Monday, December 20, 2021

Partner Visa: quote ราคา

"Partner Visa: quote ราคา"


Partner Visa, ราคาค่าบริการ professional service fee (no refund) ของเรา แต่ละ case ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ความยากง่าย


แล้วแค่คดีและประวัติอาชญกรรมของคนสมัครหรือคนสปอนเซอร์


เพราะคนที่เข้ามาหาเรามีผ่านโลกอันโชกโชนมาแล้วทั้งนั้น
เพราะที่ case ง่าย ๆ เขาก็ทำกันเองอยู่แล้ว


เราจะไม่ quote ราคาของเราจนกว่าเราได้เห็น police check ของทั้งคนสมัครและคนสปอนเซอร์


เรามี 8 คำถามส่งให้ potential ลูกค้าเสมอ
8 คำถามนั้นต้องตอบมาก่อนครับ เราถึงจะ quote ราคาให้ได้


เราไม่ quote ราคาอะไรจากปากเปล่า


เพราะเราเคยโดนมาแล้วที่บอกว่าตัวเองไม่มีคดี ไม่มีประวัติอาชญกรรม
แต่พอทำ police check ออกมาแล้วมี criminal record 2 หน้ากระดาษ A4 ซึ่งเราคิดว่ามันไม่แฟร์กับเราและทีมงาน เพราะคนสมัครหรือคนสปอนเซอร์ที่มี criminal record ความยากมันยากมากถึงมากที่สุด มันต้อง spend time ในการทำ case แล้วเราก็ไม่เคย charge ลูกค้าเพิ่มกับเวลาที่เราต้อง spend เพิ่มเข้าไป บริษัทเราไม่ค่อย charge อะไรหยุมหยิม ปวดหัว เรา charge เป็น case เป็น package ไปเลย


ใครที่สนใจทำ case กับเราก็ทำ police check เอาไว้เลยครับ
1 ใน 8 คำถามที่เราส่งไป ก็จะมีการบอกการทำ police check ด้วย
ถ้าทำไม่ได้ก็บอกเรา เราก็จะมี video clip การทำ police check ด้วย ง่าย ๆ ไม่ยาก


บริษัทของเราทำงานเป็นแบบนี้ครับ
ที่อื่นทำแบบไหน เราไม่รู้
แต่เราสะดวกแบบนี้


#JMigrationTeam
#MARN0851174

Sunday, December 19, 2021

Student Visa offshore; same-sex

"น้องอีกไม่นาน" กับ "น้องนานแค่ไหน" เป็นคู่รักเพศเดียวกัน

ตอนนี้น้องอยู่เมืองไทยด้วยกันทั้งคู่

น้องทั้งสองต้องการทำขอวีซ่านักเรียนและก็ทำเรื่องมาพร้อมกัน ไม่อยากแยกกันมา ไม่อยากอยู่แยกกัน

เนื่องด้วยเมืองไทย คู่รักเพศเดียวกันยังไม่สามารถแต่งงานกันได้ แต่เราก็สามารถยื่นมาด้วยกันแบบ de facto ได้


เราแนะนำให้ "น้องอีกไม่นาน" และ "น้องนานแค่ไหน" ยื่นเรื่องพร้อมกัน ไม่ต้องยื่นแยกหลายที ปวดหัว แต่น้องทั้งสองต้องมีเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ว่าเป็น partner กันจริง ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจริง ไม่ใช่แค่แฟนจีบกันไปจีบกันมา


น้องทั้งสองจะต้องโชว์ว่าน้องทั้งสองมี commitment การใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ตกล่องปล่องชิ้น ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร


เอกสารร่วมกันที่น้องทั้งสอง "น้องอีกไมานาน" กับ "น้องนานแค่ไหน" ควรมีคือ:

- บัญชีคู่ที่เปิดร่วมกันเกิน 12 เดือน

- อยู่บ้านหลังเดียวกัน มีชื่อในทะเบียนบ้านเดียวกันเกิน 12 เดือน

- หรือถ้าอยู่ condo หรือเช่า condo ก็มีชื่อร่วมกัน ค่าน้ำ ค่าไฟ นั่น นี่ โน่น เกิน 12 เดือน บางคนอยู่หอด้วยกันช่วงที่เรียนด้วยกันเกิน 12 เดือนก็ใช้ได้ครับ


ก็แค่นี้แหละ หลักฐานในการแสดงความสัมพันธ์ของคู่รักเพศเดียวกัน สำหรับคู่ที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือแต่งงานกันไม่ได้นะครับ เพราะเมืองไทยยังแต่งงานแบบเพศเดียวกันไม่ได้ ล้าหลังไปนิสต์ อาจจะ busy ปลูกผักชีอยู่ หรือตัดสินใจอยู่ว่าจะขึ้นทางด่วนดีหรือไม่ หรือว่าจะเลี้ยงไก่ 2 ไว้กินไข่ดี อย่าเพิ่งฆ่าไก่


anyway, ไม่ว่าจะอะไร ยังไง ก็ตามแต่ เราขอเอาใจช่วยทุกคนจ๊ะ

ขอให้ไปให้ถึงฝั่งฝัน


วีซ่านักเรียน ถ้าทำเรื่อง เราก็แนะนำให้ทำเรื่องมาพร้อมกันเลยครับ ไม่ต้องแยกกันมา ขี้เกียจยื่นเรื่องหลายรอบ ทำทีเดียวให้มันจบ ๆ ไปเลย และคู่รักก็จะไม่ได้แยกกันอยู่ด้วย


สู้ ๆ นะจ๊ะ "น้องอีกไม่นาน" กับ "น้องนานแค่ไหน"

Friday, December 10, 2021

Partner Visa; Domestic Violence จักรวาลนฤมิต

 

Partner Visa, ก่อนที่ case officer จะ process ข้อมูลของคนสมัคร case officer จะต้อง process คุณสมบัติของคนสปอนเซอร์ก่อน ถึงแม้ตอนนี้เราสามารถยื่นเรื่องได้พร้อมกันก็ตามเถอะ ต่อไปอาจจะต้องทำเรื่องของสปอนเซอร์ให้เป็น approved sponsored ก่อน คนสมัครถึงจะยื่นเรื่องได้ (รอประกาศของอิมมิเกรชั่น)

การที่สปอนเซอร์จะสามารถสปอนเซอร์ใคร someone ได้นั้น ตัวสปอนเซอร์เองก็ต้องมีคุณสมบัติที่ดี ที่โปร่งใสด้วย

สปอนเซอร์ที่มีคดีต่าง ๆ ก็จะมีปัญหาเสมอ โดยเฉพาะถ้าคดีหรือประวัติอาชญกรรมนั้น ๆ เกี่ยวกับ:
- คดียาเสพติด โดยเฉพาะการค้ายาเสพติด (ถ้าเสพเองก็ไม่ค่อยเท่าไหร่)
- คดีที่เกี่ยวกับอาวุธสงคราม
- คดีข่มขืน
- คดีอนาจารเด็ก child pronography
- คดีความรุนแรงภายในครอบครัว; domestic violence
และอื่น ๆ อีกมากมาย

ใครจะมีคดีอะไรมา เราอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใคร
ทุกคนสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้

เรื่องความรุนแรงภายในครอบครัวก็เหมือนกัน เรื่อง domestic violence เราอย่าเพิ่งไปตัดสินใคร ซักถามข้อมูลกันให้ละเอีดก่อนว่าคนสปอนเซอร์ได้ทำอะไรแบบนั้นจริง ๆ มั้ย เพราะบางทีการมี domestic violence เองคนที่ไปฟ้องก็อาจจะเกิดจากความหวาดกลัวและอารมณ์ชั่ววูบ มันอาจจะไม่ใช่การทำร้ายร่างกายกันจริง ๆ อาจจะเป็นการส่ง SMS มาขู่หรือด่าทอ ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นแหละ อาจจะด้วยความที่หวาดกลัวหรืออารมณ์ชั่ววูบของอีกฝ่ายที่เข้าไปแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งเราก็เห็นด้วยที่เขาทำแบบนั้น ทุกชีวิตไม่ควรอยู่ด้วยความหวาดกลัว

หลาย ๆ ครั้งที่คนทั้ง 2 กลับมาคืนดีและปรับความเข้าใจกัน แต่สิ่งที่เขาเคยโดนแจ้งความไปแล้ว หรือสิ่งที่เขาเคยขึ้นศาลมา คดีอะไรต่าง ๆ มันจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต จะทำ police check กี่รอบมันจะติดออกมาด้วย ระบบกฎหมายที่นี่ไม่เหมือนที่เมืองไทย

คนสปอนเซอร์ที่มีคดีหรือประวัติอาชญกรรมของ domestic violence อาจจะไม่ได้เป็นเหมือนสิ่งที่มันเขียนออกมาใน police check ก็ได้ เราก็ต้องสัมภาษณ์ ซักประวัติข้อมูลของลูกค้าก่อนเสมอ

"น้องจักวาล" กับ "น้องนฤมิต" ติดต่อเข้ามาทำเรื่อง Partner Visa กับ P' J

P' J ก็เห็นแล้วแหละว่าน้องจักวาลเองก็เคยประวัติหรือคดีอะไรมาบ้าง P' J ก็อธิบายถึงความยากและ complication ที่จะตามมาและลองให้น้องจักวาลกับน้องนฤมิตลองติดต่อบริษัทอื่นก่อน ลองติดต่อทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์อื่นก่อนว่ามีใครจะรับทำ case นี้หรือเปล่า เพราะ P' J เอง case ก็เยอะและสังขารก็ล่วงโรยไปตามอายุขัย วัย "21" 

คงจะเป็นบุพเพอาละวาดของพวกเราแหละ 
หากน้องจักวาลและน้องนฤมิตติดต่อไปหลายบริษัท ไม่มีใครรับทำ case ของน้องเลย เนื่องด้วยประวัติอะไรต่าง ๆ นานา

ก็คงต้องเป็น P' J สินะ รู้ทั้งรู้ว่ายาก
ใจอ่อนเสมอ ถ้าเข้าถูกทาง
แต่ P' J ก็อธิบายและ lay down the implication ต่าง ๆ และ step ในการทำ 1-2-3-4 เพราะความยากของ case ของคนสปอนเซอร์ที่มีประวัติ domestic violence

หลังจากที่ยื่นเรื่องไป

เป็นไปตามคาดทุกอย่าง คือ case officer บอกว่าคนสปอนเซอร์มีประวัติ domestic violence ดังนั้นมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมในการทำเรื่องสปอนเซอร์ Partner Visa....blah...blah...

เรื่องพวกนี้ P' J เตรียมการเอาไว้แล้วจ๊ะ
เพราะเราจะขอดู police check ของคนสปอนเซอร์ก่อนที่จะรับเรื่องหรือไม่รับเรื่องเสมอ

เอาเป็นว่า P' J และทีมงานรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

ขอบคุณทั้งน้องจักวาลและน้องนฤมิตที่ไม่ดื้อ
P' J บอกให้ทำอะไร น้องทั้ง 2 ก็ทำตามทุกอย่าง อย่างไม่มีเงื่อนไข
ถึงแม้ว่ามันอาจจะหมายถึงการขับรถ 3 ชั่วโมงเพื่อเอาไปเอกสารตัวนั้น

แน่นอน case นี้โดนลากยาวหลายปี
แต่เราก็ฝ่าฝันอุปสรรคไปด้วยกัน
คงจะเป็นบุพเพอาละวาดจริง ๆ แหละ
เหนื่อยแต่คุ้มค่าแห่งการรอคอย

น้องนฤมิตตอนนี้วีซ่าผ่านแล้ว
ได้ TR และ PR พร้อมกันเลย เพราะ case โดนลากยาวมาหลายปีแล้ว

ช้าแต่ก็หายเหนื่อยเลย
อีก 12 เดือนน้องนฤมิตสามารถขอ citizen ได้เลย

แบบนี้ต้อง "จุดพลุ"
แบบนี้ต้องฉลอง
party ต้องมาละ
น้ำจิ้มซีฟุ๊ดหรือน้ำยำ J.Dok Jig ต้องถึงละ
สิ้นปีละ ปัง ปัง กันหน่อย 

สถานีต่อไป "citizenship" นะหนู

ขอบคุณที่เชื่อใจเรา
ขอบคุณที่เลือกใช้บริการของเรา
สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ

Sunday, December 5, 2021

Skill Assessment: Restaurant Manager

การทำ Skill Assessment ของ Restaurant Manager เพื่อทำวีซ่า subclass 494, subclass 190 และ subclass 491

ถ้าเราจบ Diploma of Hospitality Management:
- เราต้องมีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งของ Restaurant Manager อย่างน้อย 20 hr/week เป็นระยะเวลา 1 ปี

ถ้าจบการศึกษาอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็น:
1. Diploma in Business
2. Advanced diploma in Management
3. Advanced diploma in Marketing and Communication
4. Master of Professional Accounting หรือแม้แต่
5. Master of Business Administration; MBA

เราต้องมีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งของ Restaurant Manager อย่างน้อย 20 hr/week เป็นระยะเวลา 2 ปี

Restaurant Manager ทำ Skill Assessment กับ VETASSESS นะครับ

Friday, December 3, 2021

Bridging Visa E


Bridging Visa E ก็เป็นอีก Bridging Visa หนึ่งที่เราคิดว่าคนไทยน่าจะรู้กันไว้ ไม่ต้องไป worries เรื่อง Bridging Visa D หรือ Bridging Visa F เพราะโอกาสที่เราจะได้ใช้ Bridging Visa พวกนั้นมีน้อยมาก (D กับ F)

Bridging Visa E นั้นเป็น Bridging Visa อีก Bridging Visa ที่มีประโยชน์ต่อสถานะภาพของเรา  

Bridging Visa E มีไว้สำหรับคนวีซ่าขาดเท่านั้น ก็คือประมาณว่าแทนที่เราจะอยู่วีซ่าขาด ผิดกฏหมาย เราก็ทำเรื่องขอ Bridging Visa E ได้ อย่างน้อยก็จะได้มีวีซ่าถูกต้อง ไม่โดนจับ ไม่ต้องเข้าไปอยู่ศูนย์กักกัน detention centre

ในกรณีที่ทางอิมมิเกรชั่นมีการเข้าไปจับคนที่ไม่มีวีซ่า คนที่อยู่แบบผิดกฏหมาย ปกติทางอิมมิเกรชั่นก็จะออก Bridging Visa E ให้ได้เลยทันที เราไม่ต้องไปขอที่อิมมิเกรชั่น เจ้าหน้าที่ที่ทำการจับเรา สามารถออก Bridging Visa E ได้เลยตอนนั้น ถ้าเขามีคอมพิวเตอร์นะ หรือไม่เขาก็ต้องโทรเข้ามาที่อิมมิเกรชั่น) แล้วก็เราจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน หรือเก็บข้าวของกลับประเทศ คืออย่างน้อย เราก็ถือวีซ่าอะไรสักอย่าง ไม่ได้วีซ่าขาดแล้ว เพราะคนต่างด้าวทุกคนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียต้องมีวีซ่าอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะถ้าไม่มีวีซ่า ถือว่าอยู่แบบผิดกฏหมาย

อย่างน้อยถ้าเจ้าหน้าที่ออก Bridging Visa E ให้เรา ณ ตอนนั้น อย่างน้อยก็ถือว่าเราถือวีซ่า อย่างใดอย่างหนึ่งละ ไม่ได้อยู่อย่างผิดกฏหมาย ไม่มีวีซ่า หรือวีซ่าขาด

และอีกอย่างก็คือ ถ้าเราได้ Bridging Visa E แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องโดนจับไปที่ศูนย์กักกัน พราะถ้าเราโดนจับไปที่ศูนย์กักกัน มันก็จะมีค่าใช้จ่ายมีเพิ่มเข้ามา ที่รัฐบาลของออสเตรเลียจะต้องออกจ่ายไปก่อน แล้วค่อยมาเก็บกับรัฐบาลไทยทีหลัง ซึ่งเสียทั้งเวลาและเป็นภาระของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายเปล่า ๆ

ข้อดีของการได้ Bridging Visa E ก็คืออย่างน้อยเวลาได้ Bridging Visa E เราก็ยังสามารถอยู่บ้านไม่ต้องโดนกักกัน ได้เก็บข้าวเก็บของ เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากมาย 

สำหรับคนที่ต้องการอยู่ต่อเพื่อเก็บเอกสารร่วมกันกับแฟน เพื่อเตรียมตัวทำ Partner Visa ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ใช้เวลาในช่วงที่ถือ Bridging Visa E นี้ในการเก็บเอกสาร

Bridging Visa E:

1. ถ้าเราทำผิดวีซ่า condition แล้วโดนยกเลิกวีซ่า แต่เราก็ยังสามารถถือ Bridging Visa E เพื่ออยู่รอผลวีซ่าตัวใหม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น วีซ่านักเรียน ทำเรื่องวีซ่าแต่งงาน แล้วไม่อยากไปเรียน เมื่อเราปล่อยให้โรงเรียนแจ้งอิมมิเกรชั่น แล้วยกเลิกวีซ่าเราไปเลย แล้วเราก็ทำเรื่องขอ Bridging Visa E เพื่อที่จะอยู่รอวีซ่าแต่งงานของเราได้ ไม่มีปัญหาอะไร ประหยัดตังค์ ไม่ต้องไปเรียนก็ได้

2. ถ้าเราวีซ่าขาด ถ้าเราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เราอยากจะกลับเมืองไทยแล้ว เราก็สามารถทำได้ด้วยการไปทำเรื่องขอ Bridging Visa E ที่อิมมิเกรชั่นที่ใหนก็ได้ พอเราได้ Bridging Visa E เราก็สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ซื้อตั๋วกลับประเทศไทยได้เลย

คือถ้าเราวีซ่าขาด ถ้าอยู่มาวันหนึ่งอยากจะกลับประเทศไทย ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆแล้วไปซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่สนามบินนะครับ จริง ๆ แล้วก็ทำได้ แต่ก็จะกลายเป็นเรื่อง เพราะเราไม่มีวีซ่า เดี๋ยวเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นก็ต้องมาสัมภาษณ์ นั่น นี่ โน่น ดีไม่ดีอาจจะไม่ทันขึ้นเครื่องก็ได้ วีธีที่ดีที่สุดก็คือไปขอ Bridging Visa E ก่อน แล้วค่อยไปซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทย แบบนั้นจะได้ไม่มีปัญหาที่สนามบิน จะได้เดินทางออกได้เลย เดินทางด้วยความราบรื่น


3. ถ้าวีซ่าปัจจุบันเรามีปัญหา จะด้วยอะไรก็ตามแต่แล้วยื่นเรื่องอุทรณ์ AAT (Administrative Appeals Tribunal) ไม่ทัน ปกติแล้ว case officer ก็จะไม่ใจร้ายเท่าไหร่ เราก็จขอ Bridging Visa E ได้ เพราะขอฟรี ทางเจ้าหน้าที่หรือ case officer จะออก Bridging Visa E ให้เราก็ต่อเมื่อ เรารู้ว่าเราจะยื่นวีซ่าตัวใหม่ภายใน 3-5 วัน 

สรุปคือถ้าอิมมิเกรชั่นให้ Bridging Visa E เรามา เราก็รีบรับเลยละกัน ดีกว่าอยู่แบบวีซ่าขาด พอได้ Bridging Visa E เราก็ค่อยทำเรื่องขอวีซ่าตัวใหม่ หาทางขยับขยายกันต่อไป แต่เราก็ต้องดูด้วยว่า Bridging Visa E สามารถสมัครวีซ่าตัวไหนต่อได้บ้าง หรือสมัครตัวไหนไม่ได้ ไม่ใช่เอะอะคิดอะไรไม่ออกก็ขอ Bridging Visa E 


โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า Bridging Visa E เป็น Bridging Visa อีกตัวหนึ่งที่ทำประโยชน์ได้หลายอย่างนะครับ จะคิดจะทำอะไรจะได้มีทางหนีทีไล่ได้ ก็ลองไปศึกษากันดู

Bridging Visa C


Bridging Visa C เป็น Bridging Visa สำหรับคนที่ไม่มี substantive visa เวลายื่นขอ substantive visa อะไรไปเข้าไป แทนที่จะได้ Bridging Visa A เหมือนคนอื่นทั่ว ๆ เราก็จะได้ Bridging Visa C นี้แทนนะครับ

คนที่ไม่มี substantive visa หมายถึง:
- คนที่ถือ Bridging Visa A, B หรือ C
- คนที่วีซ่าขาด

Note: ถ้าถือ Bridging Visa E เวลายื่นวีซ่าตัวอื่นเข้าไป ก็จะได้ Bridging Visa E ไม่ใช่ Bridging Visa C

Bridging Visa C มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีคือ:
จากที่วีซ่าขาด ตอนนี้เราก็สามารถยื่นวีซ่าได้แล้ว ไม่ต้องอยู่ต่อไปแบบกล้า ๆกลัว วีซ่าที่สามารถยื่นได้ก็มี วีซ่าแต่งงาน Partner Visa, visa พวก skilled migrant อย่างเช่น subclass 189 และวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ subclass 482, subclass 186, subclass 494 เป็นต้น (ไม่ขออธิบายเรื่อง visa subclass 189, 482, 186 หรือ ภตภ ตรงนี้นะครับ ไม่งั้นจะยาวเกิน)

ข้อเสียคือ:

เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ ไม่เหมือน Bridging Visa A ที่สามารถขอเป็น Bridging Visa B ทำเรื่องเดินทางออกนอกประเทศได้ Bridging Visa C ถ้าออกไปแล้วก็ออกไปเลย

จริง ๆ แล้ว เราคิดว่า ข้อดีมันมากกว่าข้อเสีย


ก็เราวีซ่าขาดมาตั้งนานสองนาน เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าออกไปก็โดน exclusion อีก คือเข้ามาอีกไม่ได้กี่ปี ๆ ก็ว่าไป ถ้าเราได้ Bridging Visa C แล้วเดินทางออกไปนอกประเทศไม่ได้ ก็ไม่เห็นเป็นไรหนิ อยู่ถือ Bridging Visa C เพื่อรอผลวีซ่าตัวใหม่ออก รออีกนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป

Bridging Visa C มีแค่ให้เราอยู่ที่นี่เพื่อรอวีซ่าตัวใหม่จะออกเท่านั้น ส่วนวีซ่าตัวใหม่ จะผ่านหรือไม่ผ่านนั้นมันอีกคนละเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่า เราจะ present ข้อมูลของเรายังไง เอกสารอะไรครบใหม

หลาย ๆ คนที่วีซ่าขาด พอยื่นวีซ่าตัวอื่นเข้าไป อย่างเช่น Protection Visa เป็นต้น (ไม่แนะนำ) พอได้ Bridging Visa C มา ก็เหมารวมไปว่าตัวเองนั้นได้ PR ไปแล้ว

มันไม่ใช่นะครับ

ลองศึกษาข้อมูลกันนิดหนึง

Bridging Visa C ไม่ใช่ PR
ไม่ได้หมายความว่าวีซ่าเราผ่าน คนที่ยื่น Protection Visa หรือวีซ่าลี้ภัยโปรดเข้าใจใหม่

"Bridge" แปลว่าสะพาน ข้ามจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
"Bridging Visa" หมายถึงวีซ่าที่ให้เรารอจากวีซ่าตัวหนึ่ง ไปเป็นวีซ่าอีกตัวหนึ่ง จะผ่านหรือไม่ผ่าน จะข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้หรือไม่ อันนั้นหนะอีกเรื่องหนึ่ง

Tuesday, November 30, 2021

Hepatitis B; ไวรัสตับอักเสบ B



"Hepatitis B" หรือ ไวรัสตับอักเสบ B

Case ของเราที่ "J Migration Team" ผ่านทุก case ครับ

ได้ PR กันไปทุกคนสำหรับคนที่มี Hepatitis B หรือ ไวรัสตับอักเสบ B

ดังนั้นอยากจะให้ใจร่ม ๆ กัน

ผ่านหนะมันผ่านอยู่แล้วแหละ เพราะ Hepatitis B หรือ ไวรัสตับอักเสบ B มันไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร แต่คนที่เป็นจะต้องมีการรักษาและหาหมอตลอด ส่งผลตรวจตลอด พอผลตรวจเป็นที่น่าพอใจ วีซ่าก็ผ่านก็แค่นั้นเอง

มันก็อาจจะใช้เวลาในการรักษา ก็แค่นั้นเอง
ไม่อยากให้ตกใจ
ไม่อยากให้ panic กัน
ไปหาหมอตลอด แล้วส่งผลตรวจมาให้เรา ที่เหลือเดี๋ยวเราและทีมงานจะจัดการเอง

เมื่อค่าเลือดและค่าอะไรต่าง ๆ ในร่างกายเราดีขึ้น
วีซ่าก็ผ่าน ก็แค่นั้นเองครับ
เพียงแต่มันต้องใช้เวลา ต้องใจเย็น ๆ กัน

ที่ผ่านมา case ไวรัสตับอักเสบ B (Hep B) ของเราผ่านทุก case ครับ

ไม่ต้องเครียด
ทำใจร่ม ๆ 
ดำเนินชีวิตไปตามปรกติ
เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ

ไวรัสตับอักเสบ B มันไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร
มันควบคุมได้ มัน control ได้
"เอาอยู่" จ๊ะ

Sunday, November 28, 2021

COVID-19 Concession; Subclass 482, Subclass 457

 


ช่วงสถานการณ์ COVID-19 มันก็มีการปิดประเทศ จำนวนคนอพยพเข้าประเทศก็น้อย แรงงานก็ขาดแคลน ทางรัฐบาลเองก็ต้องมีมาตรการออกมาเพื่อดึงดูดให้คนที่อยู่ที่นี่อยู่แล้ว ไม่ย้ายออกไปนอกประเทศ หรือดึงดูดคนที่เป็น higly skilled ให้อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศออสเตรเลีย


เพื่อเศรษฐกิจของประเทศจะได้ไปต่อ

การสร้างงานก็ต้องดำเนินต่อไป

การลดจำนวนคนขอเงินช่วยเหลือ ขอเงินสวัสดิการก็ต้องน้อยลง ต่าง ๆ นานา

สำหรับคนที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียอยู่แล้ว ที่ถือวีซ่าทำงานด้วยวีซ่า subclass 457 หรือ subclass 482 โดยเฉพาะคนที่ทำงาน:

1. เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข; health

2. เกี่ยวข้องกับอาหารและการท่องเที่ยว; hospitality และ

3. คนที่ทำงานอยู่ในเขตเมืองรอบนอก; regional

การเปลี่ยนแปลงนี้จะค่อย ๆ มีการประกาศออกมา

และจะมี pathway ไปเป็น PR สำหรับ:

1. คนที่คือวีซ่า subclass 482 อยู่แล้ว ถึงแม้จะอยู่ใน short-term list ก็ตาม

2. สำหรับคนที่ถือวีซ่า subclass 457 ที่อายุเกินกำหนด ก็จะมี pathway ไปเป็น PR ให้

ทางอิมมิเกรชั่นจะค่อย ๆ มีการประกาศและให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

ตอนนี้ขอให้ทุกคน "ใจร่ม ๆ " กันไปก่อน จะกว่าจะมีการประกาศออกมาในครั้งต่อ ๆ ไป

ปัญหาทุกอย่างมีทางออกของมัน อย่าเพิ่ง give up


The Winner Never Quit

The Quitter Never Win.


Info as of 21 Nov 2021


COVID-19 concessions สำหรับวีซ่า subclass 485; Temporary Graduate Visa

 


หลังจากที่มีการเรียกร้องกันมานาน สำหรับวีซ่า subclass 485; Temporary Graduate Visa ที่หลาย ๆ คนเดินทางออกไปนอกประเทศ แล้วไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ ใครที่ได้รับผลกระทบแบบนี้ ถ้าถือวีซ่า subclass 485 ตั้งแต่วันที่หรือหลังวันที่ 01 Feb 2020 ก็จะสามารถขอวีซ่า subclass 485 อีกรอบหนึ่งได้ และจะได้ระยะเวลาของ subclass 485 เท่าเดิม


เริ่มสมัครใหม่ได้: 01 July 2022


และการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง

เริ่มจากวันที่ 01 Dec 2021 - 01 Jul 2022

จะมีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้:

- Subclass 485 สำหรับคนที่เรียน Master degree by coursework ต่อไปจะสามารถขอได้ 3 ปี ให้เหมือนกับ Master degree by research

- Greatuate Work Stream ที่จบพวก College หรือ TAFE ต่อไปจะสามารถขอ subclass 485 ได้ 2 ปี แทน 1.5 ปี และไม่จำเป็นต้องเป็นสาขาอาชีพที่อยู่ใน occupation list


ก็ถือว่าเป็นข่าวที่ดีสำหรับวงการการศึกษานะครับ

การประกาศและการเปลี่ยนแปลงจะเริ่มค่อย ๆ implement ขึ้น

เริ่มจาก 01 Dec 2021

ก็รอประกาศจากอิมมเกรชั่นกันต่อไปนะครับ

ทุกอย่างเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

As of 25 Nov 2021.



Friday, November 26, 2021

Bridging Visa B

ในหมวด Bridging Visa ทั้งหมด Bridging Visa B เป็น Bridging Visa ที่สามารถใช้เดินทางเข้าออกประเทศออสเตรเลียได้ ก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะได้เป็นเดินทางเข้าออกรอบเดียว (single entry) หรือเข้าออกประเทศได้หลาย ๆ รอบ (multiple entries)

Bridging Visa อย่างอื่นสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ แต่ไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามาในประเทศออสเตรเลียได้ อย่างเช่น Bridging Visa A, Bridging Visa C หรือ Bridging Visa E

สรุปคือ "ออกไปแล้ว ออกไปเลย"

ปกติแล้ว Bridging Visa B ก็จะเป็น Bridging Visa ต่อเนื่องจาก Bridging Visa A, เพราะ Bridging Visa ตัวอื่น ๆ ไม่สามารถขอ Bridging Visa B เพื่อเดินทางออกนอกประเทศได้

Bridging Visa B โดยความรู้สึกส่วนตัวแล้ว เป็นวีซ่าให้เปล่า คือ 99.99% อย่างไรก็ขอได้ ขอให้จ่ายค่าสมัครมาเถอะอะไรประมาณนี้ เพราะว่า Bridging Visa ตัวอื่น ๆ จะไม่มีค่าสมัครเลย ทางอิมมิเกรชั่นสามารถออกให้ได้เลย ก็มีแต่ Bridging Visa B นี่แหละที่ต้องจ่ายค่าสมัคร

Bridging Visa B ปกติแล้วเจ้าหน้าที่ที่ counter สามารถออกให้ได้เลยภายใน 5 นาที ถ้าเป็นที่ซิดนีย์ก็สามารถถือฟอร์มแล้วไปยื่นได้เลย เจ้าหน้าที่ก็จะโทรถาม case officer ว่า case เราใกล้จะออก ใกล้จะ finalize อะไรหรือยัง ถ้าไม่ใกล้ finalize ปกติแล้วก็เดินทางออกได้ ซึ่ง Bridging Visa B ก็สามารถเดินทางเข้าออกได้ถึง 3 เดือน

แต่ด้วยระบบ ImmiAccount ที่มีการพัฒนาและทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ 
ตอนนี้เราสามารถขอ Bridging Visa B ผ่านระบบ ImmiAccount ได้

Partner Visa; subclass 820 ถ้าขอ Bridging Visa B, "ส่วนมากแล้ว" ก็จะได้มา 12 เดือน

ถ้า case เราใกล้จะ finalise แล้ว เขาก็จะชะงักการออกวีซ่าของเรา แล้วให้เราเดินทางกลับเข้ามาก่อน แล้ว case officer ถึงจะ finalise วีซ่าของเรา

แต่การขอ Bridging Visa B นั้นเราก็ต้องให้เหตุผลด้วยว่าทำไมเราถึงจะต้องเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าจะบอกว่า ไปเที่ยวอะไรประมาณนี้ก็อาจจะดูกระไรอยู่ ไม่เหมาะสม เราก็แนะนำให้บอกไปว่า กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ อะไรก็ว่าไปนะครับ

Bridging Visa A



หลาย ๆ คนสงสัยรื่อง Bridging Visa กัน
ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อย ๆ มาเรียนรู้กันไปนะครับ

Bridging Visa A เป็นอะไรที่เราคุ้นเคยกัน เพราะเมื่อเรายื่นเรื่องวีซ่าเข้าไปแล้ว คนส่วนมากจะได้ Bridging Visa A

ถ้าเรายื่นขอวีซ่า Substantive visa (วีซ่าทุกอย่างที่ไม่ใช่ Bridging Visa) ภายในประเทศออสเตรเลีย เราก็จะได้ Bridging Visa A โดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะคนที่สมัคร online พอเราจ่ายตังค์เสร็จ click submit ปุ๊บ เราก็จะได้ Bridging Visa A เลยทันที 

ดังนั้นหลาย ๆ คนที่มีภาวะล่อแหลมวีซ่าใกล้หมด เราไม่แนะนำให้ยื่นวีซ่าเป็นแบบ paper-based เพราะถ้าเป็น paper-based กว่าจะยื่น แล้วกว่าจะจ่าย 2-3 วันถึงจะถึงมือเจ้าหน้าที่ แล้วถึงจะได้ Bridging Visa A

แต่ถ้ายื่น online พอเรา click จ่ายตังค์ และ click submit ปุ๊บ ก็ได้ Bridging Visa A มาเลยทันที โดยเฉพาะคนที่วีซ่าจะหมด ถ้าเรารีบ submit อะไรก็ตามก็รีบ ๆ submit เข้าไปก่อนเที่ยงคืน ที่เหลือแล้วค่อย upload เอกสารเข้าไปก่อนก็ได้

ดังนั้นถ้าใครสามารถขอวีซ่าภายในประเทศออสเตรเลีย onshore ได้ ก็แนะนำให้ขอภายในประเทศออสเตรเลีย เพราะเราจะได้ Bridging Visa A

แต่ถ้าเราสมัครมาจากข้างนอกประเทศ เราก็จะไม่ได้ Bridging Visa A

Bridging Visa A เป็นวีซ่าที่ไม่มีวันหมดอายุ จนกว่าวีซ่าที่เราจะไปนั้นจะ finalised ว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน

"Bridge" แปลว่าสะพาน
สะพานก็คือการเชื่อมจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง

โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า Bridging Visa A เป็นสิ่งที่ดี เพราะเราสามารถรอผลวีซ่าของเราอยู่ภายในประเทศออสเตรเลีย ไม่ต้องออกไปรอนอกประเทศ
ในระหว่างที่รอเรื่อง เราก็สามารถทำงานได้ (ส่วนมาก) และสำหรับคู่รัก เราก็ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก ไม่ต้องแยกกันอยู่

Visa condition ของ Bridging Visa A นั้นไม่ตายตัวนะครับ กฎของ Bridging Visa A มีอยู่ว่า visa conditions ของ Bridging Visa A จะตาม visa conditions ของตัว substantive visa ตัวล่าสุดที่เราถือ ก็ประมาณว่า visa conditions อะไรเก่าที่เรามีอยู่ เราก็จะ continue visa condition นั้น ๆ ไป

แต่นั่นก็ไม่เสมอไป
เราต้องดู conditions ของวีซ่าของเราให้ดี ๆ 

วีซ่าตัวเก่าบางตัวก็อนุญาตให้เราทำงานได้ บางตัวก็ไม่อนุญาตให้เราทำงาน คนใหนที่มีวีซ่าอนุญาตให้เราทำงานได้ก็ดีไป 

- วีซ่าท่องเที่ยว ไม่สามารถทำงานได้ ถ้ายื่นวีซ่านักเรียนเข้าไป Bridging Visa A ที่ได้ก็คือ "ทำงานไม่ได้"
- วีซ่าท่องเที่ยว ไม่สามารถทำงานได้ ถ้ายื่น Partner Visa  (subclass 820/801) เข้าไป Bridging Visa A "สามารถทำงานได้"

ก็เอาเป็นว่า เราก็ต้องดู visa conditions ของเราให้ดี ๆ 

สิ่งสำคัญเกี่ยวกับ Bridging Visa A ที่ทุกคนควรจะรู้ก็คือ:

1. ถึงแม้ว่า Bridging Visa A จะได้มาโดยอัตโนมัติ Bridging Visa A จะไม่ take affect หรือมีผลใช้จนกว่า วีซ่าเก่า วีซ่า substantive จะหมดอายุ ดังนั้นวีซ่าอะไรที่เรามีอยู่แล้ว substantive visa เราก็ต้องทำตาม visa conditions ของวีซ่าตัวนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น วีซ่านักเรียน เราก็ต้องยังคงไปเรียนตามปกติ จนกว่าวีซ่านักเรียนจะหมด เพราะถ้าเราไม่ไปเรียน ทางโรงเรียนก็สามารถแจ้งอิมมิเกรชั่น และอิมมิเกรชั่นก็สามารถยกเลิกวีซ่าเราได้ เราก็จะกลายเป็นคนที่อยู่ที่นี่โดยผิดกฏหมาย; unlawful non-citizen แต่เราก็มีวิธีแก้ปัญหานี้ได้ครับ...

2. Bridging Visa A ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ เพราะจุดประสงค์ของ Bridging Visa A คืออยู่รอวีซ่าที่ประเทศออสเตรเลีย ถ้าเราจะเดินทางออกนอกประเทศเราก็ต้องขอ Bridging Visa B 

3. สาเหตุที่ Bridging Visa A ถึงแม้ว่าเราจะได้มาโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ take affect จนกว่าวีซ่า substantive visa ตัวเก่าจะหมดไป ก็เพราะว่าคนคนหนึ่งจะสามารถมีวีซ่าได้แค่ 1 วีซ่าเท่านั้น คือไม่สามารถถือ 2 วีซ่า (หรือมากกว่า) ได้ภายในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเวลาที่เรายื่นเรื่องขอวีซ่าภายในออสเตรเลีย แล้วได้ Bridging Visa A มา เราก็อย่าเพิ่งรีบดีใจ เราต้องรอให้วีซ่าตัวเดิมเราหมดสะก่อน

4. ทันทีที่เราเดินทางออกนอกประเทศออสเตรเลีย ทันทีที่เรารูด passport ของเราที่สนามบินหรือท่าเรือเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ Bridging Visa A ของเราจะถูก cancel ทันที ดังนั้นทุกครั้งที่มีการเดินทางออกไปนอกประเทศ เราจะต้องขอ Bridging Visa B เพื่อที่จะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศได้

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นของ Bridging Visa A

ถ้าใครคิดว่า blog ของเรามีประโยชน์โปรดแชร์
ขอความกรุณาไม่ copy and paste
ถ้าต้องการแชร์ให้แชร์จากต้น post ไปเลย
เราเขียนเองทุกตัวอักษร

Wednesday, November 24, 2021

01 Dec 2021; ประเทศค่อย ๆ เปิด



เมื่อมีคนฉีดวัคซีนมากขึ้น

เมื่อเศรษฐกิจของประเทศต้องก้าวเดินต่อไป

พร้อมหรือไม่พร้อม ประเทศก็ต้องมีการเปิดพรมแดนให้คนได้เดินทางเข้าออก ไม่งั้นเศรษฐกิจก็จะพัง หลาย ๆ คนก็ anxious กับการต้องอยู่แยกกันกับครอบครัว นักเรียนหลาย ๆ  คนที่ต้องเรียน online ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ work กับการจ่ายค่าเรียนแพง ๆ แล้วต้องมาเรียน online เรียนผ่าน Zoom ถ้าจะเรียนแบบนั้น เรียนฟรี ๆ ที่ไหนก็ได้ มีเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเรียนแพง ๆ หรอก


Nov 2021: คนที่สามารถเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียได้ โดยที่ไม่ต้องขอ Travel Exemption คือคนที่เป็น PR, Citizen, Eligible New Zealander และคนในครอบครับ; พ่อ แม่ และลูก


สำหรับคนที่ถือวีซ่าชั่วคราว (Temporary Visa) เริ่มวันที่ 01 Dec 2021 ก็จะสามารถเดินทางเข้าประเทศได้แล้ว ถ้าฉีดวัคซีนครบ


แต่ละรัฐมีกฎและข้อบังคับของการกักตัวที่แตกต่างกันออกไป

ณ วันที่ 22 Nov 2021; รัฐที่ไม่ต้องกักตัวคือ NSW, VIC และ ACT 

อันนี้คือเท่าที่เราทราบนะครับ รัฐอื่น ๆ เราไม่มีเวลาติดตามข่าว ๆ จริง เพราะเขา update กันรายวัน ข้อมูลมันเยอะมาก


เริ่มวันที่ 01 Dec 2021, คนที่ถือวีซ่าชั่วคราวที่สามารถเดินทางเข้าออกประเทศออสเตรเลียโดยไม่ต้องขอ Travel Exemption คือ:


Subclass 200 – Refugee visa

Subclass 201 – In-country Special Humanitarian visa

Subclass 202 – Global Special Humanitarian visa

Subclass 203 – Emergency Rescue visa

Subclass 204 – Woman at Risk visa

Subclass 300 – Prospective Marriage visa

Subclass 400 – Temporary Work (Short Stay Specialist) visa

Subclass 403 – Temporary Work (International Relations) visa (other streams, including Australian Agriculture Visa stream)

Subclass 407 – Training visa

Subclass 408 – Temporary Activity visa

Subclass 417 – Working Holiday visa

Subclass 449 – Humanitarian Stay (Temporary) visa

Subclass 457 – Temporary Work (Skilled) visa

Subclass 461 – New Zealand Citizen Family Relationship visa

Subclass 462 – Work and Holiday visa

Subclass 476 – Skilled – Recognised Graduate visa

Subclass 482 – Temporary Skill Shortage visa

Subclass 485 – Temporary Graduate visa

Subclass 489 – Skilled – Regional (Provisional) visa

Subclass 491 – Skilled Work Regional (Provisional) visa

Subclass 494 – Skilled Employer-Sponsored Regional (Provisional) visa

Subclass 500 – Student visa

Subclass 580 – Student Guardian visa (ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น subclass 590)

Subclass 590 – Student Guardian visa

Subclass 785 – Temporary Protection visa

Subclass 790 – Safe Haven Enterprise visa

Subclass 870 – Sponsored Parent (Temporary) visa

Subclass 988 – Maritime Crew visa

วีซ่าชั่วคราวที่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วเท่านั้น ยกเว้น Johnson & Johnson ที่ฉีดเข็มเดียวก็พอ 

วัคซีนที่ได้รับการยอมรับของรัฐบาลออสเตรเลียมีดังต่อไปนี้ (as of 22 Nov 2021):

AstraZeneca Vaxzevria
AstraZeneca Covishield
Pfizer/Biontech Comirnaty
Moderna Spikevax
Sinovac Coronavac
Bharat Biotech Covaxin
Sinopharm BBIBP-CorV (for 18-60 year olds).
Johnson & Johnson/ Janssen-Cilag COVID Vaccine.

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังต้องการกลับเข้าประเทศออสเตรเลียนะครับ ตอนนี้ทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้น

ตอนนี้ก็มี subclass ไม่เยอะที่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้
อีกสักหน่อยก็น่าจะเปิดเสรีแล้ว
ใจร่ม ๆ กันนะครับ
ทุกอย่างต้องดีขึ้น

Tuesday, November 16, 2021

Student Agent บอกว่าเรียนตัวนี้แล้วขอ PR ได้

น้อง "ไข่ย้อย" มีความฝันที่จะเป็นพลเมืองของประเทศออสเตรเลีย

น้องถือวีซ่านักเรียน เรียนและสานฝันตามที่ทาง student agent ของน้องบอก

แต่ปัญหาคือ... แล้วเราจะรู้ได้ไงหละว่าวิชาหรือ course ที่ทาง student agent เลือกหรือแนะนำให้น้องเรียนนั้น มันสามารถต่อยอดและขอวีซ่าเพื่อเป็นคนหรือพลเมืองขอที่นี่ได้จริง


ก่อนอื่นเลย เราต้องแยกกันให้ออกก่อนว่า

- เรียนอะไรแล้วหางานทำได้ง่าย นั้น "อาจจะ" ไม่เหมือนกันกับ

- เรียนอะไรแล้วมีโอกาสต่อยอดได้ PR/Citizen


ถ้า student agent บอกว่า "เรียนตัวนี้แล้วสามารถขอ PR ได้" สิ่งที่น้องไข่ย้อยควรทำคือ ให้ student agent ของน้องไข่ย้อยเขียนเป็น roadmap ออกมาเลย ว่าหลังจากเรียนจบวีซ่านักเรียน subclass 500 แล้ว น้องไข่ย้อยต้องไปขอวีซ่าอะไรต่อ subclass อะไร ใช้เวลากี่ปี


อย่างน้อยก็เอาแบบคร่าว ๆ มาก็ยังดี

ไม่ต้องละเอียดเป๊ะเหมือนที่ทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์เขาทำกัน 


ทำออกมาเป็น step เลย; 1-2-3-4

เราจะได้มองเห็นภาพที่ชัดเจน

ไม่เอาแบบพูดปากเปล่า ลอย ๆ เป็นแค่ลมปาก

ทำเป็น roadmap มา

เขียนมาใน email หรือ MS-Word แล้วเราจะได้เก็บเอาไว้เป็น reference ได้


แล้วเราจะได้เอา roadmap ตัวนี้ไปขอ 2nd opinion กับคนอื่นได้


เป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ

ปัญหามันมีทางออกแหละ

ปัญหามันมีเอาไว้แก้ 

ค่อย ๆ แก้กันไปทีละเปราะ เดี๋ยวก็ได้ เดี๋ยวก็เจอ

Friday, October 8, 2021

Subclass 482; ผลการเรียน 5 ปี ภาษาอังกฤษ

 


"ตุ้มจิ้ม" ยื่นวีซ่า subclass 482
ไม่ต้องสอบภาษาอังกฤษ เพราะมีผลการเรียน 5 ปีตามตาราง

1. หวังว่า post นี้น่าจะตอบคำถามหลาย ๆ คนเรื่อง general English course

2. ตุ้มจิ้มเรียน bachelor degree ไม่จบก็ไม่เป็นไร ขอแค่หนังสือรับรองจาก college ว่าเรียนจากวันที่เท่าไหร่ และลาออกวันที่เท่าไหร่




Friday, October 1, 2021

วีซ่าขาด Partner Visa; TR และ PR

 

จากวีซ่าขาด สู่ PR

วีซ่าขาด กลับไปยื่น Partner Visa ที่เมืองไทย ได้กลับมาทุกคน ก็ยังย้ำอีกต่อไปว่า "ได้กลับมาทุกคน"

และไม่ต้องรอ 3 ปีด้วย 

กลับไปแล้ว ยื่นเรื่องกลับเข้ามาใหม่ได้เลย

ใครจะวีซ่าขาดด้วยอะไรก็ตามแต่ เราไม่ judge ใครทั้งสิ้น

We are here to help.

ขอเพียงแค่เชื่อใจ และทำตามที่เราบอก:

1. ช่วงที่อยู่ด้วยกันที่นี่ เก็บเอกสารร่วมกันให้เยอะที่สุด ทำตามที่เราบอก มเอกสารให้ตามที่เราขอ

2. ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ขอ Bridging Visa E ก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ได้โดนสัมภาษณ์ นั่น นี่ โน่นที่สนามบิน

3. เท้าแตะถึงพื้น ก็ยื่นเรื่องได้เลยทันที; subclass 309 (TR)

4. รอประมาณ 9-14 เดือน; case-by-case

5. วีซ่าผ่าน  TR, ก็บินเข้าประเทศได้เลยทันที มี Medicare, ทำงานได้ full-time

6. เมื่อถึงเวลา ทีมงานเราจะ email ไปแจ้งเองว่าต้องยื่น PR แล้ว


ก็แค่นั้นเอง

ทำให้แทบทุกอย่าง คงเหลือแต่จะป้อนข้าวป้อนน้ำนี่แหละ

ขอบคุณที่เลือกใช้บริการของเรา

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ


ขอบคุณที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ "ครอบครัว J"

ครอบครัวเล็ก ๆ ไม่เลือกเฉพาะคนรู้ใจ ไม่เลือกเอาใครเข้ามาในครอบครัวง่าย ๆ รักกันแบบพี่น้อง 


ก็ต้องถามคนที่เคยใช้บริการดูหนะจ๊ะ ว่าเป็นยังไง

สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น

Wednesday, September 29, 2021

Subclass 407 หรือ Subclass 408

ป้าคำดอกงิ้วกับป้านิตยา สองเพื่อนรักหักเหลี่ยม แม่ค้าขายน้ำพริกแห่งเมืองสยาม

ป้าทั้งสองต้องการหาข้อมูลเรื่องวีซ่าให้กับหลานสาวของป้าซึ่งอยู่ที่ออสเตรเลีย น้องรัดเกล้ายอด

น้องรัดเกล้ายอดตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ถือวีซ่านักเรียนและขายของออนไลน์ไปด้วย น้องขายน้ำพริกหางกุ้งและน้ำพริกตาดำ ต่าง ๆ นานาของทั้งป้าคำดอกงิ้วและป้านิตยา ใครชอบสินค้าตัวไหนติดต่อน้องรัดเกล้ายอดได้

ธุรกิจขายน้ำพริกออนไลน์ของน้องไปได้สวย น้องยังไม่พร้อมที่จะกลับไปเมืองไทยตอนนี้ ถึงแม้ว่าน้องจะคิดถึงลูกชิ้นยืนกินมากก็ตาม น้องก็ยังอยากที่จะอยู่ที่นี่อีกสักนิด ก่อนที่กลับจะเมืองไทย

โชคดีที่น้องรัดเกล้ายอดทำงานอยู่ใน critical sector:

- Agriculture; อุตสาหกรรมการเกษตร
- Food processing; อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร
- Healthcare; งานที่เกี่ยวกับสาธารณสุข
- Aged care; ดูแลผู้สูงวัย
- Disability care; ดูแลคนพิเศษ
- Childcare; ดูแลเด็ก
- Tourism and hospitality; อาหาร การโรงแรม และการท่องเที่ยว

น้องสามารถขอวีซ่า subclass 408; COVID Stream ได้นานถึง 12 เดือนและก็สามารถต่อได้อีก (ถ้า COVID ยังอยู่กับพวกเรา)


และงานที่น้องทำ นอกจากจะอยู่ใน critical sector ที่สามารถขอ subclass 408 ได้แล้ว งานของน้องยังอยู่ในสาขาอาชีพที่สามารถขอวีซ่า subclass 407; Training Visa วีซ่าฝึกงานซึ่งน้องก็สามารถขอได้นานถึง 2 ปีด้วย

สรุปคือน้องสามารถขอได้ทั้ง subclass 407 และ subclass 408


งั้นเรามาดูความแตกต่างระหว่างวีซ่า 2 ประเภทนี้กัน

ข้อดีและข้อเสีย เพื่อที่ป้าคำดอกงิ้วและป้านิตยาจะไปเอาข้อมูลนี้ไปประมวลผลและปรึกษาหารือกับน้องรัดเกล้ายอดต่อไป


Subclass 408: COVID Stream

subclass 408 ที่สามารถออกได้นานถึง 12 เดือนในช่วง COVID
ถ้าเราทำงานอยู่ใน critical sectors ในช่วง COVID-19 pandemic:

- Agriculture; อุตสาหกรรมการเกษตร
- Food processing; อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร
- Healthcare; งานที่เกี่ยวกับสาธารณสุข
- Aged care; ดูแลผู้สูงวัย
- Disability care; ดูแลคนพิเศษ
- Childcare; ดูแลเด็ก
- Tourism and hospitality; อาหาร การโรงแรม และการท่องเที่ยว

subclass 408 สามารถทำงานได้ full-time
ไม่ต้องสอบ IELTS
ไม่ต้องใช้ bank statement (เพราะใช้สัญญาจ้างงานแทน)

subclass 408 สามารถต่อได้อีก จนกว่าสถานการณ์ COVID จะดีขึ้น จนกว่าจะมีการประกาศออกมาใหม่จากอิมมิเกรชั่น

หรือสำหรับใครที่ต้องการอยู่ต่อ ทำงานเก็บตังค์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง subclass ที่เราสามารถขอได้ช่วง COVID-19 นะครับ ถ้าเราทำงานอยู่ใน critical sector ใน 7 sectors ด้านบน

ก็ลองดูนะครับ
เป็นอีกหนึ่งทางเลือก

ก็ดีกว่าจ่ายค่าเทอมไม่ใช่เหรอ???


Subclass 407; Training Visa (วีซ่าฝึกงาน)

วีซ่า subclass 407 เป็นวีซ่าสำหรับการฝึกงาน กับนายจ้างหรือองค์กรที่เขาต้องการจะ train เรา

มันก็เหมือนเป็นวีซ่าฝึกงานดี ๆ นี่เอง

วีซ่าตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับหลาย ๆ คน เพราะ requirement ของวีซ่าตัวนี้ไม่ได้ยากจะอะไรมากมาย แต่เราก็อยากจะให้ทุกคนเลือกวีซ่าตัวนี้ด้วยความระมัดระวัง

เพราะวีซ่าตัวนี้ไม่มีกฎหมายบังคับว่านายจ้างต้องจ่ายค่าแรงเราเท่าไหร่ เพราะนี่คือวีซ่าฝึกงานเท่านั้น

มันไม่ใช่วีซ่าทำงาน

ดังนั้นเราอาจจะได้วีซ่า 2 ปีก็จริง แต่ถ้าทำงานหรือฝึกงานโดยที่ไม่ได้ค่าแรงเลย เราจะกลายเป็น modern slaves หรือเปล่า

เราอยากจะให้ทุกคนคิดและไตร่ตรองให้ดี ๆ นะครับ

แต่ถ้าหากนายจ้างหรือองค์กรที่จะทำเรื่อง train หรือฝึกงานให้เรา มีการจ่ายค่าแรงที่ถูกต้อง นั่นก็ถือว่า OK

มันก็จะเป็นอะไรที่ Win-Win ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย

เพราะประสบการณ์การทำงานตอนที่ถือวีซ่า subclass 407, ถ้ามีการจ่ายค่าแรงอะไรที่ถูกต้อง และมีการเสียภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราก็สามารถนำเอาประสบการณ์การทำงานตรงจุดนี้มาต่อยอดในการทำวีซ่าตัวอื่น ๆ ได้ด้วย

วีซ่า subclass 407 ไม่ได้จำกัดอายุของคนสมัคร ขอให้อายุ 18 ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว

และภาษาอังกฤษเองก็ requires แค่ IELTS (general) overall 4.5
หรือถ้าเรียนพวก college หรือ TAFE full-time ที่ประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 1 ปี ก็สามารถเอามาเทียบเท่ากับ IELTS overall 4.5 ได้

subclass 407 เป็นวีซ่า 2 ปี

แต่ขอไป 2 ปีอาจจะได้มาแค่ 1 ปีก็มี หรือไม่ก็ refuse ไปเลย

เพราะ 407 เป็นวีซ่าฝึกงาน บางคนก็ประสบการณ์เยอะแล้ว มันไม่มีอะไรที่จะต้องมาฝึกกันแล้ว อย่างนี้เป็นต้น

และ Training Plan ก็เป็นอะไรที่ละเอียดมาก

ต้องเขียนอธิบายเป็นราย week เลยว่า แต่ละ week ต้อง train ต้องฝึกอะไรกันบ้าง

1 ปี มี 52 weeks ก็ต้องอธิบายว่า 52 weeks นั้นหนะ จะต้องฝึก จะต้อง train อะไรกัน

สุดท้ายแล้ว ป้าคำดอกงิ้วจะป้านิตยาจะเลือกและแนะนำวีซ่า subclass ตัวไหนให้กับน้องรัดเกล้ายอด หลานสาวของป้าก็คงต้องจับเข่าคุยกัน

จะเลือก subclass ไหนก็ได้
ทุกคนมีจุดประสงค์ในชีวิตที่แตกต่างกัน เราไม่ judge ใคร
ก็ชั่งใจให้ดี ๆ ซ้ายหรือขวา หน้าหรือหลัง

ไม่ว่าจะเลือก subclass ไหน เราก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

Note: เราเลิกทำ subclass 407 มาซักพักแล้วจ๊ะ 2019/2020 ถ้าใครจะทำ เราก็เป็นกำลังใจให้

Sunday, September 26, 2021

ทำงานประเทศออสเตรเลีย


การที่เราจะมาทำงานที่ประเทศออสเตรเลียนั้น


1. ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกรมแรงงานที่เมืองไทยเลย ที่นี่ประเทศออสเตรเลีย ไม่ใช่ซาอุ (ก็ไม่รู้ว่าซาอุยังไปได้อยู่หรือเปล่านะ หลังจากคดีเพชรซาอุ)

2. ต้องมีนายจ้างสปอนเซอร์ ถามตัวเองด้วยว่า เรามีนายจ้างที่พร้อมที่จะทำเรื่องสปอนเซอร์หรือยัง

3. สาขาอาชีพจะต้องอยู่ใน list ที่ทางรัฐบาลต้องการ เราก็ต้องมาดูว่า subclass 482, มีสาขาอะไรบ้าง subclass 494 มีอะไรบ้าง

4. Subclass 407; Training Visa คือวีซ่าฝีกงาน ไม่ใช่วีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ โปรดแยกกันให้ออก ลองไล่อ่าน post เก่า ๆ ดู

5. ประสบการณ์ในการทำงานในสาขาอาชีพนั้น ๆ เรามีหรือเปล่า

6. ผลสอบภาษาอังกฤษเรามีหรือยัง subclass 482 ต้องใช้ผลสอบภาษาอังกฤษเท่าไหร่, subclass 494 ต้องใช้ผลสอบภาษาอังกฤษเท่าไหร่ อันนี้เราก็ต้องศึกษาหาข้อมูลด้วย


ความ "อยาก" อย่างเดียวไม่พอครับ

เราต้องหาข้อมูลด้วย

inbox/LINE บรรทัดเดียวสั้นว่า "อยากไปทำงานที่ออสเตรเลีย" เราก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน จะให้มานั่งถาม 1-2-3-4-5 ข้างบนเราคงไม่มีเวลา 

ข้อมูลหลาย ๆ อย่างอยู่ที่หน้า page แล้ว

ข้อมูลหลาย ๆ อย่างอยู่ที่ blog แล้ว

ลองทำการบ้านกันมาก่อนนิสต์นึงนะครับ


ใครไปเข้าคิวซื้อลูกชิ้นยืนกิน ซื้อมาฝากด้วยนะครับ 

กินคนเดียว... ปาบ!!!

PAYG

"PAYG"

เนื่องด้วยนายจ้างหลาย ๆ ที่ตอนนี้ใช้ระบบ Single Touch Payroll (STP) payment กันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี มันทำให้ระบบอะไรต่าง ๆ streamline กันหมด

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นายจ้างไม่ได้ออก PAYG หรือ Group Certificate ทุกวันที่ 30 June อีกต่อไป

ไม่มี PAYG ไม่เป็นไรครับ
ให้เราใช้ "income statement" จาก ATO แทน

ลูกจ้างทุกคนสามารถ login เข้าระบบ MyGov และ ATO ได้
แล้ว download "income statement"

ข้อดีของ PAYG/Income Statement คือ:
- มันไม่ได้บอกตำแหน่งงานที่เราทำ

ดังนั้นถ้าเราอยากได้ตำแหน่งอะไร
เราก็ให้นายจ้างออก "work reference" หรือจดหมายผ่านงานให้สิ
อยากได้ตำแหน่งอะไรหละ ก็เขียนเอา

ตำแหน่งงานต้องตรงกับสาขาอาชีพที่เราขอวีซ่า

ฝากเอาไว้ให้คิดนะครับ :)

Note: ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ถ้าต้องการแชร์ ให้แชร์จากต้นโพสต์ไปเลยครับ

Sunday, September 19, 2021

Xero: Payslip


 

ที่ "J Migration Team" เราใช้ Xero ในการ run payroll

เรา run payroll ทุก ๆ วันอาทิตย์ (ความชอบส่วนตัว เพราะว่างวันอาทิตย์) ให้กับทีมงานของเรา

ที่ Xero จะมี option ให้นายจ้าง email payslip ไปให้ลูกจ้างทุกคน

คือมันแค่ click เดียวเองนะ

มันง่ายมาก

ดังนั้นการที่นายจ้างบางที่บอกว่า ตอนนี้ ATO ให้ใช้ระบบ Single Touch Pay (STP) ลูกจ้างสามารถดู PAYG และ Super ที่เข้าไปในระบบ ATO/MyGov ได้เอง ไม่จำเป็นต้องมี payslip นั้นมันฟังไม่ขึ้นจริง ๆ 


เพราะสมัยนี้ ยุค 5G เขาไม่ต้อง print payslip ออกมากันแล้ว

มันแค่ just 1 click away, แล้วระบบของ Xero หรือไม่ว่าจะเป็น Quickbooks หรือ MYOB ก็จะส่ง payslip ไปให้ลูกจ้างทาง email


การที่นายจ้างไม่ให้ payslip แก่ลูกจ้าง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่

มันฟังไม่ขึ้นจริง ๆ 


เลิกเถอะข้ออ้างอะไรต่าง ๆ นานา มันฟังไม่ขึ้น

Wednesday, September 15, 2021

Subclass 482 & Subclass 408; น้องชฎากับน้องยืนกิน


"น้องชฎา" กับ "น้องยืนกิน" เป็นคู่รักกัน จด register of relationship 

ทั้งคู่ถือวีซ่านักเรียน subclass 500 โดยที่น้องชฎาเป็นตัว main applicant

และน้องยืนกินเป็นคนติดตาม

น้องชฎาเรียน Cert IV Commercial Cookery + Diploma of Hospitality Management และจะทำวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ Subclass 482 TSS; Temporary Skill Shortage Visa 


Note: ไม่ต้องลงเรียน Advanced Diploma ให้เสียตังค์


ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะง่าย

แต่น้องยืนกินเจ้ากรรมก็ดันมีหุ้นส่วนอยู่ในร้านอาหารนั้น

รายชื่อก็อยู่ใน ASIC record ซึ่งเราจะต้อง submit ด้วยหนะสิ


น้องยืนกินเป็น share holder ไม่ได้เป็น 1 ใน directors แต่เวลา submit ASIC record, มันก็มีชื่อน้องยืนกินอยู่ดี ซึ่งมันก็จะมีปัญหาตอนยื่น stage 2 Nomination ของ subclass 482 ได้


สมาชิกในครอบครัวของคนสมัครสามารถเป็น director หรือ shareholder ได้ แต่มันก็ต้องมานั่งอธิบายเหตุและผลอีกต่าง ๆ นานา ซึ่งก็มีความเสี่ยง

ทำไมเราจะต้องเสี่ยงด้วยหละ ถ้าเราสามารถหลีกเลี่ยงหรือลดความเสี่ยงได้ เราก็ควรจะทำ 


เนื่องด้วยร้านอาหารก็อยู่ใน critical sector ที่เราสามารถยื่น Subclass 408; COVID Stream ได้ อย่างน้อยก็ได้มา 1 ปี เพราะวีซ่า subclass 408 ของ COVID Stream, case officer ไม่ค่อยเช็คอะไรเยอะ ที่ผ่านมาเราก็ยื่นผ่านหมดทุก case 


เราก็เลยต้องจับน้อง 2 คนให้ยื่นวีซ่าคนละ subclass กัน

1. น้องชฎา ยื่นวีซ่า subclass 482 แต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องมีผู้ติดตาม

2. น้องยืนกิน ยื่นวีซ่า subclass 408 แต่เพียงผู้เดียว แยกกันยื่น


วีซ่าของน้องทั้ง 2 คนผ่านครับ

น้องชฎาได้วีซ่า subclass 482 มา 4 ปี

น้องยืนกินได้วีซ่า subclass 408 มา 1 ปี

แล้วเราค่อยมาทำเรื่องให้น้องยืนกินมาทำเรื่องติดตามน้องชฎาทีหลัง


เป็นไง เก๋มั้ย 

ต๊าชชชชชชชมั๊ย

สูตรไขว้ยิ่งกว่าการฉีดวัคซีนอีก


ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้

ปัญหามีเอาไว้แก้

แก้กันไปทีละเปราะ


ศึกษารู้เท่าทัน

ทุกอย่างมีทางออก 

ต้องคิดต่าง


คิดจะทำเรื่องวีซ่าออสเตรเลีย โปรดใช้ทนายความ Legal Practitioner หรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์ที่มี MARN เท่านั้น


ขอบคุณที่เลือกใช้บริการของเรา

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ


Monday, September 13, 2021

Citizenship; someone closer to my heart



อาทิตย์นี้มีหลายคนใน "ครอบครัว J" จะได้เข้าพิธิปฏิญาณตนเป็นคนที่นี่ เป็น citizen


มันคือความฝันอันสูงสุดของหลาย ๆ คน


วันศุกร์ วันเดียวกัน เรามีคนใน "ครอบครัว J" รับ citizenship ถึง 4 คน 3 ที่


QLD 1 คน ที่ QLD ยังสามารถเข้ารับแบบตัวเป็น ๆ ได้
NSW Wollongong 1 คน เข้ารับผ่าน video call, ผ่าน MS-Teams
VIC 2 คน เข้ารับผ่าน Zoom, พี่ 2 คนนี้เค๊ายื่น citizenship กันเอง


เราขอแสดงความยินดีกับทุก ๆ คนด้วยนะครับ


ทุก ๆ คนผ่านเรื่องราวที่แตกต่างกัน


บางคนก็เกือบโดนดับฝันเพราะเผลอออกไปขับรถนิดเดียวหลังจากที่จิบไวน์ไป คือขับไปนิดเดียวจริง ๆ ไม่ได้ไกลจากบ้านเลย แตก็โดนเป่าหลอด เกือบสิ้นหวังเหมือนกัน


แต่เราสู้ สู้จนวินาทีสุดท้าย
ขึ้นศาล AAT จนชนะ


เราดีใจด้วยกับทุก ๆ คนที่เดินทางมาถึงจุดนี้กันได้


บางคนก็ผ่านเรื่องราวชีวิตมาเยอะ
โดนกดขี่ข่มเหง ต่าง ๆ นานา


บางคนก็โดนบอกว่าให้เก็บกระเป๋ากลับบ้านเถอะ เพราะคงสอบภาษาอังกฤษไม่ผ่าน
แต่เราก็ช่วยขอ PR ให้จนได้ ด้วย subclass 186 ที่ใช้ผลการเรียน 5 ปีก็มี


กับหนทางที่บางทีอาจจะดูเหมือนลิบหลี่
อย่าเพิ่งท้อ
ท้อมีเอาไว้ให้ลิงถือ


ลองศึกษา
ลองปรึกษาใครซักคนดู มันอาจจะมีหนทาง


เราดีใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการพลิกผันสถานการณ์หลาย ๆ ครั้ง


ทุกความฝัน
ทุกเป้าหมาย
เราทำได้ถ้าเราไม่ย่อท้อ


ทุกสิ่งอย่างในชีวิต
มี way ของมัน


เหนื่อยได้
ท้อได้
แต่อย่าหยุด

Note: ขโมยรูปมาใช้ แต่มั่นใจว่าเจ้าของรูปคงไม่ว่าอะไร... oops!!!

Sunday, September 5, 2021

2nd subclass 485 สำหรับคนที่เรียนอยู่ที่ regional area



2nd Subclass 485 ก็เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงคำนิยามของคำว่า regional เมื่อวันที่ 16 Nov 2019

เพื่อเป็นการกระจายจำนวนประชาการให้ไปอยู่เมืองรอบนอก

ทุกวันนี้ infrastructure ต่าง ๆ ในเมืองใหญ่เริ่มรับไม่ไหวกับจำนวนประชากรที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Sydney, Melbourne หรือ Brisbane

รถติด คนแออัดตาม public transportation ต่าง ๆ (ช่วงที่ไม่มี social distancing) และคิวที่ emergency section ของโรงพยาบาลก็รอนาน

Subclass 485; Temporary Graduate Visa

Graduate Work Stream; สำหรับคนที่จบในสาขาอาชีพที่อยู่ใน long-term list และไม่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัย ก็จะขอ subclass 485 ได้ 1.5 ปี (18 เดือน)

- Post-Study Work Stream; สำหรับคนที่จบในมหาวิทยาลัย ก็จะขอ subclass 485 ได้ 2-4 ปี

ข้อมูลพวกนี้อยู่ที่ blog อันเก่าของเราแล้ว เรื่อง subclass 485
สามารถเข้าไปอ่านได้ที่

https://jpp168immi.blogspot.com/2019/02/visa-subclass-485-temporary-graduate.html

ส่วน 2nd Subclass 485 ก็จะเป็น extra years สำหรับคนที่อยู่ใน Post-Study Work Stream เท่านั้น

คือคนที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น
ไม่เกี่ยวกับ VET course ที่เรียนกันใน college
และเฉพาะที่เรียนในเขต regional area เท่านั้น

คนที่เรียนอยู่ที่ Sydney, Melbourne หรือ Brisbane ก็หมดสิทธิ์ไป เพราะถือว่าเรียนอยู่ในเมืองใหญ่

2nd Subclass 485 ไม่ได้ double นะครับ จะได้แค่ 1 หรือ 2 ปีเท่านั้น ขึ้นอยู่กับ location ของสถานที่ที่เราเรียน และสถานที่ที่เราอยู่ในระหว่างถือ subclass 485 ตัวแรกด้วย

- ถ้าเรียนอยู่ Category 2: Designated city or major regional centre แล้วช่วงที่ถือ subclass 485 ตัวแรก อยู่อาศัยอยู่ที่ Category 2: Designated city or major regional centre แบบนี้เราได้จะ 2nd subclass 485 มา 1 ปี

- ถ้าเรียนอยู่ Category 3 - Regional centre or other regional area แล้วช่วงที่ถือ subclass 485 ตัวแรก อยู่อาศัยอยู่ที่ Category 2: Designated city or major regional centre แบบนี้เราได้จะ 2nd subclass 485 มา 1 ปี

- ถ้าเรียนอยู่ Category 2: Designated city or major regional centre แล้วช่วงที่ถือ subclass 485 ตัวแรก อยู่อาศัยอยู่ที่ Category 3 - Regional centre or other regional area แบบนี้เราได้จะ 2nd subclass 485 มา 1 ปี

- ถ้าเรียนอยู่ Category 3 - Regional centre or other regional area แล้วช่วงที่ถือ subclass 485 ตัวแรก อยู่อาศัยอยู่ที่ Category 3 - Regional centre or other regional area แบบนี้เราได้จะ 2nd subclass 485 มา 2 ปี


Category 2: Designated city or major regional centre มี postcode ดังต่อไปนี้

NSW: 2259, 2264 ถึง 2308, 2500 ถึง 2526, 2528 ถึง 2535 และ 2574

VIC: 3211 ถึง 3232, 3235, 3240, 3328, 3330 ถึง 3333, 3340 และ 3342

QLD: 4207 ถึง 4275, 4517 ถึง 4519, 4550 ถึง 4551, 4553 ถึง 4562, 4564 ถึง 4569 และ 4571 ถึง 4575

WA: 6000 ถึง 6038, 6050 ถึง 6083, 6090 ถึง 6182, 6208 ถึง 6211, 6214 และ 6556 ถึง 6558

SA: 5000 ถึง 5171, 5173 ถึง 5174, 5231 ถึง 5235, 5240 ถึง 5252, 5351 และ 5950 ถึง 5960

TAS: 7000, 7004 ถึง 7026, 7030 ถึง 7109, 7140 ถึง 7151 และ 7170 ถึง 7177

ACT: ทั้ง ACT


Category 3 - Regional centre or other regional area มี postcode ดังต่อไปนี้

NSW: 2250 ถึง 2258, 2260 ถึง 2263, 2311 ถึง 2490, 2527, 2536 ถึง 2551, 2575 ถึง 2739, 2753 ถึง 2754, 2756 ถึง 2758 และ 2773 ถึง 2898

VIC: 3097 ถึง 3099, 3139, 3233 ถึง 3234, 3236 ถึง 3239, 3241 ถึง 3325, 3329, 3334, 3341, 3345 ถึง 3424, 3430 ถึง 3799, 3809 ถึง 3909, 3912 to 3971 และ 3978 ถึง 3996

QLD: 4124 ถึง 4125, 4133, 4183 ถึง 4184, 4280 ถึง 4287, 4306 ถึง 4498, 4507, 4552, 4563, 4570 และ 4580 ถึง 4895

WA: ทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ใน category 2

SA: ทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ใน category 2

TAS: ทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ใน category 2

NT: ทั้ง NT

Norfolk Island: ทั้ง Norfolk Island

Other territories: ทุก postcode ที่ไม่ได้อยู่ใน ACT, NT หรือ Norfolk Island

ต่อจากนี้ไป การเลือกมหาวิทยาลัยในการเรียนสำคัญเสมอ
และการเลือกถิ่นที่อยู่ในการอาศัยหลังจากที่เรียนจบด้วย มีผลต่อการขอ 2nd Subclass 485 ทั้งนั้นเลย

ศึกษารู้เท่าทันนะครับ
เราเอาใจช่วยทุกคน

มีประโยชน์โปรดแชร์

Copyright: แชร์จากต้นโพสต์เท่านั้น, ไม่อนุญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture

Friday, September 3, 2021

Subclass 186 ENS; สงครามยังไม่จบ นับศพยังไม่ได้ ผลสอบภาษาอังกฤษและอายุ



March/April last year; 2020
ใคร "someone" จาก Melbourne โทรมาหาเรา โทรมาถี่ ๆ มาก
เราไม่ได้รับสาย เพราเป็นสายแปลก
เบอร์นี้ไม่ได้นัดเอาไว้
นางคงไม่รู้จักเราแหละ ถ้ารู้จักเราไม่มีโทรมาโดยที่ไม่ได้นัดหมาย และจะไม่โทรถี่ขนาดนี้... oops!!!

เราก็เดาเอาว่าคงไม่ใช่คนที่ follow ใน page เรา เพราะถ้า follow เราใน page คนส่วนมาก (ไม่ทั้งหมด) ก็พอจะรู้อยู่ว่าเราไม่รับสายแปลกนานแล้ว

เราก็จำได้ว่าหลังจากนั้นเขาก็ทักเข้ามาใน Facebook page inbox
แต่เราก็ politely ตอบกลับไปแหละว่า "ไม่ว่าง" เพราะบางทีเราก็รับ book เอาใว้หมดแล้วในอาทิตย์นั้น ๆ 

รวบรัดตัดตอน เอาเป็นว่าเราได้คุยกันในที่สุด
เป็น case ของพี่ชายของเค๊า
เงินมาผ้าหลุด (งก)

case ของคุณพี่ท่านนี้มีความ unique เฉพาะตัว เพราะพี่เค๊าถือ subclass 457 เป็นวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ และก็เป็น transitional arragement เพราะพี่เค๊าถือหรือยื่น subclass 457 ก่อนหรือ ณ วันที่ 18 Apr 2017 วันที่รัฐบาลยุค Malcolm Turnbull ประกาศเปลี่ยนกฎแบบฝ้าแลบ แต่เขาก็ยังมี transitional arragment ให้คนที่ถือกฎเก่า อันนี้ก็ถือว่าเป็นความโชคดีไป รัฐบาลก็ไม่ได้โหดร้ายมากนัก

case นี้ ทุกสิ่งอย่าง เราคุยผ่านน้องสาว ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ทำเรื่องให้พี่ชาย 

น้องสาวทำเรื่องให้พี่ชาย คนในครอบครัว มันมี way ของมัน

การที่เราออกมาเขียน page, เขียน blog ให้ข้อมูลฟรี ๆ แบบนี้
แต่ก็ยังไม่อีกหลายคน หลายชีวิตที่ยังไม่รู้จัก page เรา ไม่รู้จัก blog เรา
ไม่รู้จัก "J Migration Team" เพราะหลาย ๆ ธุรกิจเขาก็จะมีทนายประจำของธุรกิจของเขาอยู่แล้ว

เรามันก็แค่มดตัวเล็ก ๆ อยู่ที่ Wollongong
เราก็ไป VIC office ทุก ๆ 3 เดือนนะ
ไป QLD office ทุก ๆ 3 เดือนนะ
แต่พี่เค๊าก็ไม่ได้รู้จักเรา อาจจะไม่ได้เล่นโซเซียล

ก็ไม่เป็นไร คนที่รู้จักก็รู้จัก 
คนไม่รู้จักเราก็เยอะ เพราะหลาย ๆ คนก็ไม่ได้มีเวลามานั่งอ่านข้อมูล หรือเสพข้อมูลในโลก online อะไรมาก เพราะเขาก็ต้องก้มหน้าก้มตา ทำมาหากิน ซึ่งก็ไม่แปลก คนส่วนมากก็ปล่อยเรื่องวีซ่าให้กับทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์ประจำธุรกิจเป็นคนจัดการ เจ้าของธุรกิจทุกที่ต้องมีทนายประจำร้านอยู่แล้ว

case ของคุณพี่ท่านนี้ มีความหัวเลี้ยวหัวต่อนิดหนึ่งคือ ทนายประจำร้านยื่นวีซ่า subclass 186 ENS หลังวันที่ 16 Nov 2019 แล้วทาง case officer ขอผลสอบภาษาอังกฤษ IELTS 6 each band หรือ PTE Academic 50 each band

Oh...no... ยื่นหลังหรือ ณ 16 Nov 2019 วันที่กฎหมายเปลี่ยน

ทั้ง ๆ ที่พี่เค๊าเรียนจบ ABAC มาจากเมืองไทย เรียนเป็นภาษาอังกฤษมาหลายปี และก็มาเรียนที่ออสเตรเลียอีกหลายปี พี่เค๊ามีผลการเรียนเกิน 5 ปีแน่นอน แต่ทนายของทางร้านก็พลาดตรงที่ไม่ได้ยื่นก่อนวันที่ 16 Nov 2019 ก่อนที่กฎของ subclass 186/187 จะเปลี่ยน

สรุปก็คือเสียโอกาสไป
แต่เท่านั้นยังไม่พอ
พี่ผู้ชายท่านนี้อายุกำลังจะเกินกำหนดอีกไม่กี่เดือน พี่เค๊ามีทางเดียวคือสอบ IELTS/PTE ให้ได้ ถ้าอายุเกิน ทุกอย่างก็คือจบ พับเสื่อกลับบ้าน

และที่ peak ไปกว่านั้นคือ stage 1 nomination ผ่านแล้ว
ดังนั้น stage 2 ต้องยื่นภายใน 6 เดือนเท่านั้น ถ้าหลัง 6 เดือน  nomination ก็จะ expire... จบข่าว (ยื่น stage 1 ได้ใหม่แหละ แต่มันก็ต้องเสียตังค์)

Strategy ที่เราใช้คือ:

1. ยื่น stage 2 ของ subclass 186 เข้าไปใหม่ โดยทั้ง ๆ ที่พี่เค๊าไม่มีผลสอบ  IELTS/PTE อย่างน้อยก็เพื่อยื้อเวลา รู้ว่ายังไงก็ไม่ผ่าน แต่พี่เค๊าต้องการแค่ Bridging Visa เพื่อที่จะอยู่ที่นี่แล้วสอบภาษาอังกฤษให้ได้ เพราะการที่เรายื่น stage 2 เข้าไปใหม่ มันก็เป็นการซื้อเวลาให้พี่เค๊า 6-9 เดือนในการเร่งสอบภาษาอังกฤษ อันนี้ก็ถือว่าเป็นการยื่น stage 2 ของ subclass 186 ชีวิตคนเราบางทีมันก็ no choice ก็ต้องทำ เงินซื้ออะไรไม่ได้ทุกอย่าง แต่ก็ซื้อโอกาสให้พี่เค๊าอยู่ที่นี่เพื่อสอบภาษาอังกฤษ

2. หลังจากนั้นก็ถอน stage 2 อันเก่าที่ยื่นไปครั้งแรกกับทนายคนเก่า ทนายของร้านที่ทำอย่างพังทะลาย 

สาเหตุที่ถอน เพราะ stage 2 อันเก่าได้ case officer แล้ว และ case officer ก็ขอผลสอบภาษาอังกฤษมาแล้ว ถ้าพี่เค๊าไม่มีส่งไปให้ case officer วีซ่าของพี่เค๊าก็จะโดนปฏิเสธ และพี่เค๊าก็จะโดน section 48 ไม่สามารถยื่นวีซ่าได้ภายในประเทศออสเตรเลีย หลาย ๆ คน prefer ที่จะยื่นเรื่อง onshore ครับ มันทำอะไรต่อมิอะไรได้เยอะกว่าการออกไปยื่นเรื่อง offshore

3. วันเวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก ตดยังไม่หายเหม็น พี่เค๊าสอบ PTE Academic ผ่าน เราก็ต้องยื่น stage 2 ของ subclass 186 กันอีกรอบสิครับ เป็นการยื่น stage 2 รอบที่ 3 ของพี่เค๊า (1 รอบกับทนายคนเก่า และ 2 รอบกับเรา แต่อย่างน้อยเราก็มี strategy มี roadmap 1-2-3-4 ให้พี่เค๊า) และถอน stage 2 ของตัวเก่าออกมา ที่ยื่นกับเราครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่ 2 ของพี่เค๊า

หลังจากนั้นพวกเราก็รอวน ๆ ไป
เมื่อพี่ถูกเรียกให้ไปตรวจร่างกาย เราก็รู้แล้วหละ ว่าวีซ่าพี่เค๊าจะผ่านแล้ว

พี่เค๊านั่งรอดอกไม้ที่หัวบรรไดทุกค่ำคืน

แต่พี่ครับ วีซ่ามันยังไม่ผ่าน เราไม่สามารถส่งดอกไม้ไปได้ พี่ไม่ต้องรอนะครับ ใช้ชีวิตของพี่ตามปรกติไป เมื่อถึงเวลา เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น มันจะมาของมันเอง

ไม่เร่งผล
ไม่กังวลนะครับพี่ :)

และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง

วีซ่าผ่าน ณ เวลา 2:43pm 
เราจำเวลาได้ เพราะมันเลยเวลาสั่งดอกไม้แล้ว ร้านดอกไม้ online ต้องสั่งก่อน 2pm เท่านั้น ดอกไม้ถึงจะส่งภายในวันเดียวกัน

ก็ไม่เป็นไรนะ
ปรกติเราให้ทีมงานของเราเป็นคนจัดการในเรื่องของดอกไม้
แต่ case นี้ พี่ท่านนี้ เราขอเป็นคนเลือกเอง สั่งเอง เสร็จสรรพ
ก็กะเอาว่าดอกไม้ไปส่ง 3pm-5pm ให้ surprise หัวใจวายกันเล่น ๆ เพราะพี่เค๊ารอมานานมาก และพี่เค๊าผ่านอะไรมาเยอะกับทนายคนเก่าของร้าน

เราก็กะจะจุดพลุเต็มที่
แพลนเอาไว้แล้วว่า ดอกไม้ไปถึง 3pm-5pm 
แล้วเราก็จะ email ตามไป 5pm อะไรประมาณนี้

OK ได้เลย

 OK-1: draft email ของพี่เค๊า เรียบร้อยเสร็จสรรพ saved เอาไว้แล้ว รอส่งวันรุ่งขึ้น

OK-2:  draft email ของแฟนพี่เค๊าด้วย เสร็จสรรพ ปุ๊บ ๆ ๆ แล้วก็นั่งทำงานต่อ

และแล้วเราก็ได้รับ LINE message จากน้องสาวของพี่เค๊า
ว่าดีใจ วีซ่าผ่านแล้ว นั่น นี่ โน่น

เอ๊ย... เดี๋ยวก่อนนะ เกิดอะไรขึ้น
ดอกไม้วันต้องวันรุ่งขึ้นหนิ
email มันก็ต้องวันรุ่งขึ้น ตอนเย็น หลังจากดอกไม้สิ ก็แพลนเอาไว้หมดแล้ว

OMGGGGGGGGG
โอ๊ยยยยยยยยยยย เกลียดตัวเองที่สุด... LOL
เสียแผนหมดเลย

เราเผลอกดส่ง email ของแฟนพี่เค๊าซะหละ
หมดกัน ความแตก!!!

surprise ซ้อน surprise
คือถ้าคนติดตามได้ PR พี่เค๊าซึ่งเป็น main applicant ก็ต้องได้ PR ด้วยสิ 

ก็เอาเป็นว่า happy กันไปทุกฝ่าย
ทั้งคนที่อยู่ Wollongong และคนที่ Melbourne

อีก 12 เดือนทำเรื่องขอ citizenship นะครับพี่

กราบขอบพระคุณคุณพี่ท่านนี้และน้องสาวของเค๊า
ที่เลือกใช้บริการของเรา

สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อนะครับ

เรารู้สึกทราบซึ้งจากหัวจิต
จากมดตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่ Wollongong

ก้าวเล็ก ๆ ของวันนั้นเมื่อปี 2008
จากเด็กตัวน้อย ๆ คนหนึ่ง มดตัวเล็ก ๆ จาก Wollongong
13 ปีผ่านไป เราผ่านอะไรมาเยอะ
ในวันที่มีคนบอกว่า "Wollongong เมืองเล็ก ๆ จะมีลูกค้าหรือเปล่า จะมีเงินจ่ายค่า registration รายปีหรือเปล่า" ตรง ๆ ซึ่ง ๆ หน้าเมื่อปี 2008/2009

เราโดนมาหมดแล้วจ๊ะ

กราบขอบคุณลูกค้าทุกคนที่เลือกใช้บริการของเรา

กราบขอบคุณทุกคนที่ให้ความไว้วางใจ
สินค้าดีใช้แล้วช่วยบอกต่อ

ศีลเสมอแล้วเจอกัน