท้ายพี่เขาก็หนีออกมาจากบ้านพักหลังนั้น หนีออกมาจากการทำงานที่ร้านนั้น ต้องใช้คำว่า "หนี" เลย เพราะภาษาอังกฤษก็ยังไม่เก่งมากนัก ก็มาดิ้นรน เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยที่ Sydney
ชีวิตพี่เขาไม่ง่ายเลยจริง ๆ
ตอนนั้นยังไม่มี facebook page "J Migration Team" ยังไม่มีใครมาให้ข้อมูลเรื่องวีซ่า โดยเฉพาะ subclass 457; วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ แกก็โดนหลอกทำ subclass 457 อีก
แต่ก่อนเจ้าของร้านเปิดร้านมาเพื่อขายวีซ่ากันเยอะ โฆษณาใน website; Natui.com.au กันเยอะแยะ พี่แกก็หนึ่งในนั้นที่โดนเจ้าของร้านหลอกจะขาย subclass 457 ให้ พี่เขาโดนอะไรมาเยอะ โดนนายจ้างชาวต่างชาติเอารัดเอาเปรียบ พูดจาดูถูก และอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าจะให้เขียนทั้งหมด คืนนี้คงไม่ต้องนอน สุดท้ายอิมมิเกรชั่นลงตรวจทุกร้านในเครือข่ายเปิดร้านขายวีซ่านี้ และร้านโดนปิดไป...etc...etc...
พี่แกก็เลยเข้ามาติดตาม page คอย update ข่าวสารข้อมูลเรื่องวีซ่า
เราก็รู้สึกยินดีที่ได้ให้ความรู้แก่คนอื่น และสิ่งที่ตามมาก็คือลูกค้า เรากราบขอบคุณจากหัวจิต
โยกย้ายแบบไม่ขายฝัน
ชีวิตทุกคนผ่านอะไรมาเยอะ
บางคนเขาก็ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ปากก็ต้องกัด ตีนก็ต้องถีบ
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ พี่เขามาไกลมากแล้วครับ
ได้ PR
ได้ citizen
มีเงินซื้อบ้าน
กราบขอบคุณพี่ทั้ง 2 ที่เข้ามาในชีวิตผมนะครับพี่
ก็อยู่เป็นลมใต้ปีกของกันและกันแบบนี้แหละ
อย่างที่บอกว่า food on my table, roof over my head พี่คือหนึ่งในนั้นที่ทำให้มันเกิดขึ้น
จากเด็กตัวน้อย ๆ คนนี้
มดตัวน้อย ๆ คนนี้ที่ Wollongong
บุญคุญที่พี่มีแต่เรา คิดว่าชาตินี้ก็คงใช้ไม่หมด พี่แค่อาจจะไม่รู้ตัวว่า "เอ๊ะ ฉันช่วยอะไรคุณจอห์นวะ" พี่ช่วยผมมากเลยครับ เชื่อสิ ลูกค้าแต่ละคนที่พี่แนะนำมา เขาก็บอกต่อกันไปเรื่อย ๆ ยิ่งกว่า Network Marketing อีก
พี่เป็นคนเดียวที่ทำให้เราร้องไห้ตอนทำ facebook LIVE ตอนพี่เขาได้ PR
แต่ก่อนคน follow ไม่เยอะไง จะร้องไห้ จะอะไรก็ทำได้ (ตอนนี้ไม่ค่อยได้ทำ facebook LIVE แล้วครับ เหนื่อย) ก็ลอง ๆ ค้นหาดูนะครับเพลง "วิมานดิน"
ที่เขียนมาทั้งหมดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากจะสื่ออะไร
แค่อยากเขียน
วันนี้ weekend
เพื่อความอรรถรสและความ real ในการเขียน เรานั่งเขียนทีเดียวจบ ไม่ได้ proofread, อาจมีคำผิดเยอะบ้าง.... เขียนเองทุกตัวอักษร (since 2008)
...รักที่สุด...สุดที่รัก...
22/04/2023
Wednesday, April 19, 2023
วีซ่าทำงาน: ร้านอาหาร
Partner Visa; อายุของคนสปอนเซอร์
Friday, April 14, 2023
AAT; อุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์
Monday, April 10, 2023
EOI; Expression of Interest
EOI หรือ Expression of Interest คืออีกหนึ่งของ process ที่กระทรวงอิมมิเกรชั่นใช้ในการคัดเลือกคนสมัครวีซ่าหลายประเภทที่ให้คนสมัครแสดงความจำนงก่อนว่าเขาอยากจะสมัครวีซ่านั้น ๆ
EOI ถูกนำมาใช้กับพวก Skilled Migrant; subclass 189, 190 & 491
และพวก Business Visa; subclass 188 ด้วย
หลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นกับ EOI นัก เพราะ EOI จะรู้กันในหมู่คนที่สมัครวีซ่า Skilled Migrant ซะเป็นส่วนใหญ่
สิ่งที่เราควรรู้ก็เกี่ยวกับ EOI ก็คือ:
- EOI นั้นฟรี
- EOI เป็นแค่การยื่นแจ้งความจำนงในการขอวีซ่า เราต้องรอจดหมาย "Invitation Letter" จากอิมมิเกรชั่น เพื่อเชิญเราให้สมัครวีซ่า เราถึงจะสามารถสมัครวีซ่าได้ ภายใน 60 วัน
- เราไม่รู้ว่าเราจะได้ Invitation Letter เมื่อไหร่ โดยเฉพาะพวก Skilled Migrant; subclass 189, 190 & 491. ใครที่ได้ point เยอะกว่า ก็จะถูก invite ก่อน
- EOI ของเราจะถูกเก็บเอาไว้ในระบบเป็นเวลา 2 ปี, หลังจาก 2 ปี เราก็ยังสามารถยื่น EOI ได้เรื่อย ๆ ไม่มีจำกัด
- เราสามารถ update EOI ของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้เรามี point 65 points ของสาขาอาชีพที่เราจะสมัคร เราก็สามารถสมัครเข้าไปก่อนได้ แล้วถ้าพรุ่งนี้เราสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนที่เยอะกว่าครั้งที่แล้ว เราได้คะแนนเพิ่มขึ้น เราก็ login เข้ามา update EOI ของเราได้ ถ้า point เราเพิ่มขึ้น เราก็จะได้ลัดคิวไปอยู่ด้านหน้า มีโอกาสในการที่จะถูกเรียกเชิญได้เร็วขึ้น
- EOI เป็นระบบ online ที่ update รายวัน ดังนั้นถ้าคนที่ยื่น EOI เข้าไปแล้ว ถ้าหากถึงวันเกิดเรา point ของเราก็จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วย ขึ้นอยู่กับอายุปัจจุบัน
- เนื่องด้วย EOI ฟรี และมันก็แค่เป็นการยื่นความจำนงเฉย ๆ เรายังไม่ได้สมัครวีซ่า ดังนั้นการยื่น EOI จะไม่มีการ generate Bridging Visa ให้ ดังนั้นคนที่อยู่ภายในประเทศออสเตรเลีย ถ้ากะจะยื่น EOI เราก็ต้องทำตั้งแต่เนิ่น ๆ และเตรียมหาวีซ่าของเราไว้ด้วย เผื่อต้องรอนานกว่าเราจะได้ invitation letter
- เรากลับไปรอ invitation letter อยู่นอกประเทศออสเตรเลียได้ เราไม่ต้องรอ invitation letter ภายในประเทศออสเตรเลีย
- เราสามารถยื่น EOI มาจากที่ไหนก็ได้ เพราะมันเป็นระบบ online เราไม่จำเป็นต้องยื่นที่ประเทศออสเตรเลียหรือรออยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย
Copyright: ถ้าจะแชร์ให้แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาติให้ copy & paste, ไม่อนุญาติให้ screen capture
Friday, April 7, 2023
Skill Assessment คืออะไร
Skill Assessment ไม่ใช่ Skill Assignment
Assignment คือการบ้าน
Assessment คือตรวจเช็คหรือวัดระดับความสามารถ ซึ่งทำได้หลายแบบ
การที่ชาวต่างชาติจะอพยพหรือเข้ามาทำงานที่ประเทศออสเตรเลียนั้น ทางรัฐบาลต้องการที่จะ make sure ว่าวุฒิการศึกษาและประสบการณ์การทำงานของคน ๆ นั้นได้มาตรฐานตามที่ประเทศออสเตรเลียกำหนดเอาไว้หรือเปล่า
ประหนึ่งว่าคล้าย ๆ ใบประกอบวิชาชีพ
บางสาขาอาชีพ Skill Assessment ก็คือใบประกอบวิชาชีพ บางสาขาอาชีพก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งลง detail ตอนนี้เลย เดี๋ยวจะยาว เราขอเน้นเฉพาะในส่วนของที่เกี่ยวข้องกับอิมมิเกรชั่นก็แล้วกัน
การทำ Skill Assessment เพื่อขอวีซ่าในรูปแบบของ Skilled Migrant; subclass 189, subclass 190, subclass 491 อาจจะแตกต่างจากการทำ skill assessment ของวีซ่าทำงานทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์; subclass 482, subclass 494, subclass 186 ENS, subclass 187 RSMS
RPL; Recognition of Prior Learning คืออะไร
- ก็ต้องมีประวัติการทำงาน (ต้องมีการลง tax มีการเสียภาษีที่ถูกต้อง)
- ถ่าย video clip เพื่อสาธิตว่าเรามีความสามารถในการทำงานได้จริงๆ
- logbook ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาว่าเราทำอะไมั่ง
- RPL ที่ทำกับ "J Migration Team" ไม่มีการบ้าน ไม่มี assignment เพราะเราเอาประสบการณ์มาเทียบเท่า ก็เหมือนกับ "กศน" ที่เมืองไทย
Diploma of Commercial Cookery
ดังนั้นหากใครเรียนมาไม่ตรงกับสาขาอาชีพงาน ยังไม่ต้องสิ้นหวังนะครับ ลองทำ RPL ดู เพราะ RPL สามารถทำได้ภายในระยะเวลา 8-9 weeks ซึ่งก็ถือว่าเร็วกว่าการที่เราจะต้องไปลงทะเบียนเรียนมาก ก็อยากให้ทุกคนลองเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายดูนะครับ ว่าอันใหนจะคุ้มมากกว่ากัน
Wednesday, April 5, 2023
วีซ่านักเรียน; onshore
Monday, April 3, 2023
Smart Move Australia
มันก็คือ Skilled Migrant; Subclass 189, Subclass 190, Subclass 491
ที่ focus ไปที่ สาขาอาชีพเหล่านี้:
- Health,
- Education,
- Infrastructure,
- ICT and Technology
ก็จะได้ priority ในการ process
ก็แค่นั้นเอง ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องตื่นเต้นนะครับ
สมัยก่อน ตอน Labour เป็น government มันก็เคยมีอะไรแบบนี้มาแล้ว
ของเก่าเอามาปัดฝุ่นใหม่หนะ
ส่วนใครที่อยู่ในสายอาชีพด้านบน ก็ยินดีด้วยครับ คุณได้ไปต่อ
ตัว P' J เองก็ได้ PR/Citizen มาจากสาย ICT and Technology ก็ไม่เคยลืมข้าวแดงแกงร้อนครับ
info เรื่อง Skill Migranted และการนับ point เขาเคยเขียนไปแล้ว อยู่ที่ blog