Saturday, April 22, 2023

โยกย้ายแบบไม่ขายฝัน จากวันนั้น 03 Feb 2010 ถึงวันนี้


กับใคร someone เราก็รู้สึก feeling comfortable เป็นพิเศษ

ถึงแม้ไม่ใช่พี่ ไม่ใช้น้องกันจริง ๆ แต่เขาก็เป็น someone ที่คุยด้วยแล้วสบายใจ จากลูกค้า กลายมาเป็น... ตอนนี้อะไรก็ไม่รู้ มันไม่มีคำนิยาม เขาเป็นมากกว่าลูกค้า เขาเป็นมากกว่าพี่สาว (พี่สาวจริง ๆ จะกลัวเรา ไม่กล้าเอะ ไม่กล้าดุ เราดุจะดุพี่สาวแทนไง.... oops!!!)


แต่กับพี่คนนี้ น่าจะเป็นคนไทยในออสเตรเลีย น้อยกว่า 5 คนนะที่สามารถเตือนเราได้ พี่เค๊าก็จะมีวิธีพูดแหละ พูดในฐานะของคนนอก แต่พูดด้วยความหวังดี เตือนด้วยความหวังดี และส่วนมากเราก็จะรับฟังนะ ซึ่งน้อยคนมากที่เราจะรับฟัง เราเป็นคนค่อนข้าง strong อยู่แล้ว ไม่ค่อยแคร์สื่อ เราเติบโตที่ประเทศออสเตรเลียและประเทศสิงคโปร์ครับ มันก็จะเลยออกมาในแนวนี้ที่เป็นอยู่


เราก็ได้พี่คนนี้แหละ คอยตบ ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง เพราะเราต้อง dealing กับคนไทยอยู่ วัฒนธรรมบางอย่างเราก็ต้องรู้ว่ามันคืออะไร ยังไง ใน perspective ของคนไทย อะไรประมาณนี้ (เอาจริง ๆ เราจากเมืองไทยมานาน เกินที่จะแคร์แล้ว ทำได้แค่นี้คือดีมากแล้ว อย่ามาหวังอะไรมากไปกว่านี้เลย คงยากส์หนะ)


ทำไมเราถึงรู้สึก feeling comfortable กับพี่คนนี้เหรอ

เราเปิด "J Migration Team" มาตั้งแต่ 2008 ครับ แต่ก็เป็นมดตัวเล็ก ๆ อยู่ที่ Wollongong

สายตาส่วนมากที่ทุกคนมองในช่วงนั้น; 2008/2009 คือ:

- จะไปรอดเหรอ

- ใครจะมาใช้บริการ

- Wollongong ไกลกัน


สมัยก่อน แค่ได้ทำ case ละเดือนนี่คือหรูแล้ว (เราก็มีงานอย่างอื่นด้วยครับ รับราชการที่นี่)

แค่มีเงินจ่ายค่า MARN ของแต่ละปีก็พอ ที่เหลือคือกำไร เพราะทำเองทุกอย่าง ไม่มีทีมงาน


13 June 2015 เราเริ่มเปิด facebook page: "J Migration Team"

เอาจริง ๆ ไม่คิดที่จะทำจริงจังหรอก เพราะงานอื่นที่ทำอยู่ตอนนั้นก็ค่อนข้างมั่นคง 


13 June 2015 เราเปิด facebook page เสร็จแล้วก็เอาลงไปลง website "Natui.com.au" ซึ่งลงฟรี เราก็ค่อย ๆ มีคนมา follow มากขึ้น สมัยก่อนมันไม่มี facebook group อะไรแบบนี้ และ facebook page ต่างๆ  ก็ไม่เยอะ


2015 เราน่าจะเป็น MARN คนไทยคนเดียวที่มี facebook page 

เอาจริง ๆ คือเราไม่มีเงินไปซื้อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยตอนนั้น และเราก็เน้นทำ page ที่เป็นภาษาอังกฤษ และลงโฆษณากับ GoogleAds ตอนนั้น 


facebook page "J Migration Team" มันเริ่มมาจากความ "ไม่มี"

คือไม่มีเงินไปซื้อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยใน Sydney, เราก็ต้องเน้นสื่อ online นี่แหละ เพราะมันฟรี


เราก็ค่อย ๆ มีคน follow เยอะขึ้นเรื่อย ๆ 

ตอนนั้นมีคน follow 200 คน เราดีมาก และก็มีความสุขกับการเขียน content เพราะน่าจะเป็นคนไทยคนเดียวในออสเตรเลียที่เขียน page อะไรแบบนี้ ตอนนั้น


กับ 200 คนแรกที่ follow page เราตอนนั้น 

คุยกันกระน๊องกระแน๊งกันไป เพราะคนไม่เยอะ

พี่คนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนั้นพี่เค๊ามาติดตามเพราะวีซ่า subclass 457; วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์สมัยนั้น


อยู่มาวันหนึ่ง เรานั่งรอลูกค้าที่จะเข้ามาทำ face-to-face consultation ที่ Wollongong office


ลูกค้าจอดรถแล้ว

กำลังเดินมา

ไอ้เราก็นั่งรอ เลย อ๊ะ ลองทำ facebook LIVE ดูสิ

ตอนนั้น facebook LIVE เป็นอะไรที่ใหม่มากครับ ปี 2015/2016

นั่นเป็นครั้งแรกที่คนเห็นหน้าใน facebook live เพราะปกติจะมีแค่รูป profile ที่ใส่ชุดครุยของ UOW เท่านั้น (เป็นชุดรับปริญญาที่ใส่กางเกงยีนส์... คือถ้าเรามี 5-6 ใบแล้ว เราก็รู้สึกเฉย ๆ กับพิธิรับปริญญาแล้วหละ)


วันนั้นยังจำขึ้นใจ มือสั่น ปากสั่น พูดผิพพูดถูก

ก็ได้พี่คนนี้แหละ เข้ามาทักทายและก็กรี๊ดกร๊าด วี๊ดว๊าย กระตู้หู้

ขอบคุณมากเลยครับพี่ ที่อยู่ข้าง ๆ น้องคนนี้เสมอมา จากวันนั้น ถึงวันนี้ เราไม่เคยลืม พี่คนนี้ก็อยู่เคียงเรามาโดยตลอด พี่เป็นลูกค้าที่น่ารักมาก พี่เขาจะแนะนำเพื่อน ๆ และทุกคนที่แกรู้จัก แกจะแนะนำมาที่เราตลอด ซึ่งจริง ๆ แล้วพี่เขาไม่ต้องทำก็ได้


ทุกสิ่งอย่างที่เรามีวันนี้ food on the table, roof over my head... พี่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งแหละ พี่เขาแนะนำลูกค้ามาให้เราเยอะมาก และไม่เคยได้ค่า commission ไม่เคยได้อะไรจากเรา เพราะเราไม่มีระบบอะไรแบบนั้น


จากวันนั้น ถึงวันนี้ พี่เขาได้ citizen แล้วครับ และซื้อบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ซื้อช่วง COVID ราคาแพงหน่อย แต่ก็ได้ซื้อแล้ว มีอะไรเป็นของตัวเอง มี sense of belonging 


Roadmap ของพี่เขาคือ:

วีซ่านักเรียน แล้วตามด้วย subclass 457 แล้วตามด้วย subclass 186 (PR) แล้วตามด้วย citizen แล้วตามด้วยบ้าน :)


แต่ทุกอย่างไม่ได้ได้มาง่าย ๆ ครับ

พี่เขาเดินทางมาที่ วันที่ 03 Feb 2010 (ไม่แน่ใจว่าเป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกหรือเปล่านะครับ)


ชีวิตพี่เขาผ่านอะไรมาเยอะมาก

ในปีนั้น Feb 2010, พี่เขาทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านมีที่พักให้ ประมาณว่าน่าจะนอนในห้องเก็บของ


ทำงาน 7 วัน ได้ค่าแรง: $10

อ่านไม่ผิดนะครับ ทำงาน 7 วันได้ค่าแรง $10

เพราะเจ้าของร้านบอกว่า ก็มีที่พักให้แล้วไง

และสมัยก่อนมันไม่มี social media อะไรแบบนี้ พี่แกไม่รู้หรอกว่า $10/week มันเหมาะสมหรือเปล่า อะไร นั่น นี่ โน่น


พออยู่ซักระยะ พอเริ่มไปเรียน ก็ทำให้รู้ว่า ค่าแรง $10/week มันคือค่าแรงทาสชัด


แกก็ต่อรองกับเจ้าของร้าน

ได้ขึ้นค่าแรง $50/week

นี่คือทำงาน 7 วันนะครับ เรียน Mon-Thu ก็ทำกะเย็น


ส่วนแฟนแกที่มาด้วยกัน ก็ช่วยงานที่ร้านเหมือนกัน แต่ไม่ได้ค่าแรง

อ่านไม่ผิดนะครับ "ไม่ได้ค่าแรง"

ก็มีที่พักให้แล้วไง!!!


แฟนแกก็เลยต้องออกไปหางานทำที่อื่น ซึ่งเจ้าของร้านก็เป็นเพื่อนกัน เพราะถ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ค่าแรง

แฟนแกไปทำอีกที่ ได้ $120/วัน แต่ทำคนเดียว เช้า-ดึก

แฟนแกก็ต้องไปทำอีกร้าน เพราะต้องหาเงินจ่ายค่าเรียน


อาหารที่ได้ไปกินที่โรงเรียน คืออาหารอะไรที่ได้ที่เขาทำผิดให้ลูกค้าในแต่ละวัน บางทีก็ได้ spring roll x 4 ชิ้นไปทานที่โรงเรียนมั่ง


เวลาไปซื้อของ grocery ก็ต้องเป็นถือของ เดินตามหลังเจ้าของร้าน เพราะเจ้าของร้านจะไม่ถืออะไรเลย

พักอยู่ที่บ้านเขาก็ต้องทำความสะอาดบ้าน ดูดฝุ่น ขัดห้องน้ำ ห้องส้วม


สุดท้ายพี่เขาก็หนีออกมาจากบ้านพักหลังนั้น หนีออกมาจากการทำงานที่ร้านนั้น ต้องใช้คำว่า "หนี" เลย เพราะภาษาอังกฤษก็ยังไม่เก่งมากนัก ก็มาดิ้นรน เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยที่ Sydney


ชีวิตพี่เขาไม่ง่ายเลยจริง ๆ 

ตอนนั้นยังไม่มี facebook page "J Migration Team" ยังไม่มีใครมาให้ข้อมูลเรื่องวีซ่า โดยเฉพาะ subclass 457; วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ แกก็โดนหลอกทำ subclass 457 อีก


แต่ก่อนเจ้าของร้านเปิดร้านมาเพื่อขายวีซ่ากันเยอะ โฆษณาใน website; Natui.com.au กันเยอะแยะ พี่แกก็หนึ่งในนั้นที่โดนเจ้าของร้านหลอกจะขาย subclass 457 ให้ พี่เขาโดนอะไรมาเยอะ โดนนายจ้างชาวต่างชาติเอารัดเอาเปรียบ พูดจาดูถูก และอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าจะให้เขียนทั้งหมด คืนนี้คงไม่ต้องนอน สุดท้ายอิมมิเกรชั่นลงตรวจทุกร้านในเครือข่ายเปิดร้านขายวีซ่านี้ และร้านโดนปิดไป...etc...etc...


พี่แกก็เลยเข้ามาติดตาม page คอย update ข่าวสารข้อมูลเรื่องวีซ่า


เราก็รู้สึกยินดีที่ได้ให้ความรู้แก่คนอื่น และสิ่งที่ตามมาก็คือลูกค้า เรากราบขอบคุณจากหัวจิต


โยกย้ายแบบไม่ขายฝัน

ชีวิตทุกคนผ่านอะไรมาเยอะ

บางคนเขาก็ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ปากก็ต้องกัด ตีนก็ต้องถีบ


จากวันนั้น จนถึงวันนี้ พี่เขามาไกลมากแล้วครับ

ได้ PR

ได้ citizen

มีเงินซื้อบ้าน


กราบขอบคุณพี่ทั้ง 2 ที่เข้ามาในชีวิตผมนะครับพี่

ก็อยู่เป็นลมใต้ปีกของกันและกันแบบนี้แหละ 

อย่างที่บอกว่า food on my table, roof over my head พี่คือหนึ่งในนั้นที่ทำให้มันเกิดขึ้น


จากเด็กตัวน้อย ๆ คนนี้

มดตัวน้อย ๆ คนนี้ที่ Wollongong

บุญคุญที่พี่มีแต่เรา คิดว่าชาตินี้ก็คงใช้ไม่หมด พี่แค่อาจจะไม่รู้ตัวว่า "เอ๊ะ ฉันช่วยอะไรคุณจอห์นวะ" พี่ช่วยผมมากเลยครับ เชื่อสิ ลูกค้าแต่ละคนที่พี่แนะนำมา เขาก็บอกต่อกันไปเรื่อย ๆ ยิ่งกว่า Network Marketing อีก


พี่เป็นคนเดียวที่ทำให้เราร้องไห้ตอนทำ facebook LIVE ตอนพี่เขาได้ PR 

แต่ก่อนคน follow ไม่เยอะไง จะร้องไห้ จะอะไรก็ทำได้ (ตอนนี้ไม่ค่อยได้ทำ facebook LIVE แล้วครับ เหนื่อย) ก็ลอง ๆ ค้นหาดูนะครับเพลง "วิมานดิน"


ที่เขียนมาทั้งหมดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากจะสื่ออะไร

แค่อยากเขียน

วันนี้ weekend

เพื่อความอรรถรสและความ real ในการเขียน เรานั่งเขียนทีเดียวจบ ไม่ได้ proofread, อาจมีคำผิดเยอะบ้าง.... เขียนเองทุกตัวอักษร (since 2008)


...รักที่สุด...สุดที่รัก...

22/04/2023

No comments:

Post a Comment